ถ้าเราจะนิยามความหมายของปราการหลังตัวกลางที่ยอดเยี่ยมแล้วละก็ เราอาจจะนึกถึงความแข็งแกร่ง, การยืนตำแหน่ง, เล่นลูกกลางอากาศได้ดี, อ่านเกมส์ดี และอีกมากมายที่ปราการหลังตัวกลางพึ่งจะมี... เมื่อมองไปยังทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในขณะนี้ และกวาดสายตาดูรายชื่อก่อนเกมส์การแข่งขันแล้วละก็บางคนอาจจะรู้สึกแปลกใจและมีข้อตะคิดตะควงใจอยู่เป็นนิจ เมื่อเห็นชื่อ “วิคเตอร์ ลินเดอลอฟ” ลงเป็นตัวจริงอีกแล้ว... นับตั้งแต่เจ้าของฉายา “ไอซ์แมน” ย้ายเข้ามาอยู่กับทีม วิคเตอร์ ลินเดอลอฟ ก็ยังไม่สามารถก้าวไปยังจุดที่แฟนบอลคาดหวัง อาจจะมีฟอร์มที่ดีบ้าง แต่โดยมากแล้วก็ออกแนวไม่มีความสม่ำเสมอเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งในหลายๆครั้งแฟนบอลต่างเรียกร้องให้กุนซือของทีมอย่างน้าลูกอม “โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์”เปลี่ยนเอา เอริก ไบยี่ ลงเป็นตัวจริงคู่กับ แฮรี่ แมไกวร์ ได้แล้ว ซึ่งเมื่อเราลองเอา วิคเตอร์ ลินเดอลอฟ กับ เอริก ไบยี่ มาเปรียบเทียบกัน เราจะเห็นได้หลายๆอย่างว่า ไบยี่ นั้นเหนือกว่าในหลายๆด้านไม่ว่าจะเป็น ความแข็งแกร่ง, ลูกบู้ หรือความหนักหน่วงในการเข้าสกัดที่มีมากกว่า ส่วน Lindelof ที่ผมมองเห็นมีดีที่การออกบอล รวมถึงไม่เจ็บง่ายเหมือน เอริก ไบยี่ เท่านั้นเอง นอกนั้น ไบยี่ กินขาดเกือบทุกอย่าง และเมื่อมองในด้านความเหมาะสมของปราการหลังตัวกลางโดยทั่วไปแล้วจะพบว่าจะต้องมีตัวบู้และตัวบุ๋น เหมือนอย่างที่ทีมแมนยูในยุครุ่งเรืองเป็นมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็น สตีฟ บรูซ จับคู่กับ แกรี่ พัลลิสเตอร์ ที่มี บรูซ เป็นตัวชน แล้ว พัลลิสเตอร์เป็นเก็บกวาด หรือจะเป็นยุคต่อมาที่มี ยาป สตัม จับคู่รอนนี่ ยอนเซ่น จนได้แชมป์ยุโรปก็มีเคมีดังที่กล่าวไป และอีกคู่ที่ถือว่าเป็นสุดยอดคู่หูปราการหลังระดับต้นๆในยุคนั้นอย่าง ริโอ เฟอร์ดินานด์ กับ เนมายา วีดิช ก็ให้อารมณ์ที่เป็นตัวชนกับตัวซ้อนเช่นกัน และเมื่อกลับมามองกองหลังในปัจจุบันจะพบว่า วิคเตอร์ ลินเดอลอฟ กับ แฮรี่ แมไกวร์ นั้นมีความคล้ายคลึงกันในด้านการเป็นตัวซ้อนซะมากกว่าที่จะเกื้อหนุนกัน ซึ่งในความคิดเห็นของผม ควรให้ เอริก ไบยี่ ที่ให้อารมณ์การเป็นตัวชน ลงคู่กับ แฮรี่ แมไกวร์ มากกว่าครับ สุดท้ายนี้ผมก็อยากจะฝากถึงแฟนๆ ชาวผีแดงทุกหมู่เหล่านครับว่า แนวโน้มหรือโมเมนตั้มเริ่มเหวี่ยงกับมาหาพวกเราเป็นแม่นมั้นแล้ว หลังจากที่ทุกลักทุเลประสบปัญหาหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นปัญหาอาการบาดเจ็บ ตัวผู้เล่นที่ฝีเท้าไม่ถึงเริ่มถูกลดระดับลง และการได้มาของนักเตะที่มีคลาสและเคมีที่ตรงตามปรัชญาของทีมปีศาจแดงแล้ว เชื่อได้ว่าปีนี้ต้องติดท็อปโฟร์อย่างแน่นอน เครดิตรูปภาพ : หน้าปก / รูปภาพที่ 1 / รูปภาพที่ 2 / รูปภาพที่ 3