แม้จะปรากฎสู่สายตาคอหนังทั่วโลกไปเพียงสองตอน แต่กระแสตอบรับกลับดีเกินคาด สำหรับ สโนว์เพียร์ซเซอร์ (Snowpiercer) ฉบับทีวีซีรีส์ซึ่งออกอากาศทุกคืนวันอาทิตย์ ทางสถานีโทรทัศน์ TNT สหรัฐอเมริกา ส่วนบ้านเรารับชมผ่านทาง Netflix ประมาณช่วงเช้าของวันจันทร์ ที่สำคัญเราสามารถชมภาพยนตร์และซีรีส์จาก Netflix ผ่านกล่อง True ID ได้อีกด้วย และแน่นอนว่าขณะนี้รถด่วนขบวนสุดท้ายได้พาผู้โดยสารต่างชนชั้นไต่อันดับขึ้นไปอยู่บนหัวตารางซีรีส์ยอดฮิตประจำวันได้อย่างสบาย ๆ เพราะถึงแม้การนั่งรถไฟฝ่ามรสุมน้ำแข็งไปรอบโลกครั้งนี้เพิ่งจะเคลื่อนตัวออกจากชานชาลา แต่กลับทำให้ผู้โดยสารรู้สึกตื่นเต้นได้ทุกวินาทีหลายคนคงพอจะรู้แล้วว่าสโนว์เพียร์ซเซอร์ฉบับทีวีซีรีส์ เป็นการรีบูทจากฉบับภาพยนตร์ชื่อเดียวกันที่ได้ออกฉายไปเมื่อปี 2013 และครั้งนี้ได้ผู้กำกับคนเดิมอย่าง บงจุนโฮ มานั่งแท่นเป็น Executive Producer พร้อมกับการผนึกกำลังกองทัพทีมผู้สร้างทั้งฝั่งเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกาอย่างยิ่งใหญ่ เพียงสองตอนที่ออกฉายไป ยังทำให้เราเห็นลายเซ็นการเสียดสีสังคมในเนื้อเรื่องของบงจุนโฮได้อย่างน่าประทับใจ การคัดเลือกนักแสดงนำที่เรียกได้ว่าถูกที่ถูกเวลา เรื่องราวการปฏิวัติครั้งใหม่ที่อิงจากโครงเรื่องเดิมซึ่งแข็งแกร่งอยู่เป็นทุนเดิม ยิ่งโหมกระพือกระแสตอบรับให้ดีเยี่ยมสมการรอคอยของแฟนหนังทั่วโลกทุกนาทีของสโนว์เพียร์ซเซอร์เต็มไปด้วยการจิกกัดเสียดสีสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำ ตั้งแต่การกล่าวโทษแก่มนุษย์ทั้งรวยและจนว่าเป็นผู้มีส่วนในการทำให้โลกร้อน การแก้ปัญหาโลกร้อนด้วยวิธีทางลัดที่ไร้สติจนทำให้โลกดิ่งเข้าสู่หายนะ ความหนาวเหน็บก่อตัวเป็นพายุหิมะแช่แข็งทุกชีวิตทั่วโลก มีเพียงรถไฟหัวจักรนิรันดร์จำนวน 1,001 ตู้ของวิลฟอร์ดอินดัสตรี (Wilford Industries) ซึ่งเป็นเหมือนบ้านหลังสุดท้ายของมวลมนุษยชาติ น่าเสียดายที่รถด่วนขบวนสุดท้ายนี้มีที่นั่งสำหรับมนุษย์ผู้ประสบภัยหนาวได้เพียง 3,000 ที่นั่ง รถไฟที่วิ่งไปรอบโลกโดยไม่มีวันหยุดพักต้องต่อสู้กับพายุหิมะ เช่นเดียวกับทุกชีวิตบนรถไฟที่ต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดตัวเอกอย่าง อันเดร เลย์ตัน (Andre Layton) มักจะกล่าวถึงรถไฟขบวนนี้ว่าเป็น 'ป้อมปราการแห่งชนชั้น' เพราะผู้โดยสารบนรถไฟมีหลายชนชั้น พวกเศรษฐีและชนชั้นนำทางสังคมจะได้อยู่หัวขบวน เป็นพวกที่ไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะหากเราดูจากซีรีส์ พวกชนชั้นสูงโผล่มาทีไรจะต้องอยู่ในห้องอาหารทุกทีไป พวกเศรษฐีมีบัตรโดยสาร จึงมีอาหารการกินครบถ้วนสมบูรณ์ มีสถานที่ผ่อนคลาย ที่พักสุดหรูและการบริการระดับพรีเมียม ส่วนพวกชนชั้นกลางจะมีหน้าที่ทำงานด้านการผลิตอาหาร เพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ เป็นครู หมอ ทำงานในสถานบันเทิงบนรถไฟ ส่วนพวกท้ายขบวนเป็นชนชั้นล่างที่ไม่มีบัตรโดยสาร ภาพที่ปรากฎในซีรีส์มีทั้ง เด็ก คนแก่ คนผิวสีและชาวต่างชาติ ที่ต้องอยู่กันอย่างแออัด ไม่มีน้ำดื่มน้ำใช้ อาศัยแท่งโปรตีนลักษณะคล้ายเฉาก๊วยเป็นของประทังชีวิต และทุกชนชั้นต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ เมลานี คาวิลล์ (Melanie Cavill) หญิงสาวผู้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าฝ่ายดูแลรถไฟ ซึ่งเธอมักจะพูดถึง มิสเตอร์วิลฟอร์ด (Mister Wilford) ผู้สร้างรถด่วนขบวนสุดท้ายนี้อยู่เสมอสิ่งที่ชอบมากที่สุดของซีรีส์เรื่องนี้ คงเป็นการสร้างบรรยากาศให้เรารู้สึกถึงความแตกต่างของชนชั้นได้อย่างน่าทึ่ง ภาพจำของพวกท้ายขบวนไม่ต่างจากคุกที่ขังนักโทษไว้นับร้อยคน ต้องอยู่กันอย่างแออัด ต้องแย่งอากาศหายใจ ทำให้เรารู้สึกอึดอัดตามไปด้วย และค่อย ๆ ผ่อนคลายความรู้สึกนั้นด้วยการตัดภาพไปที่พวกหัวขบวน ตู้รถไฟที่ประดับตกแต่งอย่างหรูหรา มีแสงสว่างเพียงพอ สะท้อนภาพคนรวยและคนจนได้อย่างชัดเจน รวมทั้งภาพจำจากฉบับภาพยนตร์ที่หวนคืนกลับมาอีกครั้งในฉบับทีวีซีรีส์ โดยเฉพาะฉากลงโทษพวกท้ายขบวนที่ถูกจับแขนยื่นออกไปแช่แข็งนอกรถไฟ แล้วใช้ค้อนทุบจนแหลกละเอียดนั่นเองสิ่งที่ดีงามอีกอย่างของสโนว์เพียร์ซเซอร์ฉบับทีวีซีรีส์นั่นคือเหล่านักแสดง ตัวเอกอย่าง อันเดร เลย์ตัน ถ่ายทอดชีวิตพวกท้ายขบวนชนิดเก็บทุกเม็ดไม่มีหลุด การแสดงสีหน้าตอนพบกับแสงสว่างครั้งแรกหลังจากอยู่ท่ามกลางความมืดมิดในตู้รถไฟนรกท้ายขบวนมานานหลายปี ความรู้สึกแรกของการกัดก้อนขนมปังและลิ้นสัมผัสกับซุป สะท้อนความเก็บกดและความต้องการก่อการปฏิวัติได้โดยไม่มีข้อกังขา ในขณะที่ เมลานี คาวิลล์ ก็เป็นหญิงแกร่งหลากอารมณ์ เมื่อสวมหัวโขนเพื่อควบคุมดูแล 3,000 ชีวิตให้ผ่านไปแต่ละวันด้วยความเรียบร้อย เธอก็สามารถทำให้เราเห็นภาพของหญิงแกร่งผู้เด็ดเดียวได้อย่างดีเยี่ยม ในขณะที่ความเหนื่อยล้าก็แสดงผ่านแววตาได้อย่างน่าเห็นใจ ยังไม่รวมนักแสดงคนอื่น ๆ ที่ร่วมกันทำให้ทีวีซีรีส์เรื่องนี้ออกมาสมบูรณ์มากที่สุดฤดูกาลนี้สโนว์เพียร์ซเซอร์ยังต้องเคลื่อนขบวนไปทั่วโลกทั้งหมด 10 ตอน แต่เพียงเริ่มต้นก็เป็นการปูเรื่องราวให้เราเห็นปมและปริศนาบนรถไฟขบวนนี้ได้อย่างน่าตื่นเต้น ต้องมารอดูกันว่าพวกท้ายขบวนจะก่อการปฏิวัติได้สำเร็จหรือไม่ พวกหัวขบวนจะรับมือกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปอย่างไร หรือแท้จริงแล้วทุกชนชั้นจำต้องยอมรับกฎของโลกทุนนิยม ที่เปรียบเสมือนรถไฟที่วิ่งไปไม่มีหยุด ไม่ต่างอะไรกับทุนนิยมที่ไม่มีวันสูญสลาย ความเหลื่อมล้ำทางสำคัญทำให้ระบบทุนนิยมเติบโตขึ้นฉันใด ระบบชนชั้นก็ไม่มีวันถูกทำลายได้ฉันนั้นเครดิตรูปภาพ- รูปภาพหน้าปก โดย Osman Rana : Unsplash- โลโก้ชื่อซีรีส์ จาก Facebook : Snowpiercer TV- โลโก้ Netflix จาก แอปพลิเคชัน Canva- ภาพประกอบที่ 1-6 จาก Facebook : Snowpierce TV