หลายคนคงอยากที่จะไปพิชิตยอดภูกระดึงสักครั้ง ซึ่งตัวเราก็เช่นกัน แต่การที่จะไปเฉย ๆ มันก็ไม่มีแรงบันดาลใจ ประจวบเหมาะกับทาง ททท.สำนักงานเลย และ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จัดกิจกรรม " Phu Kradueng Go Green Go Clean Go Grow เติมสีเขียวให้หัวใจ ปี 3" ขึ้นมา เพื่อที่จะให้จิตอาสาทั้งหลายไปร่วมกันเก็บขยะ ปลูกต้นเมเปิ้ล พร้อมกับส่งภูกระดึงเข้านอน เพราะจะเป็นช่วงเวลาที่ปิดภูกระดึงพอดี ซึ่งกิจกรรมจะจัดขึ้นในวันที่ 1 มิถุนายนของทุกปี ซึ่งเราไปกันตอนปี 2562 จำนวนคนที่ร่วมกิจกรรมนี้ประมาณ 250 คน = ค่าสมัครคนละ 300 บาท โดยเงินทั้งหมดจะมอบเป็นเงินสวัสดิการให้แก่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง = สิ่งที่ได้รับเมื่อวันที่ไปถึงอุทยาน 1. ของที่ระลึกจาก ททท. (ปีแรกเป็นหมวก ปีที่ 2 เป็นกระเป๋าเป้ผ้า ปีที่ 3 ที่เราไปนี้เป็นกระเป๋าคาดเอวลายสก็อต ซึ่งมีประโยชน์มาก ๆ ) 2. อุปกรณ์ยังชีพ ตอนเดินขึ้นภูกระดึง (ขนม นม เนย มีพร้อมเลยอันนี้ ^^) 3. บ้านพัก บนศูนย์บริการวังกวาง (ด้านบน) คืนวันที่ 31 พ.ค. ( เราได้เป็นบ้านพักหลังใหญ่ นอนได้ประมาณ 10 คน วึ่งก็ไปนอนรวมกับคนอื่นที่ไม่รู้จักกันเลย แต่อารมณ์ตอนนั้นคือมันเหนื่อยมาก มีที่นอนก็ดีแล้ว 555) 4. คูปองอาหาร 2 มื้อ คือ มื้อเย็นวันที่ 31 พ.ค. และ มื้อเช้าวันที่ 1 มิ.ย. จำนวน 200 บาท (สามารถเอาไปซื้ออาหารตามร้านค้าด้านบนได้) 5. ต้นเมเปิ้ลติดป้ายชื่อของท่าน ที่เราจะปลูกกันตามเส้นทางหลังแปไปถึงศูนย์บริการวังกวาง (อันนี้ตอนไปไม่มีชื่อ เพราะว่าต้นเมเปิ้ลมีค่อนข้างเยอะ และบางคนก็ไม่สะดวกที่จะไปปลูกและขุดดิน เราเลยได้ปลูกหลายต้นเลย) 6. ศูนย์วังกวางเป็นสถานที่ของเราแบบส่วนตัวสุดๆ เพราะจะมีแต่พวกเราค่ะ (อันนี้ดีมาก ๆ เพราะว่าพวกเราเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ได้ขึ้นมาบนภู เพราะหลังจากที่เราลงไป ที่นี่ก็จะปิดทันที) เริ่มออกเดินทางจากชลบุรีวันที่ 30 พค 2562 เพราะเค้ามีกิจกรรมไว้ต้อนรับสำหรับคนที่มาถึงล่วงหน้า ไปถึงอุทยานประมาณบ่าย ๆ ทันได้ทำกิจกรรมพอดี มีทั้งให้ระบายสีกระบอกน้ำไม้ไผ่ ปักผ้าเช็ดหน้า ถักไหมพรม แถมยังมีอาหารพื้นเมือง ผลไม้ไว้ต้อนรับอีกด้วย ซึ่งค่อนข้างประทับใจและชอบกิจกรรมแบบนี้มากเลย ^_^ พอวันรุ่งขึ้น (31 พค. 2562) เริ่มลงทะเบียน และเริ่มพิธีเปิดงาน และปล่อยตัวกันประมาณ 8 โมงเช้า แต่ละคนก็เริ่มทยอยเดินขึ้นภูกันไปเรื่อย ๆ เราก็สายชิลเดินหลังสุดปิดท้ายไปเลย ตอนแรกก็เดินแบบสบายมาก เพราะคิดแล้วว่าใส่เสื้อผ้าเดินสบาย ๆ ใส่รองเท้ากีฬามา มันต้องสบายแน่ ๆ เดินขึ้นไปซำแรกก็หอบแฮก สมชื่อเลยล่ะ เห็นแบบนี้มันดูไม่ไกลนะ แต่ทำไมมันเหนื่อยแบบ เหนื่อยม๊ากกกก มีจุดให้แวะกี่จุดก็แวะมันทุกจุด มีร้านค้าก็แวะแทบจะทุกจุด ซื้อหมดทั้งน้ำหวาน แตงโม ข้าวเหนียวปิ้ง คือแบบเติมพลังกันตลอดทาง ตอนแรกก็เกาะกลุ่มกันไปเรื่อย ๆ แต่คนก็เริ่มเดินผ่านกันไปเยอะแล้ว เราก็เริ่มเดินต่อคือจะบอกว่า จุดที่เหนื่อยมาก ๆ คงจะเป็นช่วงก้าวขั้นบันไดเนี่ยแหล่ะ คือเหนื่อยจนก้าวขาไม่ออก ต้องใช้มือยกเอากันเลย T-T และอุปกรณ์ที่ค่อยช่วยเราตลอดเวลาก็คือเจ้าไม้เนี่ยแหละ ถ้าไม่มีคงแย่แน่ ๆ 555 แอบเห็นบางคนใช้จนหัวไม้แบบเยินมาก พอเดินขึ้นไปถึงช่วงหลังแป ฝนตกจ้าแม่ ตกแบบกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์มาก ๆ ดีที่ทางอุทยานให้เสื้อกันฝนมาด้วย ฮั่นแน่ แล้วก็ไม่บอกกันเลยนะ ก็หยิบเสื้อกันฝนขึ้นมาใส่และเดินกันต่อไปเรื่อย ๆ เดินตั้งแต่ฝนตกหนักมาก ๆ จนฝนหยุดจนตัวแห้ง ก็ยังไม่ถึงที่พักสักที เหนื่อยแบบคิดว่า ฉันมาทำอะไรที่นี่ เหนื่อยมากมาย พอขึ้นไปถึงที่พักก็รีบเดินไปหาบ้านที่เราจะพักคืนนี้ พอไปถึงคือแบบบ้านมีคนอยู่กันหมดแล้ว ใจแป้วเลยเรา เลยต้องไปหาห้องที่ยังพอมีว่างให้เรานอนได้ กว่าจะหาได้ก็พักใหญ่เลย คือคนอื่นเค้าขึ้นมาถึงตั้งแต่ก่อนเที่ยง แต่เรามาถึงประมาณจะ สี่โมงเย็นแล้วอ่ะ 555 และจุดชมวิวต่าง ๆ ต้องเดินต่อไปอีก คือสภาพตอนนั้นจริง ๆ ไม่สามารถไปไหนต่อได้แล้ว เดินมา 9 โลแล้ว แต่แบบ 9 โลที่แบบหนื่อยมากกก แต่ก็คิดว่า ไหน ๆ ก็มาแล้วก็เลยไปจุดที่ใกล้ที่สุด คือ ผาหมากดูก ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร อยากไปผาหล่มสักแต่ต้องเดินอีก 9 กิโลเมตรซึ่งไม่ไหวแน่ๆ เมื่อชมวิวเสร็จก็เดินลัดเลาะและรีบกลับไปที่พักเพื่อพักผ่อนสำหรับคืนนี้พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าเพื่อทำกิจกรรมนักปลูกต้นเมเปิ้ลต่อ เช้านี้ทุกคนรีบตื่นมาเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น เจ้าหน้าที่นัดกันตอน 5:00 และเดินไปพร้อมกันเพื่อที่จะไปผานกแอ่นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร แต่ฟ้าก็ไม่เป็นใจไม่เปิดให้เราได้ชมพระอาทิตย์กันเลย แต่อากาศดีมาก ๆ หลังจากนั้นก็กลับมารับประทานอาหารเช้าและเริ่มไปปลูกต้นเมเปิ้ลกันตามเส้นทางศูนย์บริการวังกวางจนไปถึงหลังแป ต่างคนต่างช่วยกันขุดดินปลูกต้นเมเปิ้ลแล้วก็เอาไม้ไผ่มาเสียบเพื่อกั้นสัตว์ต่าง ๆ ที่จะมากินต้นอ่อนของเมเปิ้ลนั่นเอง หลังจากปลูกต้นเมเปิ้ลเสร็จแล้วก็เริ่มเดินกลับลงไปด้านล่าง ทุกคนช่วยกันเก็บขยะข้างทางและช่วยกันรักษาความสะอาดอย่างดีมาก และก่อนลงก็ไม่พลาดที่จะถ่ายรูปที่จุดสำคัญที่ใครมาก็ต้องมาเช็คอินที่จุดนี้แหละ พอถ่ายรูปเสร็จความจริงก็เริ่มมาเยือนเราต้องเริ่มเดินลงแล้ว เดินตอนแรก ๆ ก็ยังชิวอยู่ แต่ว่าขาที่ระบมจากเมื่อคืนก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน พอเดินไปประมาณกลางทาง อาการเริ่มออกคราวนี้ก้าวไม่ออกกันเลย ขามันปวดแบบขั้นสุดแล้ว ไม้ที่เอามาช่วยพยุงก็แทบจะเอาไม่ไหวและที่สำคัญเงินที่เตรียมมาก็หมดไม่สามารถซื้อน้ำได้ ซึ่งตอนนั้นขอบอกเลยว่ามันจำเป็นมาก ๆ ใครที่ขึ้นภูกระดึงอย่าลืมนำเงินติดตัวขึ้นไปด้วยหรือว่าเตรียมน้ำเปล่าไปให้พอดี เพราะน้ำด้านบนและอาหารค่อนข้างแพง แต่สุดท้ายก็พยายามพาร่างตัวเองลงมาที่พื้นจนได้กว่าจะถึงก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ครั้งนี้ก็ถือเป็นความทรงจำที่ดีที่เราได้ทั้งมาเที่ยวและก็มาช่วยกันรักษาธรรมชาติ ปีนี้ตั้งใจว่าจะไปดูต้นเมเปิ้ลที่เราปลูกไว้ แต่ก็ดันมีไฟป่าเกิดขึ้นมาเสียก่อน ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ธรรมชาติที่ภูกระดึงกลับมาสวยงามเหมือนเดิมไว ๆ นะแล้วเราจะกลับไปใหม่อีกครั้ง เรื่องและภาพ 𝓕𝓪𝓷𝓰𝔃𝓦𝓣𝓕 📝TrueID In-Trend : FangzWTF 🍽️ Wongnai : FangzWTF 📑 Facebook : ไม่ชวนหรอก 📷 Instagram : FangzWTF #เที่ยวภูกระดึง #PhukraduengGGG3 #ภูกระดึง #ไทยเที่ยวไทย