"แก่งน้ำว้า แก่งแรกในชีวิตครับ" ผมตอบตามตรงอย่างไม่อายปาก เมื่อมีคนถามไถ่ว่าเคยมีประสบการณ์ล่องแก่งที่ไหนมาก่อนบ้าง ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ ผมเพิ่งจะเคยล่องแก่งเป็นครั้งแรกเนี่ยแหละครับ แต่ด้วยความที่ยังอ่อนประสบการณ์ นักล่องแก่งที่ชำนาญถือโอกาสเล่าถึงประสบการณ์อันโชกโชนการล่องแก่งให้ฟังอย่างถี่ถ้วน แต่ทุกคนล้วนพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่มีแก่งไหนดีเท่ากับกับแก่งน้ำว้าอีกแล้ว..." ลำน้ำว้าที่ใช้ล่องแก่งนั้นมี 3 ตอน คือ น้ำว้าตอนบน น้ำว้าตอนกลาง น้ำว้าตอนล่าง ส่วนตัวแล้วผมเคยได้แต่ยินคำร่ำลือมาว่าแก่งน้ำว้านั้นทั้งโหดและหินสุดๆ แบ่งความยากง่ายออกตั้งแต่ระดับ 1 และ 2 จัดได้ว่าเป็นระดับที่ง่ายมากกระแสน้ำไหลเอื่อยไม่แรงมากนัก ส่วนในระดับ 3 สายน้ำแรงในระดับปานกลางพอสร้างความตื่นเต้นได้บ้าง และระดับ 4 และ 5 จัดอยู่ในระดับที่ยากสายน้ำเชี่ยวต้องใช้เทคนิค และความระมัดระวังในการพาย สุดท้ายระดับ 6 จัดอยู่ในระดับอันตรายที่สุด เพราะแก่งมีลักษณะเป็นน้ำตก ไม่ว่าจะล่องตอนระดับไหน แค่คิดก็มีเสียว... วันที่ 1 จุดเริ่มต้นล่องแก่งน้ำว้าตอนกลาง เริ่มจากที่ บ้านสบมาง อ. บ่อเกลือ และล่องไปลำน้ำว้าผ่านเกาะแก่งน้อยใหญ่ ล่องจนกว่าจะไปถึง อ. แม่จริม เป็นจุดสุดท้าย ระยะทางทั้งหมดประมาณ 80 กม. กินเวลา 3 วัน 2 คืน นับว่าเป็นความท้าทายอย่างมาก จากนั้นพวกเราได้สวมชูชีพและสวมหมวกกันน็อค ฟังคำแนะนำรวมไปถึงเทคนิคการพายเรือ การนั่งเรือ ก่อนที่จะได้ไปสัมผัสลำน้ำว้าที่ไหลเอื่อยอยู่ตรงเบื้องหน้า ผมและเพื่อนอีกสี่คนผู้มีชะตากรรมลงลำเรือลำเดียวกัน ช่วยกันหิ้วเรือยางลำโตไปคอยริมธารน้ำทันที เมื่อลงเรือกันครบแล้ว "ผมชื่อนัทนะครับ ทำหน้าที่คัดท้ายเรือ ส่วนอีกคนชื่อชัยพายหัวเรือ" พี่นัทนายท้ายเรือสูงยาวเข่าดีแนะนำทีมงาน พี่นัทได้ย้ำเตือนพวกเราอีกครั้ง "ต้องฟังเสียงคนหัวและคัดท้ายเรือให้ดี และพร้อมปฏิบัติตามคำสั่ง ถ้าไม่ฟังตามเรือมีล่มแน่ๆ สู้ไม่สู้" พี่นัทย้ำอีกครั้ง "สู้" พวกเราพร้อมใจตะโกนออกมาเสียงดัง เพื่อสร้างความฮึกเหิมกันก่อนที่ค่อยๆ พายเรือล่องไปตามลำน้ำ ช่วงแรกๆ เป็นแก่งแค่ระดับ 1-2 เท่านั้น แบบเด็กๆ พอผ่านไปได้อย่างสบายๆ ก่อนที่จะมาเจอแก่งไฮไลท์ของวันแรก "แก่งเสือเต้น" ระดับ 3-4 ที่มีลักษณะเป็นช่องเขาแคบๆ และเต็มไปด้วยโขดหิน พวกเราจอดเรือพัก พี่นัทและชัยปีนขึ้นไปตรงโขดหินใหญ่เพื่อดูระดับสายน้ำก่อนที่จะลงมาที่เรือ "พร้อมยัง" พี่นัทถามเพื่อความมั่นใจ ในตอนนี้ใจแต่ละคนเริ่มระส่ำไม่นิ่ง "พร้อมไม่พร้อมก็ต้องลุย" ผมพูดออกมา พวกเราช่วยกันออกแรงจ้วงพายกันอยากพร้อมเพรียง บึ้ม..!..บึ้ม..!..บึ้ม..!.. เสียงของกระแสน้ำไหลซัดสาดโขดหินดังสนั่นอยู่ตรงหน้า เรือยางลำน้อยของเราไหลฝ่าไปตามกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก พี่นัทและชัยช่วยกันประคองเรืออย่างแข็งขัน "ขวาทวน ซ้ายพาย" พี่นัทบอกให้ลูกเรือปฏิบัติตามคำสั่ง ก่อนที่ลอดผาหินผ่านไปอย่างปลอดภัย "ตีพาย" พี่นัทตะโกนบอกทุกคน เพื่อแสดงถึงความพร้อมเพรียงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ด้วยการชูพายแล้วโน้มใบพายมาแตะกัน แล้วพร้อมใจกันส่งเสียงดังๆ "เฮ้..!.." ให้ลำอื่นๆ ได้ยิน ไม่ทันไรพวกเราก็มาถึงที่พักค้างคืนแรก ที่แคมป์บ้านห้วยลอยในตอนเย็น ในบรรยากาศแคมป์ปิ้ง นอนเต็นท์ ก่อกองไฟ อิ่มอร่อยอาหารเย็นแบบง่าย ความเหน็บหนาวเริ่มมาทักทาย ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอน ฟังเสียงธารน้ำไหล เคลิ้มหลับไปโดยไม่รู้ตัว วันที่ 2 อากาศยามเช้าท่ามกลางสายหมอกจางๆ ลอยเอื่อยเหนือสายน้ำ อากาศช่วงปลายฤดูหนาวเช่นนี้ช่างหนาวจับใจ แต่พวกเรากลับถูกปลุกตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะยังต้องฝ่ามรสุมน้ำเชี่ยวกันอีกหลายแก่งโหดๆ อย่าง แก่งห้วยเดื่อ แก่งผีป่า ซึ่งเป็นไฮไลท์ของวันนี้ "เมื่อวานเด็กๆ วันนี้ของจริง อย่าเพิ่งหมดแรงกันไปก่อนละครับ" พี่นัทพูดขู่ให้ใจเสีย พวกเราเรือมาล่องตามลำน้ำว้ำผจญแก่งเล็กแก่งน้อย พอเรียกเสียงเฮได้บ้าง แต่นาทีระทึกใจเมื่อใกล้มาถึง "แก่งห้วยเดื่อ" อยู่ระดับ 4 เรือลำอื่นๆ จอดอยู่ริมฝั่งนายท้ายเรือกำลังช่วยกันดูกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว และกวักมือเรียกเรือของเราให้ไปรวมกลุ่ม "จะลงเลยไหมละ" พี่นัทถาม พวกเราหันมองหน้ากันก่อนที่จะใครสักคนพูดขึ้นว่า "ใจพร้อมซะอย่างก็ลงไปเลย" พี่นัทยืนชะเง้อดูสายน้ำก่อนที่จะตะโกนให้พวกเราเตรียมพร้อมทะยานลงแก่ง เสียงสายน้ำกระทบโขดหินดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เรือยางของเราไหลไปตามเกลียวคลื่น ที่ถาโถมซัดน้ำเข้าปะทะเต็มลำเรือ ทำให้เรือเสียหลักไปเกยหินก้อนโตเข้าให้ "ถ่ายน้ำหนักไปข้างหน้า ช่วยขย่มเรือด้วย" พี่นัทตะโกนแข่งกับเสียงสายน้ำให้เราช่วยกันขย่มโยกเรือ เสียงเฮลั่นบนฝั่ง ลุ้นเอาใจช่วยชั่วอึดใจเรือหลุดออกมาได้.... พักหายใจยังไม่ทั่วท้องต้องมาเจอกับ "แก่งผีป่า" จัดอยู่ในระดับ 4-5 มีลักษณะเป็นชั้นน้ำตกสูงประมาณเมตรเศษๆ ต่อเนื่องสองช่วง มีความยาวร้อยกว่าเมตร สองฝั่งระเกะระกะไปด้วยโขดหินน้อยใหญ่และผาหิน "ขวาซ้ายพาย พาย! " พี่นัทออกเสียงสั่ง เรือยางของเราฝ่าสายน้ำเข้าไปโจนลงสู่ผืนน้ำเบื้องล่าง เพียงชั่วพริบตาเรือก็ทะยานขึ้นเหนือน้ำ พี่นัทตะโกนสั่งให้พายเรือหนีออกจากกระแสน้ำเชี่ยว นาทีนี้ทุกคนพร้อมใจกันเป็นหนึ่ง เร่งฝีพายสุดกำลัง ขืนมัวชักช้าอาจจะถูดเกลียวคลื่นฉุดเรือยางไว้ "ตีพาย" พวกเราเฮกันลั่นแสดงความสะใจที่รอดผ่านมาได้ จากนั้นพวกเราก็มาพักกันที่ห้วยแม่สนานเพื่อกินมื้อกลางวัน เพิ่มพลังให้เต็มที่ ช่วงบ่ายก็ต้องไปลุยต่อ แก่งใหญ่ๆ ที่เจออย่าง "แก่งผารถเมล์" ที่ไม่พร้อมให้เราผ่านไปได้เพราะว่ามีปริมาณน้ำที่น้อย อีกทั้งยังมีซากต้นไม้ใหญ่ขวางกลางลำน้ำ พวกเราจึงต้องเดินลัดเลาะไปตามริมฝั่งเพื่อความปลอดภัย ตอนนี้พวกเราทุกคนต่างเริ่มหมดแรงกันแล้ว แต่โปรแกรมล่องแก่งหฤโหดยังไม่จบ พวกเรายังต้องมาเจอแก่งจอม แก่งขี้นก 1 และ 2 ที่มารอทักทายอยู่เบื้องหน้าได้ออกแรงพายกันอีกรอบกันก่อนจะถึงแคมป์วังปู้ในสภาพหมดเรี่ยวแรง วันที่ 3 วันสุดท้ายของการล่องแก่ง เหล่าฝีพายทั้งหลายต่างหมดเรี่ยวหมดแรงกันถ้วนหน้า "เอาน่าอีกแค่ 20 กม. เดี๋ยวก็ได้กลับบ้านแล้ว" ผมพูดให้กำลังใจตัวเอง แต่เช้าวันนี้ผมพายเรือไม่ค่อยออกเพราะว่าอากาศเย็นยะเยือก น้ำเย็นเจี๊ยบ แค่โดนน้ำกระเซ็นใส่นิดเดียวแค่นี้ขนก็ลุกสู้แล้ว แต่เมื่อมาเจอแก่งโดดรอคอยอยู่ข้างหน้าก็ต้องลุยใส่กำลังให้เต็มที่ เรือยางของเราไหลไปตามแรงน้ำเชี่ยวอย่างแสนเร้าใจ เรียกเสียงเฮฮาครื้นเครงได้บ้าง แต่ใช่ว่าจะหมดถัด มาก็มาเจอแก่งใหม่ แก่งสร้อย แก่งยาว ที่จ่อมาติดๆ ให้ฝ่าฟัน ในที่สุดพวกเราก็ล่อง แก่งวังลุน สุดทางของสายน้ำว้าตอนกลาง ก็มีเสียวส่งท้ายนิดหน่อย เรือยางของเราเกือบพลาดไปติดชะง่อนหิน แต่โชคยังดีที่เอาตัวรอดมาขึ้นฝั่งมาได้อย่างปลอดภัยทุกลำ "วู้ววว ! สุดยอดเลย" ผมร้องตะโกนด้วยความดีใจที่สามารถเอาชนะสายน้ำที่เกรี้ยวกราดอย่างลำน้ำว้าได้จนสำเร็จ นับเป็นประสบการณ์ดีๆ ที่ตื่นเต้นและท้าทาย อย่างน้อยผมก็พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าเป็นผู้พิชิตลำน้ำว้ำตอนกลางมาแล้ว ขอขอบคุณ ททท. สำนักงานแพร่ (แพร่ น่าน อุตรดิตถ์) ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 0-5452-1118-9, 0-5452-1127 หรือ www.tourismthailand.org/phrae