รูปภาพโดย : pexels.comสวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ผมอยากแนะนำเส้นทาง การเดินทางบนสายอาชีพทนายความมาฝากนะครับ ที่เคยได้ยินคนสมัยก่อนเรียกทนายความว่า หมอความ ก็ไม่ผิดจากความเป็นจริงสักเท่าไร เพราะคุณหมอคือผู้ที่รักษาผู้ป่วย ทนายความก็เช่นกันเป็นผู้รักษาหรือแก้ไข หรือเยียวยา ผู้ที่มีปัญหาด้านกฎหมาย เนื่องจากบุคคลต้องดำรงตนอยู่ภายใต้กฎหมาย เมื่อต้องใช้สิทธิตามกฎหมาย อาจมีเงื่อนไขบางอย่างที่ต้องให้ผู้ที่มีคุณสมบัติทางวิชาชีพกฎหมาย เป็นผู้ดำเนินการให้ เช่น หากเราต้องการใช้สิทธิทางศาล ทนายก็จะเป็นผู้ร่างคำฟ้องหรือ คำร้องให้ หรือ ต้องการร่างสัญญาทางกฎหมายในธุรกิจ ทนายความก็เป็นผู้ดำเนินการให้ แต่ที่เราจะเห็นได้ชัดเลยก็คือ การดำเนินกระบวนการในชั้นศาล จะเห็นทนายความมีบทบาทมาก ซึ่งหลายคนยังเข้าใจว่า ทนายจะต้องเป็นฝ่ายจำเลยเสมอ ไม่ใช่นะครับ ทนายเป็นได้ทั้ง โจทก์ หรือ จำเลยครับรูปภาพโดย : pixabayโดยหลักแล้วอาชีพทนายความเป็นอาชีพที่มีเกียรติมาก เพราะถือเป็นหนึ่งในผู้ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งกระบวนการยุติธรรมจะเริ่มจาก ตำรวจ อัยการ ผู้พิพากษา และทนายความนี่ล่ะครับ ที่เป็นผู้ที่มีความสำคัญกับตัวความและคดี โดยจะเริ่มตั้งแต่ชั้นสอบสวน โดยทนายจะต้องดำเนินการแทนตัวความ อาจจะเริ่มตั้งแต่การประกันตัวผู้ต้องหา อีกทั้งยังต้องหาพยานหลักฐานมายืนยันความบริสุทธ์ เพื่อหักล้างข้อกล่าวหาของอีกฝ่ายในชั้นศาลอีกด้วยครับรูปภาพโดย : pixabayจากที่กล่าวมาข้างต้นอาจจะทำให้ท่านพอมองเห็นภาพของอาชีพทนายได้บ้างนะครับ ทีนี้เรามาดูเส้นทางอาชีพนี้กันบ้างนะครับ อย่างแรกเลยท่านต้องเรียนปริญาตรีนิติศาสตร์ก่อนนะครับ มหาลัยมีทั้งของรัฐและเอกชน การเรียนในมหาลัยนี้ผมบอกเลยว่าดีทุกที่ครับ เอาที่ท่านสะดวกเพราะการเรียนนิติศาสตร์เนื้อหาแต่ละมหาลัยต้องเรียนเหมือนกัน เพราะเราศึกษากฎหมายฉบับเดียวกัน แต่ที่อาจจะแตกต่างกันบ้างก็คือ หากเป็นมหาวิทยาลัยรามคำแหง หากท่านศึกษาครบหลักสูตรอนุปริญญา ท่านจะขอใบรับรองทางมหาลัยเพื่อไปสมัครสอบใบอนุญาตทนายได้ก่อน โดยท่านจะมีสิทธิขอสภาทนายฝึกงานกับสำนักงานทนาย เมื่อครบ 1ปี ท่านก็จะมีสิทธิสอบใบอนุญาตว่าความสำหรับผู้ฝึกงานครบ 1ปี ได้ก่อนครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะเป็นทนายที่ว่าความได้ท่านก็ต้องเรียนให้จบปริญญาตรีก่อนนะครับ ต่อมาสำหรับผู้ที่จบหลักสูตรปริญญาตรีนิติศาสตร์ ท่านจะมีหนทางการสอบใบอนุญาตว่าความได้ 2 แบบนะครับแบบผู้ฝึกงานครบ 1ปี(ตั๋วปี) แบบนี้จะเหมือนกับที่อธิบายข้างต้นครับ เมื่อสอบผ่าน ท่านไม่ต้องฝึกงานอีก รอสอบภาคปฏิบัติต่อได้เลย เมื่อสอบผ่าน ก็มีการสอบปากเปล่าอีกขั้นตอน เป็นอันเสร็จสิ้นแบบที่เรียกว่า ผู้สอบทฤษฎี รุ่นที่…(ตั๋วรุ่น) แบบนี้จะรับเฉพาะผู้จบปริญญาตรีนิติศาสตร์แล้วเท่านั้น ผู้สอบเมื่อสอบผ่านจะต้องฝึกงานในสำนักงานทนายความอีก 6 เดือน เมื่อฝึกครบระยะเวลาแล้ว ต้องสอบปฏิบัติ เมื่อสอบผ่าน จึงมีสิทธิได้สอบปากเปล่าอีกขั้นตอน เมื่อผ่านขั้นตอนนี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น มีสิทธิขอใบอนญาตว่าความได้รูปภาพโดย : pixabayจะเห็นได้ว่ากว่าจะได้เป็นทนายความได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย มีหลายคนที่ไม่มีความรู้กฎหมายเพียงพอแต่ไปแนะนำทางคดีให้กับผู้เสียหายแบบผิดๆ จนทำให้รูปคดีเสียไปก็มีเยอะแยะในสังคม เช่น ในสังคมโซเชียล หรือ บางคนสร้างความเข้าใจผิดให้คนในสังคมเข้าใจว่าตนเป็นทนายโดยสร้างชื่อเสียงในข่าว แต่แท้จริงแล้วตนไม่ใช่ทนายความ เพราะจริงๆ แล้วผู้เป็นทนายความนั้น จะกระทำการใดๆที่เป็นการละเมิดสิทธิของผู้อื่นไม่ได้ เพราะทนายต้องอยู่ภายใต้กฎหมายของวิชาชีพทนาย หรือที่เรียกว่ามรรยาททนายความนั่นเองรูปภาพโดย : pixabayที่กล่าวมาทั้งหมดนี้อยากให้ผู้ที่อยากประกอบวิชาชีพด้านกฎหมายในอนาคต ได้รู้เส้นทางของอาชีพทนายความ ซึ่งผมถือว่าเป็นอาชีพที่ทรงเกียรติมากอาชีพหนึ่ง มีอาจารย์ที่สอนตอนเรียนมหาวิทยาลัยท่านหนึ่ง ซึ่งท่านเป็นผู้พิพากษาด้วย ได้กล่าวว่า หากท่านประกอบวิชาชีพทนายความ ท่านดำรงตนให้มีเกียรติ เพราะอาชีพทนายถือเป็นอาชีพที่ช่วยศาลพิสูจน์ความจริง และต้องไม่คิดว่าเป็นทนายเพียงเพื่อว่าจะหาเงินจากการค้าความ โดยทำให้ผู้ที่ทำผิดไม่ต้องรับโทษ แต่ท่านต้องพิสูจน์ความจริงให้ตัวความของท่านได้รับความยุติธรรม หรือ หากต้องรับโทษก็ได้รับตามสมควรแก่ความผิดที่ก่อนั่นเอง