เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างเริ่มกลับมาเป็นปกติ ร่างกายก็เรียกร้องที่จะออกไปสัมผัสและซึมซับบรรยากาศธรรมชาติอันสวยงามที่ธรรมชาติได้สรรค์สร้างไว้ ทริปนี้เรารู้สึกอยากไปสัมผัสอากาศดี ๆ ไปในที่ที่มีหมอกปกคลุม อยากไปสัมผัสกับวิถีการใช้ชีวิตของคนในชุมชน ซึ่งถ้าคุณมาที่นี่ คุณจะได้เห็นถึง 3 วัฒนธรรม คือไทย มอญ และกะเหรี่ยง การเดินทางค่อนข้างง่าย เราเลือกไปกันที่อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ใช้เวลาเดินทางไม่นานประมาณ 3 ชั่วโมง พอเลือกสถานที่ได้ก็เก็บกระเป๋าไปกันเลย สำหรับใครที่ยังไม่เคยไปสังขละบุรี ลองตามเรามาดูกันว่าจะสวยงามและน่าไปเที่ยวขนาดไหน สะพานมอญ สังขละบุรี ไม่ได้มีดีแค่สะพานมอญ [เมืองสามหมอก] กาญจนบุรี สัมผัสแรกที่เรารู้สึกประทับใจเมื่อไปถึงก็คือ การใช้ชีวิตของคนพื้นเมือง คนในชุมชน ถึงแม้ที่นี่จะค่อนข้างเจริญ มีร้านสะดวกซื้อ แต่ผู้คนในพื้นที่ก็ยังน่ารัก รู้สึกและรับรู้ได้ด้วยการพูดคุย ความจริงใจของคนพื้นเมือง นี่เป็นเสน่ห์ที่น่ารักเวลาเราได้ไปเที่ยวในสถานที่ที่ยังคงความเป็นชุมชนพื้นเมืองอยู่ อาหารการกิน หาได้ไม่ยาก และราคาไม่แพง มีอาหารแปลก ๆ ให้ได้ลองทาน สำหรับกิจกรรมตอนเช้า จะมีการใส่บาตรที่สะพานมอญ มีจัดชุดขายประมาณ 100 บาท แต่เนื่องจากตอนเช้า ฝนได้ตกกระหน่ำลงมาทำให้เราพลาดการใส่บาตรไป T-T ก็เลยถือโอกาสเดินเล่นไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่มีแพลนใด ๆ (ขนาดที่พักก็กดจองระหว่างการเดินทางนี่แหละ) พูดถึงสะพานมอญ(สะพานอุตตมานุสรณ์) สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย เป็นสะพานแห่งประวัติศาสตร์ที่ได้จากการที่หลวงพ่ออุตตะมะได้ให้ชาวบ้านทั้งชาวกะเหรี่ยง และชาวมอญร่วมแรงร่วมใจกันดำน้ำลงไปตัดซากไม้ใต้น้ำ เพื่อนำมาสร้างสะพานแห่งนี้ ที่มีความยาวกว่า 850 เมตร เพื่อนำไว้ใช้ในการสัญจรไปมาระหว่างชาวไทยและชาวมอญ เวลาที่เราอยู่บนสะพานนี้ จะได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ได้เห็นแม่น้ำทั้ง 3 สาย ( ซองกาเลีย บิคลี่ และ รันตี มารวมเป็นแม่น้ำแคว) และยังได้เจอมัคคุเทศน์ตัวน้อย ๆ ที่จะวิ่งมาหานักท่องเที่ยวเพื่อแนะนำและบอกเล่าประวัติของสะพานมอญแห่งนี้ จะได้เห็นความน่ารักของเด็ก ๆ วิถีชีวิตของคนในชุมชนที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ไว้ได้เป็นอย่างดี เมื่อเดินข้ามสะพานไปจนสุด ข้ามไปฝั่งมอญ จะได้เห็นร้านขายเสื้อผ้าพื้นเมือง ของฝากต่าง ๆ ตลอดทาง เดินไปเรื่อย ๆ ก็ไปเจอเพลิงไม้ก็สงสัยว่าขายอะไร มันคือขนมจีนหยวกกล้วย !! หน้าตาไม่ค่อยคุ้นสักเท่าไหร่ แต่รสชาติดีใช่ย่อย แม่ค้าก็เป็นชาวมอญพูดคุยน่ารัก แม้เราจะฟังไม่ค่อยรู้เรื่องก็ตาม (ยังไงก็ยิ้มไว้ก่อน) เมื่ออิ่มท้องก็เริ่มเดินเท้าไปสำรวจเมืองกันต่อ มีชาวมอญวิ่งเข้ามาหาเราและเสนอทริปนั่งเรือไปชมเมืองบาดาล ปกติราคา 600 บาท แต่เค้าจะคิดแค่ 300 บาท / ลำ แถมยังมีชุดชาวมอญให้ใส่อีกด้วย ก็ไม่รอช้ารีบตอบตกลงไปทันที ทริปล่องเรือนี้เราได้ไปชมความงามของเมืองใต้บาดาล ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 40 นาที ช่วงที่เราไปเป็นช่วงเดือนมกราคม น้ำเยอะจึงได้เห็นเพียงยอดของโบสถ์ ไม่สามารถลงไปเดินด้านล่างได้ สำหรับวัดวังก์วิเวการาม (วัดใต้น้ำ) ได้สร้างขึ้นในปี 2499 (บริเวณสามประสบ) แต่มาในปี 2527 ได้มีการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ (เขื่อนเขาแหลม) ทำให้น้ำทะลักออกมาท่วมเมืองสังขละบุรี (เก่า) และบริเวณวัดแห่งนี้ หลวงพ่ออุตตะมะจึงได้ย้ายมาสร้างวัดอยู่บนเนินเขา ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน จะสามารถลงไปเดินชมตัวโบสถ์ได้ ความสวยงามและมีมนต์ขลังของที่นี่ จนกลายเป็นแหล่ง Unseen Thailand อีกหนึ่งแห่งที่นักท่องเที่ยวต่างก็อยากมายลโฉมความงามของที่นี่ เมื่อนั่งเรือมาเรื่อย ๆ ไกด์ก็พาเรามาที่วัดสมเด็จ (เก่า) จะอยู่ตรงข้ามกับเมืองบาดาล ที่นี่เป็นอุโบสถหลังเก่าของวัดสมเด็จที่ถูกทิ้งร้างตั้งแต่เมื่อเริ่มมีการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ (เขื่อนเขาแหลม) แต่ไม่ได้จมน้ำ รอบ ๆ ตัวโบสถ์จะมีต้นไทรต้นใหญ่คอยให้ร่มเงาปกคลุมอยู่ ยิ่งช่วยเพิ่มให้ดูมีมนต์ขลังมากยิ่งขึ้นไปอีก ที่นี่จะค่อนข้างเงียบสงบ เราสามารถเดินชมรอบ ๆ และเข้าไปไหว้พระประธานด้านในได้เช่นกัน สิ่งที่แปลกตาสำหรับที่นี่ก็คือกองก้อนหินที่เรียงซ้อนกันอยู่มากมาย อยู่ใกล้ ๆ ป้ายที่บอกว่า ห้ามซ้อนหิน ห้ามเรียงหิน แต่ก็มีกองก้อนหินที่เรียงรายอยู่รอบ ๆ ป้าย และก็เป็นการจบทริปล่องเรือในทริปนี้ของเรา ซึ่งบอกเลยว่ารู้สึกประทับใจมาก บางคนอาจจะเห็นทริปล่องเรือแปะอยู่ตามที่พัก หรือรีสอร์ทต่าง ๆ ซึ่งราคาค่อนข้างสูง แต่อันนี้เราได้เจอโดยบังเอิญโดยชาวมอญเป็นคนจัดการทริปนี้ และเราประทับใจมาก ๆ พี่ที่ขับเรือก็ใจดีมาก ๆ อธิบายให้ฟังทุกอย่าง เราถามอะไร พี่เขาก็พยายามตอบคำถามของเราเช่นกัน ^_^ หลังจากที่ได้ดื่มด่ำกับความงดงามของที่นี่จนอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาออกเดินทางเพื่อกลับบ้าน แต่มีชาวบ้านแนะนำว่าให้แวะไปที่ด่านเจดีย์สามองค์และวัดวังก์วิเกการาม ไม่รอช้ารีบไปในทันใด ระหว่างการเดินทางก็จะเจอด่านพี่ ๆ ทหารคอยตรวจตรารถที่ผ่านเข้าออก เพราะเราอยู่กันตรงเขตชายแดนแล้ว เราไปกันที่วัดวังก์วิเวการามกันก่อน ที่นี่พื้นที่ค่อนข้างใหญ่ สถาปัตยกรรมโดยรอบสวยงดงามมาก สีทองอร่ามสว่างสไว ช่างดลบันดาลใจให้เข้าไปชื่นชมความงามด้านในยิ่งนัก และไปกันต่อที่ เจดีย์พุทธคยา อยู่ไม่ห่างจากวัดวังก์วิเวการามมากนัก ที่นี่จะเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุที่หลวงพ่ออุตตะมะได้ไปอัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา เจดีย์แบบพุทธคยาองค์ใหญ่ ที่ประดับด้วยฉัตรทองคำที่มีน้ำหนักถึง 400 บาท ที่สุดท้ายสำหรับทริปนี้ก็คือ ด่านเจดีย์สามองค์ หรือที่เรียกกันว่า หินสามกอง ในปัจจุบันด่านเจดีย์สามองค์จะเป็นเส้นทางผ่านพรมแดนไทย - พม่า และยังเป็นจุดแลกเปลี่ยนสินค้าที่สำคัญอีกด้วย ซึ่งเราจะเห็นคนเดินทางผ่านเข้าออกชายแดนอยู่ตลอดเวลา ทั้งชาวไทย พม่าและมอญ และแถวนี้ก็มีสินค้าพื้นเมือง ผลไม้ต่าง ๆ ให้เลือกซื้อกันอย่างมากมาย ซึ่งที่เราเห็นแล้วสะดุดตาเลยก็คือแตงโมลูกใหญ่มาก ๆ แม่ค้าจะตัดขายเป็นเสี้ยวแช่เย็นไว้พร้อมทานในราคาเสี้ยวละ 10 บาท ทานตอนอากาศร้อน ๆ มันช่างอร่อย สดชื่นยิ่งนัก จบทริปสำหรับเมืองสามหมอก สังขละบุรีนี้ไปด้วยความประทับใจมากมาย การได้ออกจากเซฟโซนเพื่อไปใช้ชีวิต ท่องเที่ยวที่แปลกใหม่ดูบ้าง ก็ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตที่แปลกใหม่ เป็นกำไรให้ชีวิตได้รู้สึกถึงความมีคุณค่าของการมีชีวิตอยู่มากยิ่งขึ้น ใครที่รู้สึกเหนื่อย ท้อแท้ สิ้นหวัง อยากให้ลองเปิดใจ ออกไปมองโลกบ้าง มันอาจทำให้ชีวิตของคุณมีคุณค่า และสามารถใช้ชีวิตอยู่บนโลกที่กว้างใหญ่แห่งนี้ได้อย่างมีความสุข เรื่องและภาพ 𝓕𝓪𝓷𝓰𝔃𝓦𝓣𝓕 📝TrueID In-Trend : FangzWTF 🍽️ Wongnai : FangzWTF 📑 Facebook : ไม่ชวนหรอก 📷 Instagram : FangzWTF บทความท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ♥︎ พาเที่ยวสวนสัตว์ "ซาฟารีกาญจนบุรี" พาไปดูยีราฟแบบใกล้ ๆ ♥︎ ห้ามพลาด!! 13 จุดเช็กอินทั่วเมืองไทย เที่ยวทั่วไทยแบบไม่สะเทือนกระเป๋าตังค์ #EngagementCampaign ♥︎ เที่ยวภูลังกา ผาช้างน้อย นั่งชิลที่คาเฟ่พร้อมชมความงามของทะเลหมอก ♥︎ พาเที่ยววัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว บูชาพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ♥︎ เที่ยวภูกระดึงครั้งแรก ไปปลูกต้นเมเปิ้ลพร้อมส่งภูกระดึงเข้านอน ♥︎ ไปดูไดโนเสาร์ขยับได้ ที่ Amazing Dinosaur หุบเขาไดโนเสาร์เขาค้อ เพชรบูรณ์ ♥︎ พาเที่ยว สวนเสือศรีราชา แบบวิถีใหม่ (Zoo New Normal) ♥︎ Grand Canyon Chonburi จากเหมืองเก่าสู่สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต ♥︎ พาเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ มหัศจรรย์ลำคลองงู ไปดูหินเอเลี่ยน ตอนที่1 ♥︎ พาเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ มหัศจรรย์ลำคลองงู พาไปดูหินเอเลี่ยนตอนที่ 2 ( ตอนจบ ) ♥︎ เที่ยวถ้ำหลวง (อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน) จ.เชียงราย สถานที่ประวัติศาสตร์ร่วมใจจากทั่วโลก #เที่ยวเมืองไทย #UnseenThailand #สังขละบุรี #เที่ยวกาญจนบุรี