ใครที่เคยอ่านหนังสือ “พุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก” ซึ่งเป็นวรรณกรรมพุทธศาสนาที่มีปรากฏในวัฒนธรรมพื้นบ้านของไทย โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คงจะทราบดีว่าหลาย ๆ วัดในหนังสือดังกล่าวมักจะผูกเรื่องตนเองเข้ากับตำนานดังกล่าว จนเกิดเป็นสถานที่สำคัญและเป็นที่รับรู้จดจำได้ง่ายของชาวบ้านทั่วไป โดยเนื้อหาในหนังสือได้ผูกเรื่องเชื่อมโยงไปถึงการมาโปรดสัตว์ของพระพุทธเจ้าในอดีตที่บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย โดยความเชื่อดังกล่าว ได้มีอิทธิพลต่อลุ่มแม่น้ำน่านตอนล่างเขตจังหวัดอุตรดิตถ์ด้วย ดังมีตำนานเล่าว่า พระพุทธเจ้าได้เคยเสด็จมาบําเพ็ญบารมีจนได้ตรัสรู้และยังยั้งพญามารไว้ไม่ให้มาใกล้อาสนะที่ประทับของพระองค์ ซึ่งเป็นชุดความเชื่อหนึ่งที่ก่อให้ตำนานการตั้งเมืองทุ่งยั้ง ปัจจุบันคือตำบลทุ่งยั้ง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ และยังเชื่อมโยงถึงประวัติศาสตร์การมีอยู่ของวัดสำคัญ 3 ที่สืบเนื่องกับตำนานพระเจ้าเลียบโลกด้วย คือ วัดพระแท่นศิลาอาสน์ วัดพระยืนพุทธบาทยุคลและวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง ทั้ง 3 วัดนี้ หากดูตามเนื้อเรื่องแล้วเป็นการบอกเล่าถึงพระอิริยาบถของพระพุทธเจ้า 3 อิริยาบถ ซึ่งสำคัญมากเพราะเป็นส่วนหนึ่งของคตินิยมการสร้างพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ในประเทศไทย ได้แก่ 01.วัดพระแท่นศิลาอาสน์ เป็นสัญลักษณ์ของการประทับนั่ง วัดแห่งนี้พ้องกับชื่อต้นกับวัดอีกแห่งหนึ่งคือวัดพระแท่นดงรัง อยู่ในเขตอำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี เชื่อกันว่าพระแท่นที่นี่เป็นพระแท่นที่เสด็จปรินิพพานของพระพุทธเจ้า แต่วัดพระแท่นศิลาอาสน์เป็นพระแท่นประทับนั่งตรัสรู้ ตัววัดตั้งอยู่บนเนินเขาเต่า ในตำนานเรียกว่า ภูเขาทอง พระแท่นศิลาอาสน์อยู่ด้านในพระวิหาร ทำจากศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ประดับด้วยลายกลีบบัวโดยรอบฐานพระแท่น มีพระมณฑปแบบศิลปะเชียงแสนครอบไว้ เวลาจะดู ต้องมองผ่านกระจกเงาที่ติดไว้บนเพดานของมณฑปเหนือพระแท่น ชาวพุทธมีความเชื่อว่า การได้มาสักการบูชาพระแท่นศิลาอาสน์จะได้รับอานิสงส์เช่นเดียวกับไปไหว้รอยพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรี ส่วนตำนานการสร้างพระแท่นศิลาอาสน์นั้น สันนิษฐานว่ามีมาก่อนสมัยสุโขทัย ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ตราประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นรูปมณฑปพระแท่นศิลาอาสน์ มีลายช่อกนกขนาบอยู่สองข้างในวงกลม ต่อมาได้เพิ่มรูปครุฑและอักษรบอกชื่อจังหวัดประกอบไว้ด้านใต้ภาพพระแท่นด้วย นั่นแสดงว่า วัดนี้สำคัญมากจริง ๆ 02.วัดพระยืนพุทธบาทยุคล เป็นสัญลักษณ์ของการประทับยืน ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกของวัดพระแท่นศิลาอาสน์บนยอดเขาเนินเดียวกัน เป็นวัดโบราณร่วมสมัยกับวัดพระแท่นศิลาอาสน์ ภายในวัดมีโบราณสถานและโบราณวัตถุที่สำคัญที่น่าสนใจ ได้แก่ มณฑปศิลปะเชียงแสน สร้างขึ้นเพื่อครอบรอยพระพุทธบาทคู่ทำด้วยศิลาแลงสูง 1.5 เมตร ซึ่งมีตำนานเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าเช่นเดียวกันว่า เสด็จมาประทับยืนที่นี่และมองไปพื้นที่โดยรอบ ต่อมาก้อนหินที่ประทับยืนนั้นปรากฏเป็นรอยพระพุทธบาท ภายหลังจึงได้สร้างมณฑปครอบไว้ให้คนมาสักการบูชา นอกจากนั้นก็มีหลวงพ่อพระพุทธรังสี ศิลปะสุโขทัยพระประธานภายในอุโบสถหล่อด้วยสัมฤทธิ์ปางมารวิชัย และกลุ่มระฆัง 100 ลูกและตักบาตรพระ 100 ให้คนมาเคาะเป็นพุทธบูชาและทำบุญ 03.วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง เป็นสัญลักษณ์ของการบรรทมสีหไสยาสน์ วัดนี้ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของพระนอน เนื่องจากในวันอัฏฐมีบูชาของทุกปี จะมีพิธีจำลองการถวายพระเพลิงพระบรมศพพระพุทธเจ้าในอดีตที่โด่งดังและยิ่งใหญ่ที่สุด ถือว่าเป็นวัดแรกและเป็นต้นฉบับของวัดอื่น ๆ ที่ทำพิธีนี้ประเทศไทย ทั้งยังเป็นวัดที่เก่าแก่ตั้งแต่สมัยสุโขทัยตอนปลาย เพราะมีโบราณสถานที่สำคัญคือ พระเจดีย์ทรงลังกาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ด้านหน้ามีพระวิหารหลวงประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้น ลงรักปิดทองคำเปลวอย่างดี ชื่อว่า หลวงพ่อโต บางคนเรียกว่า หลวงพ่อประธานเฒ่าหรือหลวงพ่อหลักเมืองก็มี และผมอยากจะบอกว่า ใครที่อ่านวรรณกรรมและดูละครเรื่องสังข์ทอง ที่ฝาผนังด้านในวิหารของวัดนี้ได้วาดภาพเรื่องสังข์ทองไว้ด้วย เพราะมีเรื่องเล่าปรัมปราว่า เมืองทุ่งยั้งแห่งนี้คือเมืองของท้าวสามลในเรื่องสังข์ทอง ที่หนอนหนังสือรู้จักกันดีนั่นเอง การได้มาทั้ง 3 วัดสำคัญของเมืองอุตรดิตถ์-ทุ่งยั้งที่รุ่งเรืองมาตั้งแต่ยุคสุโขทัยนั้น ทำให้เห็นว่าเรื่องราวของวัดเก่าแก่มักจะมีการผูกเรื่องบางอย่างเชื่อมโยงกับตำนานความเชื่อทางศาสนาและตำนานการกำเนิดของชุมชนด้วย โดยการผูกเรื่องดังกล่าวเป็นเทคนิคหรือวิธีการสื่อสารด้วยเรื่องเล่าของคนโบราณ ทำให้เหมาะกับการส่งต่อด้วยปากต่อปากในแบบตำนานปรัมปรา ไม่มีความเป็นทางการมากนัก จึงทำให้คนรู้จักมากขึ้นและแนบแน่นกับวิถีชุมชนชาวบ้านอีกด้วย การไปวัด จึงไม่ใช่แค่การไปทำบุญ ไหว้พระหรือท่องเที่ยว หากมองในมิติอื่นๆ จะเห็นว่ามีศาสตร์และองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่ซ่อนไว้ให้ค้นหาอีกมากมาย ที่ตั้ง : บนทางหลวงหมายเลข 102 สายอุตรดิตถ์-ศรีสัชนาลัย ตำบลทุ่งยั้ง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ วัน-เวลาและเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 06.00-18.00 น. ภาพประกอบทั้งหมดถ่ายโดยผู้เขียน : อนุญาตให้ใช้เพื่อการศึกษาได้ฟรี