ภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์ ลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนตั้งแต่ทิศเหนือจดทิศใต้ เป็นเทือกเขากั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทย กับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 500-1,800 เมตร ซึ่งสูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศ อากาศเย็นสบายตลอดปี ภูสอยดาวจะเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวเข้ามาช่วงเดือนกรกฎาคม-มกราคม เราออกเดินทางช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ระยะทางจากขอนแก่นมาถึงอุทยานเป็นระยะทาง 384.4 กม. ออกจากตัวเมืองขอนแก่นมาช่วงเวลา 14.00น. แวะพักจังหวัดพิษณุโลกในตอนค่ำ(20.00น.) และออกเดินทางไปภูสอยดาวอีกครั้ง 05.00 น. มาถึงอุทยานประมาณ 08.00 น. ทางขาเข้าจะมีเจ้าหน้าที่คอยเก็บค่าบริการฝากรถ จากนั้นจะมีศูนย์บริการติดต่อเจ้าหน้าที่ ดำเนินการฝากกระเป๋า ทำประกัน แจ้งการเดินทาง หากใครจะพิชิตยอดภูสอยดาวก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ไว้เลย เสียประกันคนละ 500 บาท แต่กลุ่มเราตัดสินใจไม่ขึ้น เพราะมีป่ายปีน และการเดินทางที่ลำบาก เนื่องจากไม่ได้เตรียมร่างกายมา จึงขอไม่เสี่ยง แต่หากอยากเปลี่ยนใจ ก็แจ้งเจ้าหน้าที่ข้างบนอีกทีได้ แต่ต้องแจ้งก่อน 07.00 น. เพราะเริ่มขึ้นยอด 08.00 น. ก่อนเตรียมตัวขึ้นภูจะมีร้านค้าสวัสดิการ และร้านอาหารให้บริการ มีข้าวห่อให้เราซื้อเพื่อเป็นมื้อเที่ยงระหว่างทางขึ้นข้างบน เนื่องจากบนภูไม่มีขาย เมื่อถึงข้างบนแล้วขันน้ำ และถัง ต้องเช่าไปตักน้ำเอง ห้องน้ำมีให้ น้ำฝนมีให้ หากใครจะนำมาประกอบอาหาร อีกอย่างคือแนะนำให้นำเต้นท์ที่แข็งแรงมา ไม่งั้นอาจถูกลมพัดล้มได้ ข้างบนมีเต้นท์ และผ้าใบให้เช่าคลุมเต้นท์พอช่วยได้ เนินหลักๆ จะมี 5 เนิน คือ เนินส่งญาติ เนินปราบเซียน เนินป่าก่อ เนินเสือโคร่ง และ เนินมรณะ ใช้เวลาเดินประมาณ 4-6 ชม. หรือมากกว่านั้น เป็นเนินสุดท้ายที่ทรหดอดทน แต่ก็มาถึงจนได้ ต่อไปก็เป็นที่ราบแล้ว จะมีจุดชมวิวข้างบนให้พักหายเหนื่อย ก่อนเฮือกสุดท้ายจะถึงที่พัก เตือนว่าอย่ายืนนาน เพราะลมผัดเย็นมาก เนื่องจากอยู่บนที่โล่ง ปรับอุณหภูมิร่างกายแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว จุดสุดท้ายที่เฝ้ารอ ต้องรีบเดินก่อนมืดค่ำ รอลูกหาบแบกของมาถึงก่อนถึงจะได้กางเต้นท์ หากอยากรีบกางก่อน แนะนำให้แบกมาเอง แต่ต้องแข็งแรงหน่อย หรือเช่าเอาข้างบน เตรียมอาหารสำรองไว้กินรอยิ่งดีค่ะ เราใช้เวลาเดินถึงจุดกางเต้นท์ 6 ชั่วโมง (เริ่มขึ้นประมาณ 10.00 น. พักเนินละ 10-20 นาที) เช้าวันใหม่เดินสำรวจป่ากัน ดอกหงอนนาค เรียกอีกอย่างว่าหญ้าหงอนเงือก หรือน้ำค้างกลางเที่ยง มีให้เห็นเป็นทุ่ง เป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งออกดอกมากในฤดูฝน บรรยากาศอาหารเช้าก่อนกลับ ด้วยเมนูง่ายๆ (เราพัก 2 คืน 3 วัน) ขาลงใช้เวลาเพียง 3 ชม. ทางลาดแทบรั้งเท้าไว้ไม่อยู่ เดินไปวิ่งไป (ค่าจ้างลูกหาบ ชั่งน้ำหนักของ กิโลละ 30 บาท ขาขึ้นต่างหาก ขาลงอีกต่างหาก ค่าประกันชีวิต คนละ 10 บาท คุ้มครองสูงสุด 300,000 บาท ขยะต้องเก็บลงมาเอง หรือจะจ้างก็ได้ จะมีถุงดำให้ เพื่อเอามาแลกประกัน 200 บาท และยังรักษาความสะอาดบนอุทยานด้วยน้า) ขอให้สนุกกับชีวิตผจญภัย