อื่นๆ

คนที่เดินสวนกับฉัน ในห้องพักโรงแรมดังของเชียงใหม่ คือใครกัน?!

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
คนที่เดินสวนกับฉัน ในห้องพักโรงแรมดังของเชียงใหม่ คือใครกัน?!

ถ้าถามถึงเมืองท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อ และนิยมไปกันมากที่สุด ชื่อแรกๆ ที่หลายคนจะนึกถึง คงหนีไม่พ้นจังหวัดเชียงใหม่ใช่ไหมคะ เราเองก็เช่นกันค่ะ เพราะเชียงใหม่เป็นเมืองที่เที่ยวง่าย เดินทางสะดวก ผู้คนเป็นมิตร และสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ เยอะมาก ของกินก็อร่อย และใช่ค่ะเราเลือกเดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่อยู่บ่อยครั้ง

ในเดือนมีนาคม สัก 2-3 ปีก่อน เราได้ตกลงกับเพื่อนๆ อีก 2 คนว่าเราเที่ยวแบบบุกป่าฝ่าดงมาเยอะแล้ว คราวนี้เราขอแบบไฮโซขึ้นมาหน่อยจะได้สบายๆ แล้วคืนที่สามก็จะไปบุกป่าฝ่าดงกันเหมือนเคย เราเป็นคนเลือกโรงแรมเองค่ะ สะดุดตากับโรงแรมที่เป็นสไตล์ล้านนาแห่งหนึ่งมีจากุซซี่ มีห้องน้ำแบบเปิดมองเห็นตัวเมืองได้เลย คือนั่งทำภารกิจในห้องน้ำก็ชมวิวไปด้วยแบบนั้นเลยค่ะ ตอนจองก็แอบหวั่นนิดๆ ว่าจะกล้าใช้จากุซซี่ไหม เพราะมันเปิดเกิน (-.-") แต่ก็นั่นแหละค่ะ แพ้มากกับสไตล์ไทยๆ อะไรแบบนี้ มือกดจองโอนเงินเรียบร้อย

Advertisement

Advertisement

ถึงวันเดินทางเรานั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ มาถึงสนามบินเชียงใหม่ประมาณ 10 โมงเช้าค่ะ ก็มีรถจากโรงแรมมารอรับ น่ารักมากๆ ถึงโรงแรมก็ทำการเช็คอิน แล้วน้องพนักงานก็พาเราขึ้นไปพักบนห้องค่ะ พอเห็นปุ๊บเรารู้สึกดีมากๆที่เลือกที่นี่ ชอบมาก สวยจริงๆ ค่ะ เพื่อนๆที่มาด้วยกันนี่ยังปลื้มปริ่มเลย เดินชมการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ การออกแบบของโรงแรม แต่ตัวเรารู้สึกร้อนๆหนาวๆ ขนลุกวูบวาบบอกไม่ถูก แต่ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรแย่ๆ (ปกติถ้าที่ไหนแรงมาก จะเจออะไรที่แย่ๆ เราจะรู้สึกอึกอัด ปวดหัว ร้อนผ่าวๆ หายใจลำบาก จะไม่เลือกอยู่ที่นั่นต่อเพราะฝืนแล้วเจอหนักทุกครั้ง) ชื่นชมศิลปะในห้องกันครู่ใหญ่ เราก็เก็บของ และนั่งพักผ่อนกันสักพัก ท้องก็เดือดขึ้นมาเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาที่พวกเราควรจะหาอาหารเหนือใส่ท้องกันแล้ว ไปค่ะ!! พวกเราลงไปทานอาหารที่ห้องอาหารของโรงแรมค่ะ อาหารอร่อยมากๆ จัดจานสวย ห้องอาหารก็สวย พวกเราไม่เป็นอันกินเลยค่ะ มัวแต่ถ่ายรูป แล้วก็ชื่นชมกับการออกแบบอยู่นาน แล้วก็ออกจากโรงแรมไปเดินเที่ยวในเมือง ทางโรงแรมก็จัดรถพาออกไปค่ะ เราใช้เวลาเดินเที่ยวในเมือง ไปไหว้พระวัดต่างๆ เคารพศาลหลักเมือง แล้วพลบค่ำเราก็จะกลับค่ะ พอดีน้องพนักงานโรงแรมที่ขับรถมาส่งเมื่อเช้าโทรเข้ามาสอบถามว่ายังเดินเที่ยวอยู่ไหม กลับมาที่โรงแรมเลยไหม เค้าจะมารับกลับค่ะ คือโรงแรมดีมากน่ารักจริงๆ

Advertisement

Advertisement

อ่ะ!! เราขออธิบายห้องสักนิดค่ะ เพื่อที่จะนึกภาพตามกันง่ายๆนะคะ ถ้าเปิดประตูห้องมาด้านขวามือจะเป็นชั้นวางของ ตู้แขวนเสื้อคลุมอาบน้ำ ผ้าใช้แล้ว ที่วางรองเท้า และตู้เย็นขนาดใหญ่ มองตรงไปจะเป็นโต๊ะอ่านหนังสือ หรือทำงาน เดินเข้าไปอีกนิด จะเจอช่องทางเดินด้านซ้ายมือในช่องนั้นก็จะมีโต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า และประตูห้องน้ำค่ะ ถ้าเดินเข้ามาอีกก็จะเป็นเตียงนอนขนาดใหญ่ มีโต๊ะและฟูกนั่งเล่นอยู่ตรงปลายเตียงมีชั้นวางของ ชั้นหนังสือ มีฟูกนอนดูทีวีขนาดใหญ่ด้านซ้าย มีฟูกนั่งเล่นแบบยาวสุดปลายห้องติดกับฟูกนอน และชุดโต๊ะกิจกรรม มีประตูออกไประเบียง ระเบียงนี่เราสามารถเปิดออกจากในห้อง และเดินไปได้รอบจนถึงห้องน้ำได้ค่ะ ตามรูปที่เราวาดง่ายๆ ด้านล่างนี้เลย

ลักษณะห้องพัก

อ่ะที่นี้มาต่อกันค่ะ เราถึงโรงแรมเราก็เปิดทีวีดูการ์ตูนค่ะ แล้วก็นั่งเปิดห่อของกระจุกกระจิก ของฝาก แกะของกินที่ซื้อมาจากคูเมือง แล้วสลับกันอาบน้ำ
เราอาบคนสุดท้ายเสมอ เพราะเป็นคนอาบน้ำนานมาก แล้วยิ่งมีจากุซซี่แบบนี้ล่ะก็ หึหึ ไม่ต่ำสองชั่วโมงแน่นอน เราอาบน้ำชำระกายเสร็จแล้วก็ห่อตัวจะไปจัดจากุซซี่ต่อ เดินไปถึงอ่างแล้วเห็นวิวด้านนอกแบบวิวดีมาก เห็นไฟในคูเมือง แต่พอมืดแล้วก็แอบหวั่นๆนิดนึงถ้าเปิดไฟที่อ่างน่าจะมีคนเห็น เราเลยเดินไปลองปิดไฟที่อยู่ตรงอ่างดู แต่ไฟห้องน้ำก็ยังทำให้สว่างอยู่ดี เลยตัดสินใจปิดทั้งหมดเลยจะได้มืดๆ กินบรรยากาศและแสงดาวข้างนอก

Advertisement

Advertisement

วึบ!! ปิดไฟทั้งห้องน้ำแล้ว มองไม่เห็นอะไรเลย ม่านตาปรับตามไม่ทัน เรายืนอยู่ตรงนั้นสักครู่นึง พอม่านตาเริ่มปรับก็เดินตรงไปที่อ่าง ปลดผ้า ก้าวลงอ่างและเปิดน้ำ ตอนนั้นเรานึกด่าตัวเองว่าทำไมไม่เปิดน้ำไว้ก่อนฟระ!! นั่งรอน้ำในความมืด มันหลอนมากค่ะเสียงน้ำที่กำลังเปิด เสียงจิ้งหรีดเลไล กับความเงียบ ตอนแรกยังไม่คิดอะไร นั่งๆไปเริ่มคิด เริ่มรู้สึกกลัว ความรู้สึกวูบวาบเมื่อตอนกลางวันเริ่มมา เหมือนตาเริ่มฝาดไปเรื่อย เลยตัดสินใจว่าคืนพรุ่งนี้ก็ได้วะ ลุกขึ้นมาเดินไปเพื่อที่จะเปิดไฟ ระหว่างเดินก็หันหลังไปมองที่อ่างด้วยหลอนมาก เปิดไฟรีบแต่งตัวออกมานั่งเม้ากับเพื่อนๆ

เราอวดของที่ซื้อมากัน คุยกันเรื่องที่ที่เราจะไปในวันที่สาม รวมถึงแผนการเดินทางต่างๆ ถึงเที่ยงคืนกว่า ก็จัดเก็บข้าวของ เอาอาหารใส่ตู้เย็น ของฝากต่างๆ วางบนโต๊ะกิจกรรม แล้วก็แยกย้ายกันนอน ทุกครั้งเวลาไปกับเพื่อนๆ เราจะเป็นคนปิดไฟในห้องตลอดเพราะเพื่อนกลัว (อารมณ์แบบว่าปิดไฟแล้วกลัวมาคนยืนด้วย) ทุกคนเข้าที่นอนเรียบร้อยแล้วเราก็เดินไปปิดไฟ ฉึบ!! ยังค่ะ ยังไม่มีอะไร เราเดินมานอนที่เตียงใหญ่ แล้วเล่นมือถือสักครู่ คอยดูว่าเพื่อนๆโอเคกันไหม เพราะเพื่อนกลัวผีมาก

เราเห็นทุกคนหลับแล้ว ก็ไหว้พระ ไหว้เจ้าที่ แล้วเล่นมือถือพักนึงก็เริ่มสะลึมสะลือ แต่ไม่ทันจะได้หลับ ยังไม่เข้าสู่โหมด Light Sleep เลย เราได้ยินเสียงคนเปิดค้นถุงเหมือนเปิดหาดูอะไรสักอย่าง เราไม่ได้ลืมตาไปดูแต่ก็พูดออกไปว่า "รื้อหาไรเจ้?" ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ พร้อมกับเสียงนั้นก็หายไปด้วย ก็เลยคิดว่าเอ้าสงสัยเจอแล้วมั้งจะนอนต่อ ก็มีเสียงค้นอีก เรานอนต่อไม่พูดอะไร แต่เสียงก็ยังดำเนินต่อไป นอนฟังไปเรื่อยๆ ก็เปลี่ยนเป็นเสียงเดินแทน เราก็เอ้าถามไม่ตอบแต่เดินหาของ เราเป็นคนเก็บของก็บอกเราดิ เลยลุกขึ้นมาดูว่าเพื่อนสูงวัยนางหาอะไร แต่นางนอนอยู่ที่เดิมตรงฟูกนอนปลายเตียง ส่วนเพื่อนอีกคนนอนอยู่ข้างเรา เราก็เอ๊ะลองเรียกนางดู "เจ้ๆ หลับไปยังเนี่ย" นางไม่ตื่น แต่เพื่อนที่นอนข้างเราตื่นแล้วถามว่า "มึงเรียกเจ้ทำไม เหงาหรอนอนไม่หลับล่ะสิมึง หรือมึงละเมอ" เราตอบนางไปว่า "ละเมอที่ไหนกุนึกว่าเจ้เดินหาของแล้วหาไม่เจอจะช่วยหา" เพื่อนก็ตอบว่า "นอนเถอะมึงกุง่วงมาก ถ้ามึงนอนไม่หลับ เหงามากก็ไปคุยกับถังขยะก่อนนะ" แล้วมันก็นอนต่อ เราก็เออๆ คงเป็นเสียงลมแอร์โดนถุงบนโต๊ะมั้ง แล้วเสียงคนเดินคงเป็นเสียงจากห้องข้างบน แต่จะว่าไปห้องเราอยู่บนสุดแล้วนี่นา แต่ก็ช่างมันเถอะนอนดีกว่า นี่มันก็ปาไปตีหนึ่งกว่าแล้ว พรุ่งนี้จะลองโบกรถไปเที่ยวแถวเชิงดอย นอนต่อค่ะ คร่อก!!!Zzzz

โอ้ย!!......ปวดฉิ้งฉ่อง คนกำลังนอนสบายๆ จะมาปวดอะไรตอนนี้ หยิบมือถือมาดูนาฬิกา ตีสามนิดๆ ขี้เกียจแต่ไม่ไหวแล้วเลยลุกจากเตียงเดินไปที่ห้องน้ำ กำลังจะเปิดประตู แต่แล้ว!!...ประตูก็เปิดออกเอง แล้วมีผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ ใส่ชุดแบบทางเหนือ เหมือนเจ้าเมืองเหนือตามละครย้อนยุคเลยค่ะ ไม่ทราบสีเพราะเห็นไม่ชัดเจนมันมืดๆ สลัวๆ เราตอนนั้นสะลึมสะลือมาก ตกใจนิดๆ ว่าเปิดมาเจอคนพอดี เลยออกปากขอโทษค่ะ แล้วรีบหลีกทางให้ แอบๆไปทางตู้เสื้อผ้า ยังหันไปมองตามอยู่เลย สติค่อยๆฟื้น 80% พอเค้าเดินไปเราก็เดินเข้าห้องน้ำต่อจนเกือบถึงชักโครกเริ่มมีสติ 100% เอ๊ะ!! เราอยู่โรงแรมนี่นา ห้องนี้ห้องของเราไม่ใช่ห้องน้ำรวม (ปกตินอนโฮสเทลบางทีจะเป็นห้องน้ำรวม) แล้วเพื่อนเรามีแต่ผู้หญิง คนที่เราเห็นเป็นใคร ไม่รอช้าค่ะ วิ่งตามออกไป ลืมไปเลยว่าเคยปวดฉิ้งฉ่อง ออกไปดูเพื่อนๆยังคงหลับอยู่นิ่งๆ เราก็เอ๊ะใครแอบเข้าห้องเรารึป่าว เราหยิบอาวุธขึ้นมา (ไม้กวาดค่ะหาได้แค่นั้น) แล้วเดินหารอบห้องเลย หาตรงระเบียงด้วยว่าจะหลบอยู่ไหมเดินจนรอบก็ไม่เจอ จนนึกได้ว่ามีอยู่จุดนึงที่ยังไม่ได้หา คือตู้เสื้อผ้าตู้มหึมา ในใจก็คิด "ปลุกเพื่อนดีไหม คือถ้ามีอะไรจะได้ช่วยกัน แต่ถ้ามันไม่มีล่ะ หรือคนที่เห็นเป็นผีจริงๆเพื่อนเราก็จะกลัวจนไม่ได้นอน" สุดท้ายตัดสินใจ เปิดคนเดียวค่ะไม่ได้ปลุกใคร ถ้ามีอะไรค่อยโวยวายใช้เสียง ตอนนั้นใจตุ้มๆต่อมๆมาก เปิดมาถ้าเจอคนจะฟาดท่าไหนให้มันเจ็บดี หรือถ้าเป็นผีแว่ใส่จะทำยังไงดีวะ สั่นไปหมด

แอ๊ด..........โชคดีค่ะไม่เจออะไร แต่เสียงตู้เสื้อผ้าดังมากจนเพื่อนตื่นเพราะตกใจว่าใครเปิดตู้เสื้อผ้าเวลานี้ มันคงเห็นว่าเราไม่อยู่ที่เตียง เลยตะโกนถามว่า "แตมึงเปิดตู้หรอ" เราก็ตอบไปว่า "ใช่กุหาเสื้อกันหนาว ว่าจะใส่ไปพรุ่งนี้" นางก็บ่นใหญ่เลยค่ะว่าแบบทำไมไม่หาพรุ่งนี้ห๊ะ มาเปิดตู้ตอนนี้นึกว่าอะไรเปิด หรือมึงผีเข้าอะไรรึป่าวบลาๆ แบบขำๆกันนะคะ เรานึกขึ้นได้ว่าปวดฉิ้งฉ่องก็เดินเข้าห้องน้ำไป ความรู้สึกตอนนั้นมันชาไปหมด กลัวจับใจ ไม่รู้ว่าสิ่งที่เห็นคืออะไรกันแน่ ตัวสั่นไปหมดเลยค่ะ ไม่กล้าเล่าให้เพื่อนๆฟัง นอนคิดวนไปวนมาอยู่นาน นอนก็นอนไม่หลับ พอเริ่มตั้งสติได้คิดว่าอาจเป็นเจ้าที่ เทวดา ล่ะมั้งก็ตั้งจิตว่า "ไม่ว่าสิ่งที่หนูเจอจะเป็นอะไร ตั้งใจให้หนูเห็นหรือไม่ ถ้าหนูและเพื่อนๆทำอะไรผิดไป ให้ท่านไม่พอใจลูกกราบขออโหสิกรรมอีกครั้ง หรือถ้าเราบังเอิญได้เจอกันเพราะจิตหนูที่รับสัญญาณนี้ได้ ก็ขอให้ท่านได้รับรู้ว่าหนูมีความเคารพในสถานที่ที่หนูไปเสมอ และคงเป็นเพราะโชคดีที่ได้พบเจอท่าน จากนี้ไปก็ขอให้ท่านช่วยปกปักรักษาคุ้มครองหนูกับเพื่อนๆด้วย ให้นอนหลับฝันดี พักผ่อนเต็มที่ และปลอดภัย" พอตั้งจิตสักพักก็เห็นแสงวาบขึ้นมาจางๆตรงประตูห้อง แต่ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกกลัว แต่รู้สึกปลอดภัยมั่นใจ และอบอุ่นมากกว่า คืนนั้นก็นอนหลับต่อได้ ฝันดีค่ะ

เช้าขึ้นมาเพื่อนๆก็ถามเหมือนจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พยายามคะยั้นคะยอถามจะเอาคำตอบให้ได้ แต่เราไม่บอกค่ะ เพราะต้องนอนต่อที่นี่อีกคืน สำหรับคืนที่สองก็ไม่มีอะไรค่ะ เรียบร้อยดี มีบางช่วงที่เห็นวูบวาบบ้างแต่ไม่รู้สึกกลัวอะไร แช่จากุซซี่สบายใจ แต่คืนที่สามเราไปนอนที่นอนที่ดอย ตรงแม่กลางหลวงค่ะ ขอบอกว่ายิ่งกว่านี้มากมีโอกาสจะกลับมาเล่าใหม่นะคะ

สำหรับเรื่องนี้เราเล่าให้เพื่อนๆฟัง หลังจากกลับถึงกรุงเทพฯแล้วค่ะ พวกเพื่อนก็บอกเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า "กุว่าแล้วมึงต้องเจออะไรแน่!!"

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์