ทุกวันนี้ประเด็นเรื่อง มนุษย์ต่างดาว (Alien) กำลังได้รับความสนใจและถูกตั้งคำถามมากขึ้น จากกรณีล่าสุดที่กระทรวงกลาโหมแห่งสหรัฐอเมริกา ออกมาเปิดเผยคลิปวิดีโอที่อ้างว่าเป็น UFO ของมนุษย์ต่างดาว ยิ่งเป็นการจุดไฟแห่งการตามหาสิ่งมีชีวิตนอกโลกให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง หลายคนอาจจะคิดว่าเรื่องเอเลียนเป็นเรื่องใหม่ แต่ความจริงความเชื่อเหล่านี้มีมาตั้งแต่หกพันปีก่อน ครั้งเมื่อมนุษย์เริ่มสร้างอารยธรรมและอยู่รวมกันเป็นชุมชน เริ่มมีการนับถือสิ่งเหนือธรรมชาติและความเชื่อที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิต บทความนี้ขอนำความรู้ที่ได้รับสมัยเรียนมหาวิทยาลัย พาผู้อ่านย้อนไปยังอารยธรรมเมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) อารยธรรมมนุษย์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก แต่กลับมีความเชื่อเรื่องดาราศาสตร์และมนุษย์ต่างดาวที่ทันสมัยอย่างไม่น่าเชื่อเราเรียกมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในอารยธรรมเมโสโปเตเมียว่า ชาวสุเมเรียน (Sumerian) ในการศึกษาประวัติศาสตร์ ชุมชนแห่งนี้เจริญรุ่งเรืองขึ้นบริเวณลุ่มน้ำไทกรีสและยูเฟรตีส ซึ่งปัจจุบันอยู่ในประเทศอิรัก เป็นอารยธรรมแรกที่มีตัวหนังสือใช้เป็นตัวเองนั่นคือ อักษรคูนิฟอร์ม (Cuneiform) และได้บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมา ศิลปวิทยาการของอารยธรรมเมโสโปเตเมียเอาไว้มากมายหลายประการ ชุมชนแห่งนี้ถือเป็นต้นแบบการปกครองแบบนครรัฐ ชาวสุเมเรียนรู้จักการก่อสร้างวิหารบูชาเทพเจ้าที่เราคุ้นหูกันดีในชื่อ ซิกกูแรต รู้จักการเพาะปลูกและเริ่มพัฒนาระบบชลประทานเพื่อการทำเกษตรกรรม รู้จักทอผ้า ใช้ระบบคำนวณตามหลักคณิตศาสตร์ และที่เรากำลังจะพูดถึงนั่นคือความรู้เรื่องดาราศาสตร์อันทันสมัยความจริงแล้วนักดาราศาสตร์เพิ่งค้นพบดาวพลูโตเมื่อไม่นานมานี้เอง แต่จารึกดินเหนียวอักษรคูนิฟอร์มกลับกล่าวถึงดาวพลูโตเอาไว้ตั้งแต่สี่พันกว่าปีมาแล้ว สิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่านั้น ชาวสุเมเรียนยังบอกเล่าเอาไว้ว่าโลกของเราคือดาวเคราะห์ดวงที่ 7 หากนับจากดาวพลูโต ซึ่งตรงตามหลักดาราศาสตร์สมัยปัจจุบันทุกประการ หากเราเริ่มนับจากดาวพลูโตที่อยู่รอบนอกสุดเป็นลำดับแรก จากนั้นจึงเป็นดาวเนปจูน ดาวยูเรนัส ดาวเสาร์ ดาวพฤหัสบดี ดาวอังคาร และโลกเป็นลำดับที่ 7 ตรงเผ็ง นี่นับเป็นความน่าทึ่งที่วิทยาศาสตร์ยังหาคำตอบไม่ได้ ในยุคที่วิทยาการสำรวจอวกาศยังไม่ก้าวหน้า ไม่มีดาวเทียม ไม่มีจรวดหรือยานอวกาศที่ทันสมัย แต่เหตุใดผู้คนที่เพาะปลูกเลี้ยงสัตว์ บูชาเทพเจ้าไปวัน ๆ จึงได้รู้จักดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ และสามารถบอกเล่าผ่านจารึกที่เป็นลายลักษณ์อักษรได้อย่างถูกต้องแม่นยำแต่หากคิดว่านั่นคือความเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นในอารยธรรมเมโสโปเตเมียแล้ว สิ่งที่น่าทึ่งกว่านั้นคือชาวสุเมเรียนบอกว่าพวกเขามาจากห้วงท้องฟ้าอันไกลโพ้นชื่อว่า ดาวนิบิรู (Nibiru) ชาวสุเมเรียนเกิดจากการสร้างสรรค์ของเทพเจ้าต่างดาวนามว่า อนันนาคี (Anunnaki) ซึ่งนำพวกเขามาปล่อยยังบริเวณลุ่มน้ำไทกรีสและยูเฟรตีส เพื่อจะสร้างอารยธรรมมนุษย์ให้เกิดขึ้นบนโลก ดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์เอาไว้และขยายวงศ์วานออกไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาล เรื่องราวเหล่านี้ถูกจารึกไว้บนแผ่นดินเหนียวด้วยอักษรคูนิฟอร์มทั้งหมด โดยผู้ที่สืบค้นและตีแผ่เรื่องราวดังกล่าวคือ ซีชาเรีย ซิทชิน (Zecharia Sitchin) นักภาษาศาสตร์ที่พยายามค้นคว้าเรื่องราวของอารยธรรมโบราณและมนุษย์ต่างดาวนั่นเองหลักฐานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งนั่นคือ แผนที่ที่ถูกตั้งข้อสันนิษฐานว่าเป็นดาวนิบิรู สิ่งที่น่าสนใจคือแผนที่ชิ้นนี้ถูกสลักลงบนแผ่นดินเหนียวรูปวงกลม ใช้หลักการเช่นเดียวกับการทำแผนที่สมัยปัจจุบันทุกประการ มีการลากเส้นละติจูดและลองจิจูดเพื่อบอกพิกัดของสถานที่แต่ละแห่งบนแผนที่ ต่างกันตรงที่แผนที่ของชาวสุเมเรียนมีอายุเก่าแก่กว่าสี่พันปีแล้ว จากเรื่องดังกล่าวสร้างความสนใจต่อแวดวงดาราศาสตร์และประวัติศาสตร์ ที่ต้องการหาคำตอบว่าแท้จริงแล้วมนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือไม่ แล้วมนุษย์โลกเกิดมาจากไหนกันแน่ ในยุคที่วิทยาการกำลังก้าวหน้า คำถามเหล่านี้ถูกนำมาค้นคว้าหาคำตอบมากขึ้น ไม่แน่ว่าในอนาคตอันใกล้ ความจริงของเรื่องเหล่านี้อาจถูกเฉลย ลบล้างความเชื่อเดิม ๆ ด้วยข้อพิสูจน์และหลักฐานสนับสนุนอันแข็งแรงก็เป็นได้เครดิตรูปภาพ- รูปภาพหน้าปก โดย Mzmatuszewski0 : PIXABAY- ภาพประกอบที่ 1 โดย Mzmatuszewski0 : PIXABAY- ภาพประกอบที่ 2 โดย Efraimstochter : PIXABAY- ภาพประกอบที่ 3 โดย Hulkiokantabak : PIXABAY- ภาพประกอบที่ 4 โดย Tunaolger : PIXABAYเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่HISTORY : Ancient Aliens, Sumerian Tablet's Mystic - YOUTUBE