อื่นๆ

เรื่องสยองสุดทางเดิน

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เรื่องสยองสุดทางเดิน

ขอบคุณภาพจาก SpringNewsขอบคุณภาพโดย SpringNews จาก Twitter

เล่ากันว่าโรงพยาบาลนั้นก็เปรียบเสมือนสถานที่สถิตของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่คอยค้ำจุนชีวิตของผู้คนที่เจ็บป่วยให้อยู่รอดปลอดภัยจนกว่านาฬิกาชีวิตจะหยุดเดิน ซึ่งนั่นก็หมายความว่าผู้ใดจะรอดหรือจะร่วงก็ย่อมผ่านที่นี่ไปโดยไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน เรื่องราวที่จะเล่าต่อจากนี้นั้นเริ่มต้นขึ้นเมื่อทางเดินดำมืดเป็นเหตุทำให้หลอน

ขอบคุณภาพจาก Dek-dขอบคุณภาพโดย nan-narudee จาก Dek-d

โดยเรื่องนี้เกิดขึ้น ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่ อันมีเหตุชวนให้สยองได้อยู่ในตึกเก่าชั้นในสุดของแผนกผ่าตัดหัวใจที่ถูกปิดร้างมานานกว่าสิบปี และไร้ซึ่งการซ่อมแซมบำรุงจากเจ้าของ กระทั่งได้มีกลุ่มนักศึกษาแพทย์กลุ่มนึงที่ตระหนักได้ถึงความสำคัญของอาคารและสถานที่จึงขออนุญาตเจ้าของตึกและรวบรวมกันระดมทุนมาปรับที่นี่ให้กลายมาเป็นหอพักชั่วคราวจนตึกเก่าแห่งนี้เป็นสถานที่สะอาดใหม่เอี่ยม

Advertisement

Advertisement

และแล้วอยู่มาวันนึงก่อนตึกนี้จะบูรณะเสร็จสมบูรณ์ พวกเขาที่เป็นนักศึกษากลุ่มนั้นได้นึกสนุกอยากลองท้าพิสูจน์เรื่องลี้ลับในตึกนี้ เพราะมีคำกล่าวขานกันมานานว่าตึกนี้เฮี้ยนจริง พวกเขาที่เพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่จึงทำการเล่นผีถ้วยแก้วกันโดยที่ไม่ได้จุดธูปขมาเจ้าที่เจ้าทางก่อนจะทำอะไรแผลงๆ แล้วเริ่มถามไถ่วิญญาณที่สถิตอยู่นะแห่งนี้ จนเพื่อนหนึ่งคนในกลุ่มได้ถามไปว่า “ที่นี่ มีผีจริงหรือเปล่า”

ขอบคุณภาพจาก Dek-dขอบคุณภาพโดย nan-narudee จาก Dek-d

และแน่นอนแก้วใบนั้นลากไปยังคำว่ามีโดยอัตโนมัติ แต่คนรุ่นใหม่อย่างพวกเขากลับไม่เชื่อง่ายๆอยู่แล้ว เลยโทษกันเองว่าคนนั้นเลื่อนมือคนนั้นดันไปบ้าง กระทั่งคราวนี้เกิดควันขึ้นมาอย่างผิดสังเกตุ ควันสีดำนั้นเริ่มฟุ้งกระจายไปทั่วที่พวกเขานั่งกันอยู่จนมองแทบไม่เห็นซึ่งกันและกัน พวกเขาพากันตกใจยกใหญ่ไม่นึกว่า ดึกดื่นเที่ยงคืนเช่นนี้ใครมาจุดอะไรเล่น จนเวลาผ่านไปได้ไม่นานควันนั้นสลายลง ทุกคนในกลุ่มเริ่มลนลานกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนรู้สึกตัวว่าเพื่อนในกลุ่มของเขานั้นได้หายไปคนนึง

Advertisement

Advertisement

ทุกคนลุกขึ้นและเริ่มอยู่กันไม่เป็นสุขและคิดว่าเพื่อนคนนั้นอาจจะสร้างแผนนี้มาหลอกพวกเขาให้ออกตามหาจึงเล่นตามน้ำกันไปกระทั่งเดินขึ้นไปอีกชั้นนึงอันเป็นชั้นต้องห้ามที่น่ากลัวที่สุด เสียงลมที่พัดโชยผ่านยอดตึกนั้นยังคงดังหวีดหวิวสะท้อนผ่านบานหน้าต่างที่เปิดอ้ามาอย่างไม่เป็นใจ เมื่อพวกเขาได้เดินขึ้นมาถึงชั้นบนเพื่อตามหาเพื่อนที่หายไปอย่างปริศนา กระทั่งสุดทางเดินหลอดไฟเก่าๆที่มีหยากไย่ติดอยู่นับสิบดวงจู่ ๆ กลับเริ่มกระพริบเองแปลกๆ นึกติดสว่างไปทั่วชั้นก็ติดขึ้นมาดื้อๆและนึกจะดับก็ดับไล่มาจนถึงหน้าห้องที่พวกเขายืนอยู่อย่างน่าปนะหลาดใจ จนทั่วบริเวณทางเดินที่ไกลออกไปนั้นกลับเริ่มน่าสงสัยและผิดสังเกตุ

ขอบคุณภาพจาก Dek-dขอบคุณภาพโดย nan-narudee จาก Dek-d

จนหนึ่งในเพื่อนที่เกาะกลุ่มกันมาก็กรีดร้องขึ้นท่ามกลางความตกใจของพรรคพวกพร้อมกับชี้มือไปที่สุดทางเดินนั้นพร้อมกับพูดว่า “ผะ...ผี...มาแล้ว!!” ทุกคนหันกลับไปทางที่ชี้แต่กลับไม่มีอะไร แต่พอหันมา กลับได้ยินเป็นเสียงเหมือนกระดูกและร่างของใครบางคนเริ่มแหลกละเอียด ทันทีที่เห็นเพื่อนคนนั้นก็นอนคอบิดเป็นเกลียวลิ้นห้อยเลือดทะลักเต็มปากเสียจนลูกตาสีขาวเหลือกกลิ้งแทบจะโผล่พ้นออกจากเบ้าแล้ว ทุกคนต่างเงียบกริบช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มือไม้สั่นกลัวทำอะไรถูก เผลอทำกระบอกไฟฉายล่วงลงพื้นไป

Advertisement

Advertisement

และทันทีที่กำลังจะก้มลงเก็บ แสงสว่างจากไฟฉายกระบอกนั้นกลับส่องไปเจอกับเข้ากับขาปริศนาที่ข้างนึงที่วางอยู่กับพื้น เลือดนั้นยังคงกลิ่นคาวไว้ เมื่อรู้สึกตัวอีกทีเลือดบางอย่างที่อยู่ด้านบนหยดลงมาอาบเลอะเข้าที่ใบหน้าของนักศึกษาแพทย์คนนั้น เขาตกใจมากจึงเผลอส่องไฟไปทางนั้นพอดี จึงพบเข้ากับศพที่คาดว่าน่าจะเป็นร่างของพยาบาลสาวที่ถูกบางอย่างตรึงไว้คล้ายลวดหนามกับตะปูที่ตอกเสียบร่างอยู่บนเพดาน แถมอกข้างซ้ายของเธอนั้นก็เป็นช่องโหว่เหมือนถูกควักหัวใจออกไป อีกทั้งลำตัวของเธอยังมีลำไส้ที่ยาวระโยงระยางห้อยย้อยลงมาดูแล้วน่าสยดสยองอย่าบอกใคร

ขอบคุณภาพจาก thisisgamethailandขอบคุณภาพโดย thisisgamethailand

ทุกคนในเหตุการณ์พร้อมข่มขวัญตัวเองให้ปกติแล้วพากันวิ่งกลับไปที่ทางเดินทว่าบันไดชั้นนั้นมันได้หายไปอย่างไร้วี่แวว แต่กลับมีเสียงลากโซ่จากบันไดที่หายไปดังขึ้นมาแทนตามทางเดินที่พวกเขาถูกขังปิดตายอยู่ที่นี่ ไม่เว้นแม้แต่กลิ่นเน่าคละคลุ้งน่าอาเจียนของกลิ่นซากศพอีกต่างหาก นักศึกษาแพทย์กลุ่มนั้นต่างดิ้นรนกันหาทางออกจากที่นี่อย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ยิ่งพยายามกลับล้วนพบเจอแต่พวกภูตผีรูปร่างน่ากลัวที่คอยตามรังควานพวกเขาเพื่อเอาชีวิต จวบจนพระอาทิตย์เริ่มขึ้นสู่ท้องฟ้า ทุกคนต่างดีใจกันมากที่เริ่มได้กลิ่นธูปจางๆผสมกับกำยานบางอย่างของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาเลยตัดสินใจเดินตามกลิ่นนั้นไป จนในที่สุดก็หาทางออกเจอ

แต่สิ่งที่น่าเศร้ากว่าการหาทางออกจนเจอก็คือชีวิตของพวกเขาได้ดับสิ้งลงไปตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้ว จะเจอก็แต่ร่างไร้วิญญาณของทุกคนที่ถูกนำส่งขึ้นไปยังรถโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยเพื่อเตรียมชันสูตรหาสาเหตุการตายหลักๆของพวกเขาแทน จากนั้นตึกร้างของที่นี่ก็ถูกปิดตายตลอดมา... เรื่องนี้สอนไว้ว่าการกระทำบางอย่างที่ไม่ถูกกาลเทศะของสิ่งที่ตาไม่เห็นอาจพบจุดจบด้วยการตาย

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์