สวัสดีครับ วันนี้ก็อยากมาแชร์ประสบการณ์ที่ย่ำแย่ ที่ไม่อยากให้ใครต้องผิดพลาดเหมือนกับครอบครัวของผม เป็นเรื่องเกี่ยวกับเงินที่ผ่านบัญชีของเราแต่เงินมันไม่ใช่ของเรา และนี่เป็นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องอันเลวร้ายทุกอย่างสำหรับผม แต่สิ่งที่ทำให้ผมทุกข์ใจยิ่งกว่าอะไรในโลก ก็คือเรื่องนี้มันเกิดขึ้นกับภรรยาผม เธอต้องเป็นแพะรับบาปและตกเป็นผู้ต้องหาในที่สุด ครอบครัวเราฐานะปานกลาง ผมทำอาชีพรับราชการ ส่วนภรรยา Work from home ก็คือบ้านเรามีหอพักที่ต่อท้ายบ้าน 20 ห้อง เปิดให้เช่า เหมาะสำหรับคนทำงานทั่วไป ไม่หรูหรา ภรรยาผมก็ดูแลในส่วนนี้ เรามีลูก 2 คน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ตอนนั้นน่าจะเรียนระดับมัธยมปลาย ตอนนั้นบ้านเราก็อยู่สบาย ๆ เรื่อย ๆ ทั่วไป ไม่ได้รวย แต่ก็ไม่ได้อด ซึ่ง ณ ตอนนั้นเราก็พอใจในระดับหนึ่ง วันหนึ่งหลานชายของภรรยาผมมาชวนเปิดบริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับงานสแตนเลส โดยที่หลานชายภรรยามาขอเอาบ้านพร้อมที่ดินเราไปจำนองเพื่อมาก่อตั้งบริษัท ซึ่งตอนนั้นเราก็ลังเล เพราะตอนนั้นบ้านก็เพิ่งจะผ่อนหมดเพียงไม่กี่ปี เราก็คิดว่าจะเอาบ้านเข้าจำนองธนาคารเพื่อเริ่มต้นใหม่อีกเหรอ? ด้วยความที่ว่าถ้าเราอยากจะขยับชีวิตที่มันเรื่อย ๆ ให้มันดีขึ้น เราก็ต้องทำอะไรสักอย่าง ก็เลยตัดสินใจกับภรรยาว่าตกลงจัดตั้งบริษัทกับหลานชายภรรยา เพื่อที่ว่าในอนาคตบริษัทเติบโตไปได้ดี และถ้าลูกเราเรียนจบก็ให้ทำอยู่กับครอบครัวนี่แหละ!!! ส่วนตัวผมตอนนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรเกี่ยวกับบริษัทนี้เลย ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับธุรกิจ แค่เราเป็นชื่อเจ้าของบ้านไปจำนองเพื่อเปิดบริษัท ผมก็ทำงานรับราชการเหมือนเดิมตามปกติ ถึงแม้ในตอนแรกทุนการเปิดบริษัทจะมาจากบ้านและที่ดินของเรา แต่ภรรยาผมก็เป็นแค่พนักงานทั่วไปของบริษัท เงินเดือนหมื่นกว่าบาท แต่หลานชายให้ทำงานที่บ้านได้ หน้าที่ของภรรยาผมก็คือทำหน้าที่เกี่ยวกับการเงินทั้งหมด เช่น การรับ การจ่าย เงินเดือนพนักงานฯลฯ(รายได้ในแต่ละเดือนนอกจากของผม ก็ยังดีที่ได้รายได้เพิ่มมาจากภรรยา และยังดูแลหอพักที่บ้านต่อได้) ภรรยาผมได้ทำงานที่บ้านและดูแลหอพักตัวเอง ก็คือเปิดออฟฟิตเล็ก ๆ ที่บ้าน ส่วนหลานชายภรรยาเป็นกรรมการบริษัท ก็คือเจ้าของนั่นแหละ แต่ไม่ค่อยอยู่บริษัทหรอก เพราะต้องวิ่งหาลูกค้า หลานชายภรรยาผมเขาเป็นคนเก่งมาก เราเห็นได้จากก่อนหน้านี้ที่เขาทำงานเกี่ยวกับงานด้านนี้มานาน ก็เลยไว้ใจเอาบ้านไปเข้าธนาคาร และอีกอย่างหลานคนนี้ ภรรยาผมป้อนข้าวป้อนน้ำ เลี้ยงดูกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก พ่อแม่เขาแยกทางกัน แต่ทำอะไรสักอย่างก็ต้องมีปัญหา เมื่อบริษัทขาดสภาพคล่อง ขาดเงินหมุนเวียนในบริษัท ทำให้เกิดปัญหาอย่างหนัก ตอนนั้นทางหลานชายก็เครียดหนักมาก ๆ มาปรึกษากับภรรยาผมว่าจะเอาไงดี ก็คิดได้ว่าต้องไปหานายทุนมาช่วยบริษัท หลานชายภรรยาสามารถหานายทุนมาได้ แลกกับการเปลี่ยนชื่อให้เขาเป็นกรรมการบริษัท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 10! ในการลงทุนแต่ละครั้ง แล้วให้ภรรยาผมมาดูแลเงินทุนพร้อมดอกเบี้ยตัวนี้ โดยโอนเข้าบัญชีภรรยาผม และจุดนี้แหละที่ทำให้ปัญหาใหญ่กำลังตามมา.. เท่าที่ทราบมีแค่นี้ (เรื่องข้อตกลงระหว่างหลานชายกับนายทุน ภรรยาผมไม่รู้ไม่เห็นในเรื่องนั้น) บริษัทเริ่มดีขึ้น แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เมื่อหลานชายภรรยาผมได้ยักยอกเอาเงินที่นายทุนให้ไป ผมไม่แน่ใจว่าเดือนไหนที่เอาไป แต่ก็เป็นมูลค่าที่สูง และไม่นานนายทุนจับได้ เขาโกรธมาก ๆ เป็นธรรมดา เลยนัดมาเคลียกัน ตอนแรกเจ้าหลานชายภรรยามันก็ยอมรับทุกอย่างว่าเขาเป็นคนเอาไป เพราะปฏิเสธไม่ได้หลักฐานมันชัดเจน ส่วนนายทุนเขาก็อยากได้เงินคืน เมื่อหลานชายไม่มี เขาก็เลยต้องฟ้องร้อง เพื่อที่จะเอาเงินคืนให้ได้ ต่อมานายทุนเขาจะเอาตัวภรรยาผมไว้เป็นพยาน แน่นอนว่าตอนนั้นภรรยาผมลำบากใจมาก ๆ เพราะคนผิดมันก็เป็นหลาน แต่ถ้าเราไม่ทำ ภรรยาผมอาจติดร่างแหไปด้วย ก็เลยบอกภรรยาว่าเราต้องเป็นพยาน เราไม่ได้ผิด ไม่ได้เอาเงินไป เรื่องนี้ช่วยไม่ได้จริง ๆ แต่มันไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อนายทุนไปตรวจสอบบัญชีของภรรยาผมและเห็นตัวเลขเงินในส่วนที่หลานชายภรรยาผมยักยอกไป! ซึ่งเงินตัวนั้นมันเคยอยู่ในบัญชีของภรรยาผมจริง แต่มันไม่มีหลักฐานปลายทางของเงินว่าเราโอนไปให้ใคร? เพราะหลานชายให้ไปเบิกเป็นเงินสดมาให้เขา ซวยล่ะ! แต่แท้ที่จริงมันอยู่กับหลานชายภรรยาผม ถอนสดให้สด เข้าใจไหมครับ? ก็คือภรรยาผมถอนมาเพื่อให้หลานชายมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาสั่งไว้ว่าต้องทำแบบนี้นะ และความซวยก็มาเยือน นายทุนเปลี่ยนจากการให้ภรรยาผมเป็นพยาน กลายเป็นผู้ต้องหาทันที! ตอนแรกเราไม่ได้เอะใจอะไรว่าที่หลานภรรยาผมให้ทำแบบนี้ ถอนสดให้สด(เงินของนายทุน) เราไว้ใจเขามาก ไม่รู้ที่เขาสั่งให้ทำแบบนี้เพราะแผนนี้หรือเปล่า? แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่า ถ้าเขาจะหลอกเราจริง ๆ ก็คงไม่สารภาพกับนายทุนแต่แรกหรอก ปลอบใจได้ไม่นาน ก็มีเรื่องทำให้ภรรยาผมเจ็บใจมากที่สุด ก็คือตอนที่เราไปหาทนายมาทำคดี ทนายแนะนำว่าถ้าจะรอด ต้องมีคนเดียวที่รอด หลังจากนั้นเขาเปลี่ยนความคิด จากที่ยอมรับสารภาพทุกอย่าง กลายเป็นดิ้นรนเอาตัวรอดคนเดียว! ทิ้งญาติพี่น้อง โทรไปไม่รับ ติดต่อได้เขาก็บอกว่าให้หาทางแก้ปัญหากันเอาเอง หลังจากนั้นภรรยาผมนอนร้องไห้ทุกคืน ซ้ำร้ายบ้านที่เอาไปจำนองถูกยึด! แน่นอนหลานชายภรรยาผม เขาก็ไม่มีสำนึกที่จะกลับมาช่วยหรอก ตอนนั้นเหมือนมรสุมเข้ามาในชีวิตผม บ้านถูกยึด ผมโดนฟ้องแพ่ง เพราะเป็นเจ้าบ้านและที่สำคัญผมรับราชการอาจต้องถูกฟ้องล้มละลาย ส่วนภรรยาโดนคดีอาญาข้อหายักยอกเงินกว่า 3 ล้านบาท ในใจตอนนั้นคิด บ้านถูกยึดไม่เป็นไร ขอแค่ภรรยาผมไม่ติดคุก อยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ขอแค่เราอยู่ด้วยกัน ทั้งครอบครัวและลูก เรื่องบ้านช่างมันก่อน แต่การถูกยึดบ้านหมายถึงรวมหอพัก 20 ห้องที่เปิดให้เช่า รายได้หลักของครอบครัวหายไป เงินเก็บก็ไม่เยอะ ไหนจะค่าทนาย และลูก ๆ ที่กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย แต่ตอนนั้นคิดอย่างเดียว ภรรยาต้องไม่ติดคุก.. และนี่คือสิ่งที่อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ที่ย่ำแย่ที่สุดในชีวิต ณ ปัจจุบัน เราต้องเช่าบ้านเขาอยู่ จากเดิมที่เราเคยมีบ้านให้เขาเช่า เราเป็นครอบครัวใหญ่ นอกจาก ตัวผม ภรรยา ลูกสอง ก็ยังมี แม่ยาย หลานแฝด และน้องภรรยาอีกสองคน(บ้านที่ดินของพ่อแม่ผมสร้างเป็นมรดกไว้ให้ แต่ส่วนมากญาติของฝั่งภรรยามาอยู่) คดีปัจจุบัน คือ ศาลชั้นต้นเราชนะ ศาลอุทธรณ์เราแพ้ ตอนนี้เหลือชั้นสุดท้าย ศาลฎีกา ถ้าเราพลาดในชั้นนี้นั่นหมายถึงภรรยาผมต้องติดคุกเป็นเวลา 8 ปี 6 เดือน(14 กระทง) ซึ่งเป็นคำพิพากษาของชั้นอุทธรณ์ ส่วนหลานชายภรรยาผมเขาเจรจา ประนีประนอมยอมความในชั้นศาล ผ่อนชำระชดใช้หนี้ คงเหลือแต่ภรรยาของผมที่ถูกลอยแพ รอรับชะตากรรมที่จะตัดสินเร็ว ๆ นี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เรารู้ว่า ใช้ใจซื้อใจกันไม่ได้ คนใกล้ตัวที่ไม่จริงใจกับเราน่ากลัวที่สุด (ส่วนตัวเราไม่รู้ว่าหลานชายกับนายทุนมีคดีอะไรกันอีก เวลาเขาตกลงอะไรกัน ไม่เคยบอกให้ภรรยาผมรู้) ทุกวันนี้ได้แต่หวังว่า ชีวิตครอบครัวของเรา คงจะมี “ฟ้าหลังฝน” ให้เราได้ยิ้มบ้าง หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยกับใครหลาย ๆ คนนะครับว่าจะทำสิ่งใดให้ทบทวน คิดให้รอบคอบและไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน อย่าเล่นกับกฎหมาย และที่สำคัญอย่าไว้ใจใครเต็มร้อย!! ประเด็นของเรื่องนี้มีเยอะมากไม่รู้จะตั้งชื่อบทความอะไรดี แต่เลือกประเด็นนี้แล้วกัน ''อย่าให้เงินคนอื่นผ่านบัญชีเรา'' ผมและภรรยาได้รับบทเรียนแล้ว ขอบคุณภาพฟรีทั้งหมดจาก freepik / freepik / freepik ติดตามผู้เขียนด้วยการอ่านบทความอื่น ๆ ของผู้เขียน หลากหลายแนว และบทความใหม่ที่กำลังจะออกรีวิว ''อพาร์ทเม้นท์ดี'' ราคาโคตรคุ้ม! ในจังหวัดสมุทรสาคร ''แบบฉบับคนย้ายบ้าน ย้ายงาน กับสิ่งที่ดีกว่า'เส้นทางการประกวดคลิปสั้น คว้าเงินแสน! จากประสบการณ์จริง บทความที่ทำให้ชีวิตสดใสและเกี่ยวข้องกับดราม่าเกาหลี! ซูฮยอนคัมแบ็ค! กับซีรีส์ It's Okay to Not Be Okay เรื่องหัวใจ ไม่ไหวอย่าฝืน โรแมนติกดราม่าปะทะ ซอเยจี!ย้อนรอยรับชมซีรีส์แอ็คชั่นเกาหลีแห่งปีเรื่อง IRIS ''นักฆ่าล่าหัวใจเธอ'' บนแพลตฟอร์มใหม่ Netflixชวนดู 5 ซีรีส์เกาหลีแนวหมอ จาก Netflix ในช่วงสถานการณ์ไวรัส Covid 19