หากพูดถึงฆาตกรต่อเนื่อง คือ ผู้ที่ฆ่าคนมาแล้วหลายศพหลายคดี ซึ่งฆาตกรผู้นี้โหดเหี้ยมอำมหิต เชี่ยวชาญในด้านนี้โดยตรง จึงหาตัวจับได้ยาก และมักจะมีลักษณะการฆ่าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ฆาตกรต่อเนื่องดูแล้วเหมือนคนปกติทั่วไป ย่อมดูภายนอกไม่ออกแน่นอน แต่ในใจนั้นกลับมีความหลังที่แสนเจ็บปวดที่เก็บไว้รอการแก้แค้นเอาคืน ซึ่งการฆ่าของพวกเขาย่อมเกี่ยวกับความหลังอันแสนเจ็บปวดของตน กับ 5 หนังฆาตกรต่อเนื่อง ที่มาในรูปแบบที่ต่างกัน แล้วพวกเขาจะมาในรูปแบบไหน เอกลักษณ์ของพวกเขาเป็นยังไง พวกเขามีความหลังอันแสนเจ็บปวดยังไงมาดูกันค่ะ1.THE COLLECTOR (2009) คืนสยองต้องเชือด และ THE COLLECTION (2012) จับคนมาเชือด เรื่องนี้มีด้วยกันสองภาค ซึ่งใช้ชื่อเรื่องต่างกันเล็กน้อย และล่าสุดมีข่าวว่าจะทำภาคสามออกมาด้วย1.1 THE COLLECTOR (2009) คืนสยองต้องเชือด เป็นภาพยนตร์อเมริกันแนวไล่เชือดทางจิตวิทยา ที่เขียนโดย Marcus DunstanและPatrick Melton กำกับโดย Dunstan เรื่องราวของชายคนหนึ่ง ซึ่งอดีตทำงานเป็นคนงานในบ้านหลังหนึ่งของครอบครัวเศรษฐี แต่แล้ววันหนึ่งมีเหตุให้เขาจำเป็นต้องใช้เงิน จึงต้องสวมบทโจรเข้าไปขโมยเงินในตู้เซฟในบ้านหลังนี้ ซึ่งเขารู้จักทุกซอกทุกมุมภายในบ้านหลังนี้เป็นอย่างดี จริง ๆ แล้วการเข้ามาขโมยในครั้งนี้ ควรเป็นเรื่องที่ง่าย แต่ทว่ามันกลับไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะในบ้านที่เขาเข้าไปขโมยได้มีชายลึกลับสวมหน้ากากอีกคนเข้ามาก่อนหน้าเขาและได้จับคนในบ้านไปทรมาน อีกทั้งยังวางกับดักสุดโหดไว้เต็มบ้านและปิดตายทางออกทั้งหมดไว้แล้วด้วย ฆาตกรต่อเนื่องในเรื่องนี้มาในรูปแบบการจับคนมาทรมาน โดยไม่มีการเลือกเหยื่อ ซึ่งเหยื่อจะมีทั้งชายหญิง เด็ก วันรุ่น คนแก่ ซึ่งฆาตกรมีเอกลักษณ์ที่เด่นชัดคือ มักจะสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า เชี่ยวชาญการใช้มีดฆ่าคนและการวางกับดักเป็นอย่างดี แถมยังมีฝีมือที่ไม่ธรรมดา แต่ไม่ได้เปิดเผยความหลังของฆาตกรให้รู้ และการฆ่าในแต่ละครั้งก็ตามตัวได้ยาก ซึ่งเปิดเรื่องมาได้น่าสนใจดี แต่พอเข้าเรื่องช่วงแรกดำเนินเรื่องช้าค่อนข้างน่าเบื่อไปหน่อย และพอเข้ามาปล้นในบ้านแล้วเริ่มน่าสนใจขึ้น โดยช่วงนี้จะค่อนข้างเงียบแทบไม่มีฉากพูดเลย และค่อย ๆ ลุ้นระทึกขึ้นเรื่อย ๆ ลุ้นดี เสียวดี เอาใจช่วยตัวละครตลอดทั้งเรื่อง ตัวละครหลักถือว่าเก่งใช้ได้และยังพอฉลาดอยู่บ้าง ส่วนฆาตกรก็เก่งไม่แพ้กัน แถมยังเชี่ยวชาญการทำกับดักอีกด้วย ซึ่งกับดักแต่ละอย่างโหดดี1.2 THE COLLECTION (2012) จับคนมาเชือด เป็นภาพยนตร์อเมริกันแนวไล่เชือดทางจิตวิทยา ซึ่งเป็นภาคต่อของ THE COLLECTOR (2009) คืนสยองต้องเชือด เขียนโดย Marcus DunstanและPatrick Melton กำกับโดย Dunstan เช่นเดียวกับภาคแรก เรื่องราวของหลังจากที่ข่าวการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในภาคแรก ซึ่งมีคนหายสาบสูญไปกว่า 50 คนนั้น ทำให้คนไม่กล้าออกนอกบ้านและใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้านมากขึ้น แต่แล้วก็ยังมีกลุ่มคนที่ออกไปเที่ยวนอกบ้านกัน รวมทั้งลูกสาวตำรวจคนหนึ่งที่ถูกชวนออกมาปาร์ตี้เที่ยวผับใต้ดินกับเพื่อนทั้ง ๆ ที่ฆาตกรยังคงลอยนวล และในขณะที่เธอกำลังเที่ยวอยู่ในผับ เธอได้ปลีกตัวออกมาจากเพื่อนของเธอ และได้เข้าไปหลบอยู่ในห้อง ๆ หนึ่ง พร้อมทั้งได้เห็นกล่องใบหนึ่งถูกล็อคไว้ เมื่อเธอเปิดมันออกก็มีชายที่ได้รับบาดเจ็บจากภาคแรกหนีออกมา และจากการที่เธอเปิดกล่องออกนั้น ก็เท่ากับเธอทำให้กลไกของกับดักที่ฆาตกรวางไว้ทั่วผับทำงาน พร้อมกับการปรากฎตัวของฆาตกร ทำให้ทุกคนในผับถูกกับดักฆ่าตาย ส่วนเธอถูกฆาตกรจับตัวไปไว้ในกล่อง ฆาตกรต่อเนื่องในภาคนี้เป็นคนเดียวกับภาคแรก ซึ่งมาในรูปแบบเดียวกันคือ จับคนมาทรมาน แต่ภาคนี้เป็นการจับคนมาใส่กล่องสะสมเหยื่อ ซึ่งได้ทิ้งท้ายไว้ในภาคแรก และมีเอกลักษณ์เช่นเดียวกับภาคแรก คือ ยังคงสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า ถือมีดเป็นอาวุธและยังคงวางกักดักตามที่ต่าง ๆ เหมือนเดิม โดยหนังดำเนินเรื่องต่อเนื่องจากภาคแรก ยังคงตัวละครหลักคนเดิมกลับมาร่วมด้วย ฉากฆ่าและกับดักยังคงโหดเหมือนเดิม ส่วนฆาตกรก็ยังคงเก่งเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนสถานที่ใหม่ มีตัวละครมากขึ้น ดูลงทุนขึ้น ลุ้นดีเอาใจช่วยตัวละครแทบทั้งเรื่อง2. Wolf Creek 2 (2013) หุบเขาสยองหวีดมรณะ 2 เป็นหนังสยองขวัญจากออสเตรเลีย ที่ร่วมเขียนบทและกำกับโดย Greg McLean ซึ่งเป็นภาพยนตร์ภาคต่อของเรื่อง Wolf Creek (2005) หุบเขาสยองหวีดมรณะ ซึ่งผู้เขียนชื่นชอบภาคสองมากกว่า เรื่องราวของนักศึกษาแลกเปลี่ยนชาวอังกฤษเอกประวัติศาสตร์คนหนึ่งที่ได้ขับรถไปเที่ยวปล่องภูเขาไฟวูล์ฟครีกที่มีชื่อเสียงโด่งดังในวันหยุดยาวของออสเตรเลีย แต่แล้วระหว่างเดินทางก็มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังวิ่งหนีฆาตกรมาตัดหน้ารถ เขาจึงต้องหยุดรถ เพื่อช่วยพาเธอขึ้นรถ และการช่วยเธอในครั้งนี้ ทำให้เขาถูกฆาตกรตามไล่ล่าด้วย เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากเหตุการณ์จริง โดยฆาตกรต่อเนื่องในเรื่องนี้มาในรูปแบบของการไล่ล่าเหยื่อให้กลัว จากนั้นก็จับเหยื่อมาทรมาน ด้วยการงนเล่นเกมถามปัญหาเกี่ยวกับความรู้ของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศบ้านเกิดของเขา และชื่นชอบการร้องเพลงเป็นพิเศษ ซึ่งฆาตกรมีเอกลักษณ์ที่เด่นชัดคือ เป็นชายแก่ไว้หนวดเคราสวมหมวกใส่ชุดคาวบอย ถือมีดและปืนลูกซองเป็นอาวุธ ซึ่งความหลังของฆาตกรคือ ไม่ชอบชาวอังกฤษเป็นอย่างมาก เนื่องจากในอดีตประเทศออสเตรเลียได้ถูกชาวอังกฤษเข้ามารุกราน ทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก โดยช่วงเปิดเรื่องมีการเกริ่นนำคร่าว ๆ ของเรื่องราวก่อน ซึ่งเปิดเรื่องได้น่าสนใจดี โดยดำเนินเรื่องต่อเนื่องจากภาคแรก มาในสไตล์คล้าย ๆ กัน แต่ฉากฆ่าโหดกว่า หนังค่อนข้างยาวกว่า ซึ่งภาคนี้จะมีบอกถึงสาเหตุที่ฆาตกรฆ่าคน โดยในช่วงแรกจะเป็นการฉายถึงคู่อื่นที่ตกเป็นเหยื่อของฆาตกรก่อนฉายตัวละครหลัก ซึ่งดำเนินเรื่องต่อเนื่องกันเลย โดยตัวละครในช่วงเริ่มเรื่องค่อนข้างขัดใจพอสมควร แต่ยังดีที่ตัวละครหลักดูฉลาดขึ้น ดูแล้วทั้งฮาทั้งสงสาร ตัวละครหลักแสดงได้ดี สมบทบาท จึงทำให้ชวนลุ้นเอาใจช่วยตัวละครหลักตลอดทั้งเรื่อง3. SEE NO EVIL 1 (2006) เกี่ยวลากกระชากนรก เป็นภาพยนตร์แนวไล่เชือด ที่กำกับโดย Gregory Dark เขียนโดย Dan Madigan ผลิตโดย Joel Simon ซึ่งเป็นภาพยนตร์เอกเรื่องแรกที่ผลิตโดย WWE Films และเผยแพร่โดย Lionsgate ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อเรื่องที่แตกต่างกันมากมาย โดยชื่อเรื่องเดิมคือ Eye Scream Man และต่อมาได้เปลี่ยนเป็น The Goodnight Man และ Goodnight ตามลำดับ ก่อนที่จะใช้ชื่อเรื่องว่า SEE NO EVIL ซึ่งมีทั้งหมดสองภาค แต่ภาคสองทำออกมาสู้ภาคแรกไม่ได้ เรื่องราวของเด็กวัยรุ่นที่มีปัญหา 8 คน ที่ถูกเลือกตัวจากศูนย์คุมขังแห่งหนึ่งให้มาใช้เวลาในช่วงสุดสัปดาห์ทำความสะอาดโรงแรมเก่าที่หมดสภาพและผุผังแห่งหนึ่ง เพื่อแลกเปลี่ยนกับการลดโทษของพวกเขา พร้อมกับเจ้าหน้าที่อีกสองคนที่ตามมาควบคุมพวกเขา และพอมาถึงโรงแรมก็ได้รับการต้อนรับจากหญิงชราคนหนึ่งที่ทำงานด้านการซ่อมแซมสถานที่ทางประวัติศาสตร์ แต่เมื่อพวกเขาได้ทำงานในโรงแรมนี้ไม่นานก็ได้เจอกับฆาตกรที่ซึ่งอาศัยอยู่ในโรงแรมแห่งนี้ โดยฆาตกรต่อเนื่องในเรื่องนี้มาในรูปแบบของการแอบมองคนตามช่อง ตามกระจก ใช้เส้นเอ็นผูกไว้ตามพื้นระหว่างทางเดินในที่ต่าง ๆ ซึ่งเส้นเอ็นนั้นเชื่อมโยงมายังห้องของตน และเมื่อมีคนเดินผ่านจุดนั้นก็จะแจ้งเตือนด้วยเสียงกระดิ่งที่ผูกไว้ และจับคนด้วยตะขอแล้วเกี่ยวลากไปกับพื้นไปขังไว้ในห้อง จากนั้นก็ควักลูกตา เก็บสะสมไว้ในโถ ซึ่งเขาไม่ได้ฆ่าทุกคน แต่จะเก็บคนที่มีรอยสักและมีไม้กางเขน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางศาสนาไว้ ซึ่งฆาตกรมีเอกลักษณ์ที่เด่นชัดคือ เป็นชายหัวล้านหน้าตาเคร่งขึม รูปร่างสูงใหญ่ ถือตะขอเป็นอาวุธ บางครั้งก็ใช้ขวานเป็นอาวุธ ซึ่งความหลังของฆาตกรคือ ถูกแม่ที่เคร่งศาสนา เชื่อในเรื่องพระเจ้าและบาปกดขี่ตั้งแต่เด็ก ทำให้เสียงของเธอฝังอยู่ในหัวตลอดเวลา จนทำให้กลายเป็นบ้าเสียสติ เปิดเรื่องได้น่าสนใจดี จากนั้นก็ตัดมาที่ช่วง 4 ปีต่อมา ซึ่งช่วงแรกจะมีการแนะนำตัวละครคร่าว ๆ ก่อนมาถึงโรงแรม ถือว่าดำเนินเรื่องเร็วดี และพอมาถึงโรงแรมยังไม่ค่อยมีอะไร ค่อนข้างน่าเบื่อไปหน่อย จะฉายถึงตัวละครแต่ละคนที่ทำงานไปเรื่อย สถานที่บรรยากาศดูหลอน ๆ น่าสงสัยดี ตัวละครเยอะดี ฉากฆ่าโหดดี ลุ้นดี มีขัดใจตัวละครบ้าง แต่ไม่มาก ส่วนฆาตกรค่อนข้างเว่อไปหน่อย บางจุดไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่4. When a stranger calls (2006) โทรมาฆ่าอย่าอยู่คนเดียว เป็นภาพยนตร์สยองขวัญจิตวิทยาอเมริกัน ที่กำกับโดย Simon West และเขียนโดย Jake Wade Wall ซึ่งรีเมคมาจากภาพยนตร์สยองขวัญของ Fred Walton ในปี 1979 ที่มีชื่อเดียวกัน เรื่องราวของนักเรียนมัธยมสาวที่ต้องทำงานชดใช้รับจ้างเป็นพี่เลี้ยงเด็กในบ้านครอบครัวมหาเศรษฐีอันห่างไกลที่ซึ่งมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างดี ในช่วงที่พ่อแม่ของพวกเขาออกไปทานอาหารค่ำและอาจดูหนังต่อข้างนอกยามดึก ซึ่งในช่วงแรกเธอก็อยู่อย่างปกติ จนเมื่อมีเสียงโทรศัพท์ดังเข้ามา แต่ไม่มีเสียงคนพูด แถมยังเสียงระบบรักษาความปลอดภัยผิดพลาดอีก และยังคงมีเสียงโทรศัพท์โทรเข้ามาเช่นนี้อยู่เป็นระยะ เธอจึงเริ่มกลัวจนต้องโทรแจ้งตำรวจเพื่อให้ตรวจสอบว่าปลายสายโทรศัพท์นั้นโทรมาจากที่ใด จนเมื่อได้รู้ความจริงจากตำรวจ ทำให้เธอต้องพาเด็ก ๆ ออกไปจากที่นี่ โดยฆาตกรต่อเนื่องในเรื่องนี้มาในรูปแบบของการโทรศัพท์เข้ามาเป็นระยะ เพื่อข่มขู่ให้เหยื่อกลัว แล้วบุกจู่โจมเหยื่อ ซึ่งฆาตกรมีเอกลักษณ์ที่เด่นชัดคือ ชายรูปร่างผอมสูง สวมชุดสีดำ ใบหน้ามีรอยแผลเป็น ไม่ถืออาวุธ โดยในเรื่องไม่ได้พูดถึงความหลังของฆาตกร แต่เคยก่อคดีฆ่าวัยรุ่นมาแล้ว เปิดเรื่องน่าสนใจดี โดยช่วงแรกจะฉายถึงคดีที่ตำรวจพบศพที่ถูกฆาตกรฆ่า จากนั้นก็ตัดมาฉายถึงตัวละครหลัก ในช่วงแรกจะมีการปูเรื่องราวของตัวละครหลักเล็กน้อย และเดินทางมาที่บ้านเลี้ยงเด็กเลย ซึ่งพอมาถึงแล้ว วิวทิวทัศน์สวยดี บ้านก็ดูสวยเงียบสงบน่าอยู่มาก จากนั้นก็มีการแนะนำห้องและสิ่งต่าง ๆ ในบ้านจากเจ้าของบ้าน ซึ่งหนังจะเน้นบรรยากาศมืด ๆ เงียบ ๆ ชวนหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา จนเมื่อมีโทรศัพท์โทรเข้ามาแล้วไม่มีเสียงคนพูด มีเพียงเสียงลมหายใจ ก็ยิ่งน่าสงสัยชวนติดตาม มีตุ้งแช่บ้าง พอเดาเรื่องได้บ้าง ใช้ตัวละครน้อย มีตัวละครอื่นมาแซมบ้างเล็กน้อย โดยจะเน้นไปที่ตัวละครหลัก ลุ้นดี โดยเฉพาะช่วงหลัง ๆ ลุ้นเอาใจช่วยตัวละครสุด ๆ5. THE WATCHER (2000) จ้องตาย เป็นภาพยนตร์สยองขวัญ ที่กำกับโดย Joe Charbanic เรื่องราวของเจ้าหน้าที่เอฟบีไอที่ตัดสินใจวางมือจากการตามจับฆาตกรแล้วหันไปใช้ชีวิตสงบสุขที่ชิคาโก้หลังจากใช้เวลาหลายปีไปกับการตามล่าฆาตกรโรคจิต แต่หลังจากที่เขาใช้ชีวิตสงบสุขอยู่ที่ชิคาโก้ได้เพียง 2-3 เดือน ก็เกิดคดีฆาตกรรมขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนที่จะลงมือสังหารเหยื่อทุกครั้ง เขาจะส่งรูปเหยื่อให้เอฟบีไอดูก่อนโดยเฉพาะเขา และให้เวลาเพียง 24 ชั่วโมงในการตามหา จากนั้นจึงค่อย ๆ ลงมือฆ่า ทำให้เขาต้องกลับมาทำคดีนี้อีกครั้ง โดยเหยื่อรายสุดท้ายของฆาตกร คือคนใกล้ตัวของเขา โดยฆาตกรต่อเนื่องในเรื่องนี้มาในรูปแบบของการแอบมองเหยื่อผู้หญิง เพื่อศึกษารายละเอียดประจำวันของเหยื่อ จากนั้นก็ถ่ายรูปเหยื่อ พร้อมส่งให้ตำรวจดู โดยให้เวลา 24 ชั่วโมงในการตามหาเหยื่อให้เจอก่อนที่จะลงมือฆ่าเหยื่อ ซึ่งฆาตกรมีเอกลักษณ์ที่เด่นชัดคือ สวมชุดสีดำ ไม่ปิดบังใบหน้า ทำตัวเหมือนคนปกติและชอบพูดจาหวานกับผู้หญิงไปทั่ว แถมยังชื่นชอบการเต้นรำเป็นพิเศษและชอบใช้เชือกเป็นอาวุธรัดคอเหยื่อให้ตาย ซึ่งความหลังของฆาตกรในเรื่องไม่ได้พูดถึง เปิดเรื่องมาได้น่าสนใจดี โดยจะฉายถึงกลุ่มตำรวจที่บุกถิ่นของฆาตกร จากนั้นก็ตัดมาฉายที่ตัวละครหลักที่กำลังเล่าถึงวิธีที่ฆาตกรลงมือกับเหยื่อ และฉายถึงการใช้ชีวิตทั่วไปของตัวละครหลักหลังจากวางมือจากวงการ ซึ่งบางครั้งก็ฉายถึงอดีตของตัวละครหลักบ้าง และดำเนินเรื่องจนฉายวกกลับมาที่ช่วงเปิดเรื่องในตอนแรก เน้นการสืบสวนหาตัวเหยื่อ ซึ่งทำได้ดี ชวนให้ลุ้นเอาใจช่วยตัวละครไปกับการสืบหาเหยื่อและฆาตกร ฆาตกรฉลาดดีเชี่ยวชาญการเอาตัวรอดเป็นพิเศษ ส่วนตำรวจก็มีฝีมือดีเช่นกัน โดยฆาตกรจะใช้วิธีแอบจ้องเหยื่อ ทำให้ชวนหวาดระแวงสงสัยไปกับตัวละครตลอดเวลา ฉากไล่ล่าสนุกดี ลุ้นดี ตัวละครแสดงดี แทบไม่มีช่วงที่น่าเบื่อเลย ฆาตกรทั่วไปไม่ใช่ฆาตกรที่มีความเชี่ยวชาญ สามารถหาตัวจับได้ง่าย แต่ฆาตกรต่อเนื่องเหล่านี้ มีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างดี ซึ่งไม่ใช่ว่าจะจับกันได้ง่าย ๆ แถมแต่ละคนยังมีความเชี่ยวชาญต่างกัน มาในหลากหลายรูปแบบที่ต่างกัน ขอบคุณภาพจาก IMDb เครดิต LD Entertainment รูปที่ 1 / เครดิต LD Entertainment รูปที่ 2 / เครดิต Duo Art Productions รูปที่ 3 / เครดิต WWE Films รูปที่ 4 / เครดิต Davis Entertainment รูปที่ 5 / รูปที่ 6