“ช้าง ช้าง ช้าง… น้องเคยเห็นช้างรึเปล่า” ไม่ว่าเด็กเล็ก ผู้ใหญ่ หรือคนแก่ ล้วนเคยแต่ร้องเพลงนี้ และเคยได้สัมผัสกับช้าง จะตามสวนสัตว์ ปางช้าง หรือสถานที่ต่าง ๆ กันมา ไม่มากก็น้อย แต่วันนี้ เราจะพาไปใกล้ชิดน้องช้างให้มากขึ้นอีกนิดที่ Walk Camp – ไร่อ้อมกอดภูเขา อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่กัน ทริป 2 วัน 1 คืนครั้งนี้ เราเดินทางไปช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หวังว่าปลายฝนต้นหนาวจะช่วยคลายความร้อน พอมีฝนพรำ ๆ ให้เย็นฉ่ำหัวใจ แต่ก็ไม่หนาวจนสั่นเข้ากระดูก วันแรกของการเดินทาง สมาชิกทั้ง 6 คน (พ่อ แม่ และน้องอีก 3 คน) เตรียมพร้อม นัดแนะจุดรับกับทางแคมป์ แนะนำให้เพื่อน ๆ นั่งรถสองแถวของแคมป์เข้าไปดีกว่า เพราะทางค่อนข้างลำบาก อาจจะไม่สะดวกสบาย แต่เราว่ามันก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างของการมาแคมป์ในครั้งนี้ หลังจากนั่งรถสองแถวจากจุดนัดแนะมาเกือบชั่วโมง ความเขียวของแคมป์ก็มาทักทายเราเป็นอย่างแรก อย่างที่บอกว่าช่วงปลายฝน ต้นไม้มันก็จะเขียวชะอุ่มไปหมด มองไปทางไหนก็สบายตา ถึงฟ้าครึ้ม ถ่ายรูปสีอาจจะไม่สดเท่าวันแดดออก แต่เรากลับชอบ เพราะมันไม่ร้อนไป ทำกิจกรรมกำลังสบายเลย หลังจากเปลี่ยนเสื้อเป็นชุดพื้นเมือง อาหารเที่ยงก็ยกมาเสิร์ฟ โดยอาหารที่นี่จะเป็นอาหารพื้นเมืองง่าย ๆ เช่น น้ำพริก ผัดผัก ผักต่างๆก็ปลูกเองในแคมป์ มีตามฤดูกาลหมุนเวียนกันไป สำหรับเรา ปลาย่างนี่อร่อยใช้ได้เลย ส่วนใครที่ไม่สะดวกอาหารพื้นเมือง ก็แจ้งเจ้าหน้าที่ทางแคมป์ได้ เดี๋ยวเค้าจะเจียวไข่มาเพิ่มให้ บ้านเราเองก็อุดหนุนไข่เจียวเค้าไปหลายจานเหมือนกัน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง … "เจ้าถิ่นที่นี่เค้ามายืนคุม ขอแบ่งข้าวกลางวันกินด้วยครับ" หลังจากอิ่มแล้ว ฝนก็ตกซู่ลงมา รอกันนาน 2 นาน ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก … พวกเราก็เลยตัดสินใจลุยฝนไป Trekking สั้น ๆ ขึ้นไปดูวิวรอบ ๆ ของแคมป์ที่เราอยู่กัน ระหว่างทาง เจ้าหน้าที่ก็จะอธิบายส่วนต่าง ๆ ของแคมป์ การเลี้ยงสัตว์ และต้นไม้ต่าง ๆ ที่ปลูก เดินมาเรื่อย ๆ จนมาถึงที่พักของน้องช้าง ตอนที่เราไป ที่แคมป์มีช้างด้วยกัน 4 เชือก เจ้ารูบี้กับบัวทอง…ขาใหญ่ประจำแคมป์ และ นำโชคกับลัคกี้…น้องน้อยน่ารักเล่นซนตลอดเวลา เราสามารถให้อาหาร เล่นกับน้อง ๆ ได้ โดยมีควาญช้างดูอยู่ห่าง ๆ ส่วนที่เราชอบที่สุดของแคมป์ที่นี่ คือเค้าเลี้ยงช้างอย่างอิสระ ช้างจะปีน จะมุดได้เต็มที่ ไม่เห็นควาญใช้ขอสับเลย อาจจะมีดุนิดหน่อยก็ตอนที่น้อง ๆ เล่นซนจนเกินไป อาจจะเกิดอันตรายกับคนที่มาเข้าแคมป์ได้ ทำความรู้จักกันนิดหน่อย ช้างจะทานอาหารประมาณ 10% ของน้ำหนักตัว หรือประมาณ 200-400 กิโลกรัม เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวน้องจะอิ่ม น้องทานได้เรื่อย ๆ ไม่มีหวั่นจ้าาาา อาหารก็มีพร้อมเสิร์ฟ ทั้งกล้วย อ้อย หญ้าคา ขอเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเลย หลังจากกินอาหารเสร็จ ก็ได้เวลาอาบน้ำปะแป้ง น้องช้างจะเดินต่อหางกันไปที่ลำธาร เหมือนในการ์ตูนเลย น่ารักน่าเอ็นดูสุด ๆ ช้างจะลงไปเล่นน้ำ ให้เราเอาน้ำสาดซักพัก แล้วจะขึ้นมาเอาตัวถูกับขี้โคลน หรือดิน เพื่อเป็นการทำความสะอาดร่างกาย คล้าย ๆ สครับผิวนะแหละ วนๆแบบนี้อยู่หลายรอบจนตัวสะอาด น้องก็จะถูตัวกับดินอีกครั้ง เหมือนเป็นการปะแป้งหลังอาบน้ำเสร็จเป็นอันเสร็จ ระหว่างนี้ เขาจะปล่อยน้องช้างไปพักผ่อนตามอัธยาศัย แต่กิจกรรมเรายังไม่จบจ้า เจ้าหน้าที่จะพาไปเกี่ยวข้าว สอนวิธีการใช้เคียว โดยข้าวที่เกี่ยวออกมาแล้ว เค้าจะเอามาตากให้แห้งรอนำไปสี เพื่อใช้ทานไปแคมป์ต่อไป แล้วก็ถึงเวลาเสริมสวยคนมั่ง เราแช่เท้าด้วยน้ำต้มสมุนไพรธรรมชาติ อุ่น ๆ ผ่อนคลายจากกิจกรรมที่ทำมาทั้งวัน ระหว่างแช่เท้า ก็มีมาส์กหน้าด้วยโคลนซึ่งผุดขึ้นมาตามธรรมชาติ ช่วยให้หน้าใสกิ๊ง ใครสนใจสมุนไพรแช่เท้าหรือโคลนพอกหน้าจะเอาไปใช้เองที่บ้านก็สอบถามคุณลุงเจ้าของแคมป์ได้เลย หลังจากนี้ เราสามารถพักผ่อน แยกย้ายกันไปอาบน้ำ หรือจะเดินเล่นรอบ ๆ แคมป์ก็ได้ ทางแคมป์มีอาหารเย็น (รอบที่1) ให้ทานเพื่อรองท้อง ก่อนจะไป Camping อาหารเย็นรอบกองไฟต่อ มีหมูย่าง ไข่ป่าม บาร์บีคิวให้กินไม่อั้น บอกเลยว่าต้องเก็บท้อง อย่าเพิ่งอิ่มจากอาหารเย็นรอบแรกกันนะจ๊ะ Camping อาหารเย็นรอบกองไฟ วันที่สองของการเดินทาง ตื่นเช้ามา ด้วยกรอบรูปที่สบายตาที่สุด เมื่อวานฝนตกตอนบ่ายไปแล้ว วันนี้แดดเลยเริ่มมา ใครที่ตื่นเช้า สามารถไปเดินรอบ ๆ แคมป์ เล่นกับน้องช้าง หรือจะไปกวาดขี้ช้างก็ได้ พี่ควาญเค้าอนุญาตอยู่... ส่วนเราหรอ ขอไปกินข้าวเช้าดีกว่า กิจกรรมสุดท้ายก่อนกลับ คือการทำสบู่สมุนไพร เราสามารถไปเก็บดอกไม้ใบหญ้ารอบ ๆ แคมป์มาใส่สบู่ได้เลย เพราะต้นไม้ที่นี่เค้าปลูกแบบออแกนิกอยู่แล้ว ปลอดภัยหายห่วงจ้า ออกมาแล้ว สบู่ Homemade ทำเอง อาจจะไม่ค่อยสวย แต่มีก้อนเดียวในโลกนะจ๊ะ ก่อนกลับ ยังไม่หมดจ้า เรายังกินกันต่อ ข้าวซอยร้อน ๆ ยกมาเสิร์ฟ กินกันหนุบหนับเติมพลังก่อนกลับเข้าตัวเมือง มาบ๊ายบายน้องช้างก่อนกลับ แต่น้องก็ยังซนไม่เลิก คราวนี้มุดออกมาจากรั้วมาหาเลย ใครสนใจ Walk Camp สามารถเข้าไปดูรายละเอียดและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.facebook.com/walkcamp https://www.instagram.com/walkcamp/ GoAroundwithYu : - Walk Camp ที่นี่ถือเป็นอีกที่ที่เราชอบ ได้อยู่กับธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่ง ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ มันเลยทำให้เราได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบตัว และได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวได้อย่างเต็มที่ - ไฟฟ้าที่แคมป์มีจำกัด ไม่มีปลั๊กเสียบภายในห้อง สำหรับสายถ่ายรูป ควรเตรียมแบตเตอรี่สำรองมาให้พร้อม จะได้ถ่ายรูปได้อย่างจุใจ - ที่พักเป็นกระท่อมต้องปีนบันไดลิงขึ้นไป ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวมอยู่แยกจากห้องพัก เราว่าสนุกดี เหมือนกลับไปเข้าค่ายที่โรงเรียนอีกครั้ง แต่อาจจะลำบากไปหน่อยสำหรับพ่อแม่ หรือคนแก่ เช็คร่างกายคนร่วมทริปก็ดีว่าไหวมั้ย - สำหรับคนที่แพ้แมลง หรือยุง แนะนำให้ใส่ขายาว และเตรียมอุปกรณ์กันยุงมาให้พร้อม ขาเรายังลายไม่หายจากทริปนี้เลย (ร้องไห้) - นอกจากธรรมชาติแล้ว เจ้าหน้าที่ที่แคมป์นี้เป็นอีกอย่างที่เราประทับใจ ทุกคนให้ความช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ ให้ความรู้ต่าง ๆ ภายในแคมป์ได้ดีมาก เรา รู้สึกได้ถึงความใจเย็นของคนที่นี่ ความชิวนี่แหละ คือเสน่ห์ของการเที่ยวภาคเหนือ