ฤดูฝนบางคนบอกว่าแสนเหงา อาจจะเพราะบรรยากาศอึมครึมจากท้องฟ้า และไอฝน ทำให้หลายคนตกอยู่ในห่วงความเหงา แต่ใช่ว่าหน้าฝนนั้นจะมีด้านเดียว เพราะอีกด้านของเมฆฝนและท้องฟ้า ก็มีสายหมอกสวยๆ ต้นไม้เขียวๆ และความชุ่มฉ่ำเย็นสบายที่หาในฤดูอื่นไม่ได้ หน้าฝนแบบนี้เลยอยากแก้เหงาด้วยการออกไปเที่ยวธรรมชาติ เข้าไปซึมซับความชุ่มชื้น และสูดกลิ่นฝน ที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อ. นครไทย จ. พิษณุโลก เป็นที่เที่ยวที่แสนดีในวันฝนพร่ำเช่นนี้ เตรียมเสื้อกันฝนให้พร้อมแล้วออกเดินทางไปพร้อมพวกเรากันเลย…. อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เป็นอุทยานแห่งชาติที่มาอาณาเขตครอบคลุมจังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดเลย เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์การสู้รบระหว่างรัฐบาลและพรรคคอมมิวนิส ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีร่องรอยของสถานที่ที่บ่งบอกเรื่องราวในครั้งนั้นหลงเหลืออยู่ สภาพภูมิประเทศของภูหินร่องกล้านั้นเป็นภูเขาสลับซับซ้อนมีความอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยพรรณไม้นาๆชนิด ยิ่งช่วงฤดูฝนด้วยแล้ว ที่นี่เหมือนผืนป่าในเทพนิยาย ที่ถูกปกคลุมไปด้วยสายหมอกและความชื้น สิ่งที่เป็นไฮไลค์ของภูหินร่องกล้า นั้นคือ การเดินศึกษาธรรมชาติตามเส้นทางที่ลัดเลาะไปในป่า ที่จะทำให้เราได้พบกับดอกไม้สวยงามนาๆชนิด เช่น ดอกลิ้นมังกร ดอกไม้สีส้มอ่อนชูช่อตัดกับหญ้าสีเขียว ซึ่งขึ้นอยู่ตามซอกหินโดยรอบบริเวณ ดอกเปราะภูขาวที่ขึ้นตามลานหินซึ่งหาดูได้เฉพาะฟดูฝนเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีมอสและเฟิร์นเขียวชอุ่มที่ปกคลุมผืนดินและก้อนหินเอาไว้ ทำให้ภาพที่เห็นตรงหน้านั้นมีแต่ความชุ่มชื้นชุ่มฉ่ำสุด พระเอกของการเดินทางครั้งนี้นั้นคือ ต้นบีโกเนีย ไม้ลมลุกขนาดเล็กที่ขึ้นตามชะง่อนหิน มองเผินๆก็เป็นใบไม้ธรรมดาๆ แต่หากลองมองจากใต้ใบ เราจะเห็นความงามที่ซ่อนอยู่ เส้นใบสีแดงแตกแขนงไปทั่วใบของบีโกเนีย บางใบใหญ่บางใบเล็ก กระจายไปทั่วผาหิน หยดน้ำที่ไหลลงมาจากหน้าผาช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น ใบไม้สีเขียวสดช่วยเพิ่มความสวยงามมากขึ้นไปอีก ชะง่อนผาหินเล็กๆ กลายเป็นสิ่งดึงดูดใจนักเดินทางอย่างเราไว้ รู้ตัวอีกทีก็ถ่ายรูปไปหลายสิบรูปซะแล้ว การเดินในเส้นทางศึกษาธรรมชาตินั้น เราสามารถเดินด้วยตัวเองได้เพราะมีป้ายบอกตลอดเส้นทาง แต่ถ้าหากอยากได้ความรู้ของพืชพรรณธรรมชาติ หรือแม้จะเป็นความรู้ทางประวัติศาสตร์ของพื้นที่ ก็มีพี่ๆ ชาวบ้านบริการเป็นไกด์ท้องถิ่นพาเราเดินและให้ความรู้ รับรองว่าเดินไปแบบไม่มีเบื่อแน่นอน อีกหนึ่งไฮไลค์ของภูหินร่องกล้า ก็คือจุดชมวิวผาชูธง และลานหินปุ่ม โดยผาชูธงนั้นในอดีตเคยเป็นจุดที่ พรรคคอมมิวนิสแห่งปรเทศไทยใช้เป็นจุดส่งสัญญาณ โดยใช้ธงเป็นสัญลักษณ์ ปัจจุบันกลายเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามแห่งหนึ่งในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ลานหินปุ่ม มีลักษณะเป็นลานหินกว้าง แต่พื้นมีลักษณะหินเป็นปุ่มๆ ยื่นออกมา บนลานหินปุ่มหากมาช่วงเย็นเป็นจุดที่สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้สวยงามมาก แต่ในช่วงกลางวันในวันชุ่มฉ่ำเช่นวันนี้ หมอกปกคลุมหน้าผาจนขาวโพลนมองไม่เห็นทิวทัศน์ใดๆ แต่ก็เป็นความสวยงามแบบเย็นฉ่ำ สวยไปอีกแบบนึงเหมือนกัน ช่วงฤดูฝนเช่นนี้ หลายคนอาจคิดว่าฝนตกเฉอะแฉะ แต่จริงๆ แล้วการได้ออกเดินทางในหน้าฝนเช่นนี้ทำให้เราได้เห็นธรรมชาติที่แสนสวยงาม เห็นต้นไม้เขียวขจี เห็นดอกไม้บานสะพรั่งพร้อมด้วยหยดน้ำแสนชุ่มชื้น เห็นสายหมอกที่ปกคลุมผืนป่า มันทำให้เราได้รู้ว่าเราโชคดีเหลือเกินที่ได้เกิดมาบนโลกที่สวยงามเกินจะบรรยายใบนี้ เชื่อเถอะว่าความสวยงามของธรรมชาติในหน้าฝน ช่วยให้เราหายเหงา และยังทำให้จิตใจเรากลับมาชุ่มฉ่ำอีกครั้ง… ขอขอบคุณ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)