อื่นๆ

ฝาบ้าน วิไล

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ฝาบ้าน วิไล

ท้ายหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขต อ.พาน จ.เชียงราย เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน มีกลุ่มบ้านไม้ไม่กี่หลังที่สร้างใกล้กัน ตามประสาเครื่อญาติทีี่มักจะสร้างที่อยู่อาศัยบนพื้นที่แผ่นเดียวกัน และหนึ่งในนั้นก็เป็นบ้านของ วิไล เธอเป็นคนที่หมู่บ้านนี้มาตั้งแต่เกิด ถึงแม้บ้านของเธอจะเป็นหลังสุดท้ายของหมู่บ้าน แต่เนื่องจากเกิดที่นี้และโตมากับที่นี้ ทุกอย่างจึงเป็นเรื่องที่คุ้นตาเพราะเธอเห็นมาตั่งแต่เด็ก ๆ ถัดจากบ้านวิไลไป ก็จะเป็นทุ่งนาของชาวบ้านกินระยะทางเกือบ5กิโล กว่าจะถึงหมู่บ้านถัดไป

สามีของวิไลเป็นช่างรับเหมา เป็นคนต่างอำเภอ เมื่อแต่งงานและมีลูกด้วยกัน 3คน จึงตัดสินใจตั้งหลักปักฐานอยู่กับวิไลที่นี้ อาชีพช่างรับเหมานี้เอง ที่ทำให้วิไลไม่ต้องลำบากเป็นชาวนาชาวไร่ เหมือนญาติพี่น้องคนอื่น ๆ แต่ก็ทำให้สามีของวิไล ก็ต้องไปทำงาน จังหวัดไกล ๆ หรือบางครั้งก็ไปรับงานไกล ถึงกรุงเทพ

Advertisement

Advertisement

“รอบนี้ไปทำที่ไหนล่ะพี่ “เธอถามสามี “ไปเชียงใหม่ ช่างเขาลงเสาไว้ อย่างอื่นเขาจ้างเรา เขารู้จักพี่ชาติ พี่ชาติมาบอกพี่ เลยคิดว่าจะไปดูหน้างานกันก่อน” วิไลเองก็รุ้จัก พี่ชาติที่สามีเธอพูดถึง เพราะพี่ชาติคือ พี่เขยของวิไลเอง “พี่ติดรถไปกับพี่ชาติ พี่ชาติแกชินทางแกรับงานเชียงใหม่บ่อย พี่ไม่ได้ขับรถเอง นี่ก็รอพี่ชาติมารับ”

ทุกวัน ลูกๆ3คนของวิไล ที่อายุห่างกันแค่คนละปี มักจะไปวิ่งเล่นบ้านยาย ซึ่งก็คือแม่ของวิไลเอง ซึ่งบ้านยายนั้นอยู่ในตัวหมู่บ้าน เลิกเรียนมาก็พากันลงรถรับส่งนักเรียนที่บ้านยาย กินข้าวเย็นบ้านยาย แล้ววิไลถึงไปรับกลับมานอนที่บ้านตัวเองที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน  เด็ก ๆจะถามถึงพ่อบ้าง เมื่อมาถึงบ้านแล้วไม่เห็น แต่ก็ไม่งอแงร้องไห้เพราะคงชิน “พ่อไปเชียงใหม่ เดี่ยวก็มา” นี่คือคำตอบเวลาลูกถาม

Advertisement

Advertisement

สองทุ่มสำหรับต่างจังหวัดถือว่าเป็นเวลาที่ทุกคนต้องเข้านอนแล้ว ลูกของเธอหลับหมดแล้ว ตอนนี้เหลือแต่วิไล บ้านไม้ยกใต้ถุนของวิไลไม่ได้กั้นเป็นห้อง ทุกคนจึงนอนรวมกันหมด วิไลนอนมุ้งเดียวกับลุกคนเล็กและสามี ส่วนมุ้งติดกันคือลูกชายคนโต และคนที่รองลงมา หลังจากปิดประตูปิดหน้าต่างปิดไฟ  วิไลก็ล้มตัวนอน ถึงแม้จะปิดไฟ แต่แสงสว่างของพระจันทร์ก็ลอดผ่านมาทางหน้าต่างบานแรกซึ่งวิไลออกแรงเท่าไหร่ก็ปิดหน้าต่างบานนี้ไม่ได้ คงเป็นเพราะข้อต่อตัวปิดนั้นขึ้นสนิม พอปิดไม่ได้ก็ไม่ปิด

เสียงละเมอลูกชายคนเล็กทำให้วิไลสะดุ้งตื่น “แม่ ๆ” วิไลเอามือลูบหลังสองสามครั้งเสียงลูกก็เงียบไป เสียงในห้องเงียบแล้ว แต่เสียงของนอกยังมี คืนนี้ลมแรง แรงจนพัดเอามะพร้าวที่แห้งคาต้นหลุดร่วงบนพื้นจนได้ยินชัดเจน ตุ๊บ ตุ๊บ แล้วเงียบหายไป เป็นแบบนี้อยู่ สามสี่ครั้ง วิไลอยากจะลุกขึ้นไปเปิดไฟนอนแต่ก็กลัวลูกคนโตตื่นเพราะเป็นคนหลับยาก วิไลเลยพยายามข่มตาตัวเองให้หลับ เสียงมะพร้าวล่วงยังไม่หาย แต่รอบนี้แทนที่จะร่วงลงพื้นตุ๊บ ๆ แล้วหายไป แต่กลับมีเสียง เหมือนของชิ้นใหญ่ร่วงใส่รถกระบะที่จอดอยู่ ตรงกับหน้าต่างบานที่เธอเปิดไม่ได้ วิไลลุกขึ้นมองออกไปนอกหน้าต่าง ชะโงกหัวออกไปเพื่อที่จะได้เห็นกระบะรถชัดเจน เธอก้ไม่พบอะไร วิไลกลับมานอนที่เดิม เพียงไม่กี่อึดใจเสียงแบบเดิมก็เริ่มชัดขึ้น ชัดมากจนเธอรู้สึกเหมือนเสียงนั้นห่างเธอแค่ฝาบ้านของเธอเท่านั้น ตุ๊บ ตุ๊บ และโครม! ที่ท้ายกระบะรถ และเสียงก็เงียบ วิไลเริ่มรู้สึกกลัว ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวกับลูก3คนซึ่งก็เล็กนัก หากเป็นขโมยขโจร ที่มาหวังเอาทรัพย์สินของเธอ เธอก็คงจะหมดปัญญาสู้ ระหว่างที่เธอกำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงดี เสียงก็เริ่มต้นแบบเดิมและจบแบบเดิมอีกหลายรอบ แต่รอบนี้ เสียงไม่ได้หายไปแค่ โครมเดียวบนท้ายกระบะ แต่ยังเหมือนมีคนพยายามตปบฝาบ้านไม้ของเธอ วิไลตัดสินใจลุกขึ้นเปิดไฟ เธอกำมีดอีโต้ ที่เหน็บไว้ข้างฝาไว้แน่น กะว่าถ้าโจรมันจะขึ้นบ้านมา โดยการกระโดดบนกระบะท้ายแล้วปีนฝาบ้านมา ยังไงก็จะต้องมาโผ่ลตรงหน้าต่างบ้านนั้นแน่  ๆ เธอเงื้อมือยืนอยู่ข้างหน้าต่าง รอ รอมือโจรโผล่มา เธอจะตัดสินใจฟันมือให้ขาด

Advertisement

Advertisement

ตุ๊บ ตุ๊บ หล่นบนพื้นสองที เสียงโครมลงท้ายกระบะรถ แบบเดิมไม่มีผิดเพื้ยน เธอยืนรออยุ่แล้ว พร้อมฟันทันที่ที่เห็นมือโผล่มา เสียงโครม ! ต่อด้วยเสียงปีนฝาบ้าน ปับ ปับ เสียงข้างนอกจะดังแค่ไหน แต่สิ่งที่ได้ยินชัดกว่าคือเสียงหัวใจเต้นตุ๊บ ๆของวิไล รอบนี้เสียบปีนฝาบ้านดังและชัดมาก จนวิไลเองรู้สึกได้ว่าเห็นแผ่นไม้ฝาบ้านสะเทือนตามเสียงที่ตะปบ ปับ ปับ รอบนี้เธอมองตั้งแต่ไม่แผ่นล่าง ๆ จนถึงรอยสะเทือนไม้แผ่นใกล้หน้าต่าง วิไลตัดสินใจฟันมีดลงขอบหน้าต่างด้วยแรงทั้งหมดที่เธอมี เสียงดังโครมใหม่เหมือนของหนักร่วงจากหน้าต่างด้านนอก ลงกระบะท้ายรถแล้วหายไป วิไลค่อย ๆ เอาตัวเองไปให้ชิดหน้าต่างเพื่อที่จะดูหน้าไอ้โจรให้ชัด   กลับว่างเปล่า นอกหน้าต่างตอนนี้ มีแต่แสงพระจันทร์ที่ส่องแสงให้เห็นลูกมะพร้าวแห้ง ร่วงเกลื่นพื้น วิไลหันกลับมาพบลูกชายตัวเองยืนมองอยู่ “แม่ ทำอะไรอ่ะ” เธอกอดลูกแล้วอุ้มลูกคนเล็กไปนอนรวมกัน ในมุ้งลูกคนโต วิไลหลับไปตอนไหนไม่รุ้ มารู้ตัวเมื่อแสงพระจันทร์เป็นเป็นแสงแดดของพระอาทิตย์ตอนหกโมงเช้า

วิไล อุ้มลูกคนเล็ก จูงลูกคนโต พากันข้ามถนนเดินเข้าหมุ่บ้านไปเล่าสิ่งที่เจอมาให้แม่ตัวเองฟัง ประจวบเหมาะกับเป็นเวลาที่สามีของวิไลกลับมาจากเชียงใหม่พอดี “ ตอนที่น้องมารับลูกๆที่บ้านใหญ่ มีคนมาตะโกนขอให้พี่เอารถไปส่งคนเป็นลม ตาภพพ่อน้ามิ่งไง “ เฮ้ย ไอ้ภพมันตายแร้ว นี่แม่กำลังจะไปช่วยงาน ก็จะบอกให้เอ็งแวะไปส่งแม่หน่อย” เสียงแม่ของวิไลตะโกนมาจากในครัวหลังบ้าน สามีของวิไลเล่าว่า “พอถึงสถาณีอนามัย พี่เห็นว่าเจอหมอแล้ว ตอนที่ไปส่งก็มีญาติของลุงภพติดรถไปด้วย 2 คน ใกล้จะถึงเวลาที่พี่ชาติมารับพี่ไปเชียงใหม่ พี่เลยรีบกลับมารอที่บ้าน ไม่นึกว่าแกจะตาย” ทั้งหมดจะพากันไปช่วยงานศพ ลุงภพที่อยู่บ้านเหนือ คงเป็นจิตรสุดท้ายของคนตายที่ยังไม่ทันรุ้ตัว เพราะแกขาดใจตายด้วยโรคหัวใจที่ท้ายกระบะของสามีวิไล

หลังจากงานเผาลุงภพแล้ว วิไลและสามี เอารถกระบะไปให้หลวงพ่อที่วัดช่วยรดน้ำมนต์ ตามคำแนะนำของยาย หลวงพ่อบอกว่า “ช่วยคนได้บุญนะโยม ถึงสุดท้ายคนที่เราช่วยเขาจะตายไป แต่บุญกุศลที่เราช่วยเขาก็ยังอยู่นะโยม”

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์