อื่นๆ

ฟังเสียงของหัวใจ แล้วขับเคลื่อนด้วยพลังรักอันบริสุทธิ์

532
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ฟังเสียงของหัวใจ แล้วขับเคลื่อนด้วยพลังรักอันบริสุทธิ์

robotคุณผู้อ่านเชื่อไหม ชีวิตของฉันเป็นเหมือนหุ่นยนต์ที่วิ่งตามกระแสความต้องการของใครต่อใครมาครึ่งค่อนชีวิต ไม่เคยหยุดฟังเสียงหัวใจของตัวเองเลย ตั้งแต่ลืมตาดูโลกและจำความได้ ก็เชื่อฟังพ่อ เชื่อฟังแม่ ครอบครัวของฉันค่อนข้างหัวโบราณในเรื่องผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง ดังนั้นคนเป็นผู้นำในบ้านของฉันก็คือ พ่อ ฉันมักจะได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติตามความคิดเห็นของท่านเป็นส่วนใหญ่โดยไม่ต้องมีการโต้แย้ง

แต่สำหรับแม่ แม่เลี้ยงดูฉันแบบหวงห่วงด้วยความรัก แต่ก็ปล่อยให้เป็นอิสระ กรอบชีวิตของฉันก็เลยออกมาแบบแม่ห่วงฉัน ฉันก็รักและเป็นห่วงเป็นใยท่าน เวลาในชีวิตส่วนใหญ่ฉันจะไม่ค่อยแบ่งให้ใครอื่นนอกจากทุ่มเทให้กับแม่ เช้าไปโรงเรียน เย็นกลับบ้านมาช่วยแม่ทำงานบ้าน เลี้ยงน้อง กินข้าวกับที่บ้าน มีความสุขตามอัตภาพ เป็นอย่างนี้ตลอดช่วงชีวิตวัยเด็กจนถึงวัยรุ่น ช่วงวัยรุ่นสมัยนั้นยังไม่มีโซเชียลมีเดีย ไม่มีไลน์ ผู้คนจะติดต่อกันก็เป็นทางโทรศัพท์บ้าน แต่ฉันก็ไม่ค่อยได้โทรติดต่อกับใคร เพราะยังติดบ้านอยู่นั่นเอง ก็ไม่ค่อยจะออกนอกกรอบของทางบ้าน

Advertisement

Advertisement

upset womanแต่พอเข้าช่วงวัยทำงาน ฉันเริ่มฟังความต้องการของหัวหน้างาน และเพื่อนร่วมงาน มีการสังสรรค์กับเพื่อนสมัยเรียน ชีวิตเริ่มห่างทางบ้าน เริ่มให้เวลากับการทำงานมากขึ้น เช้าออกจากบ้านค่ำกลับถึงบ้านสองทุ่ม-สามทุ่ม ไม่ค่อยมีเวลาให้กับคนทางบ้านเหมือนอย่างเคย บางวันทำงานล่วงเวลากลับดึกเข้าไปอีก คอยฟังแต่ความต้องการของหัวหน้างาน หัวหน้าสั่งงานอะไรเป็นปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ทั้งปีไม่เคยหยุดงาน ทุ่มเทให้กับงานมาก งานจะผิดพลาดไม่ได้ เคร่งครัดมาก จนมาถึงจุดหนึ่งก็เหนื่อยล้า ไม่มีพลังเหลือ เพราะไม่เคยพักชาร์จแบตเลย ไม่เที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ ทำแต่งาน ชีวิตจึงไม่สมดุล มาคิดได้ภายหลังว่า ที่ฉันทำแบบนี้เพื่ออะไร จริงๆ แล้วฉันเพียงต้องการความรักความจริงใจจากเพื่อนในสถานที่ทำงาน ซึ่งฉันไม่เคยได้รับจากใคร ทุกคนในที่ทำงานต่างมีชีวิตส่วนตัว ดังนั้นการอยู่ในที่ทำงานก็เพียงเพื่อทำให้งานเสร็จไปวันหนึ่งๆ ก็เท่านั้นเอง คนในที่ทำงานพบเจอกันชั่วครู่ชั่วยาม เพียงรู้จักผิวเผินแล้วก็แยกจากกันเพื่อไปมีชีวิตส่วนตัว  ซึ่งต่างกับความประสงค์ของฉัน ไปอยู่ที่ไหนก็ต้องการความรักความเมตตา ความเอื้อเฟื้อความจริงใจจากที่นั่น แต่ฉันไม่เคยได้รับ ยิ่งไม่เคยได้ ก็ยิ่งต้องการ ฉันจึงได้ทุ่มเทชีวิตและจิตใจเพื่อให้ได้มาซึ่ง...ความรักความเมตตา แต่กลับว่างเปล่า เพราะไม่มีใครสามารถให้ฉันได้

Advertisement

Advertisement

Asian Financial Crisisจวบจนถึงปี พ.ศ.2542 ก็สิ้นสุดชีวิตลูกจ้างบริษัทของฉัน ด้วยวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง บริษัทล้มละลาย ทุกชีวิตที่นั่นต่างคนต่างไป ฉันเองไม่เคยกลับไปพบเจอกับคนเหล่านั้นอีกเลย ฉันพยายามหางานใหม่ แต่เศรษฐกิจย่ำแย่ขนาดนั้นอยู่ที่ไหนก็ไม่ได้นาน เปลี่ยนได้ 2-3 แห่ง ฉันก็ไม่ได้เป็นลูกจ้างใครอีก แต่กลับมาใช้ชีวิตแบบใหม่ ทำตามเสียงของหัวใจตัวเอง ทำงานเองที่บ้าน ทำงานตามหัวใจสั่ง คิดค้นสิ่งที่ปรารถนาอยากจะทำ และได้อยู่กับแม่อีกครั้ง ก็พบกับคำตอบว่า ที่ผ่านมาเราทุ่มเททำงานเพื่ออะไร ที่แท้เราไม่ต้องวิ่งตามสังคมเลย เพราะเราเองก็มีของเราอยู่แล้ว นั่นคือความรักความเมตตาจากบุพการีของเรานั่นเอง มัวเสียเวลาไปไขว่คว้าจากคนอื่นคนไกลทำไมก็ไม่รู้ พวกเขาไม่เคยมีให้เราแม้แต่น้อย แล้วฉันก็กลับมามีพลังชีวิตมากมายอีกครั้ง มันเหลือเฟือขนาดทำให้ฉันมีแรงคิดค้นอะไรใหม่ๆ แก้ปัญหาเรื่องยากๆ สำเร็จ เป็นชีวิตที่ฉันรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ฉันสามารถชนะทุกสิ่งจากภายในตัวของฉันเอง ขอบคุณความรักจากแม่ ความรักที่ไม่ต้องการสิ่งอื่นใดมากไปกว่าความปรารถนาที่จะเห็นลูกมีความสุข ความรักที่เป็นแหล่งพลังงานให้ฉันมุ่งมั่นสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นไปได้ยากให้เกิดขึ้นจริง

Advertisement

Advertisement

infantความรักอันบริสุทธิ์มอบพลังงานมหาศาลแก่เราค่ะ คุณผู้อ่านพบเจอแหล่งพลังงานชนิดนี้หรือยังคะ ถ้าพบแล้วรักษาไว้ให้ดีนะคะ เพราะชีวิตคุณจะผ่านอุปสรรคไปได้ก็ด้วยพลังงานชนิดนี้ล่ะค่ะ ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วพบกันใหม่นะคะ


รูปปก ภาพประกอบ 1 ขอบคุณ Gerd Altmann จาก Pixabay / ภาพประกอบ 2 ขอบคุณ prettysleepy1 จาก Pixabay / ภาพประกอบ 3 ขอบคุณ Gerd Altmann จาก Pixabay / ภาพประกอบ 4 ขอบคุณ samuel Lee จาก Pixabay

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์