ปีนี้เป็นปีแรกที่ทางวัดงดจัดงานทำบุญงานประเพณีเดือน 9 ไหว้พระเจ้านอน และถวายผ้าห่มหลวงพ่อพระเจ้านอนและสักการะพระธาตุสิงหอุตรนคร ประจำปี 2563 (เดือน 9 เหนือ เดือน 7 ใต้) เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ยังคงเสี่ยงต่อการรวมตัวของคนจำนวนมากอยู่ จึงไม่ได้นำเสนองานของวัดให้ได้เห็นกัน เช่น การจุดบอกไฟดอก เป็นพุทธบูชา จึงขอเปลี่ยนมาเป็นเล่าเรื่องและนำชมสิ่งสำคัญต่าง ๆ ภายในวัดแทนซึ่งมีความสำคัญและมีน่าสนใจไม่น้อยแทนก็แล้วกันนะครับ การมาวัดพระนอนก็ไม่ยากครับ เพราะอยู่ในเขตกำแพงเมืองเก่าของจังหวัดแพร่ ห่างจากคุ้มเจ้าหลวงและศาลหลักเมืองแพร่เพียง 550 เมตร สามารถเอารถไปจอดด้านในวัดได้ หรือหากใครชอบเดินก็เดินไปได้เช่นกัน ก่อนถึงตัววัดจะมีกำแพงสีขาวเหนือกำแพงเป็นลำตัวพญานาคสีเขียวมรกตเป็นพญานาคคู่ ศีรษะอยู่ที่ด้านข้างเสาประตูวัด หน้าบันซุ้มประตูเป็นรูปปั้นพระนอนชัดเจน เข้าไปด้านในจะเห็นอาคารตรงหน้าคือ พระอุโบสถนั่นเอง อาคารด้านซ้ายเยื้องไปด้านหลังคือวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ อาคารด้านขวาเป็นหอไตร 2 ชั้นโดยชั้นล่างเปิดโล่ง ตามประวัติและตำนานบอกว่า วัดพระนอนสร้างขึ้นโดยเจ้าปู่ท้าวคำชาวละโว้ เมื่อครั้งที่พาบริวารอพยพจากเมืองสุโขทัยสู่เมืองแพร่ เมื่อหยุดพักบริเวณนี้ได้พบพระพุทธรูปปางไสยาสน์ทำด้วยหินยาว 6 ศอก จึงให้สร้างพระพุทธรูปครอบทับองค์เดิมไว้โดยให้ใหญ่กว่าเดิม แต่เพรามีสงครามการก่อสร้างจึงได้สำเร็จในสมัยเจ้าพระยาชัยชนะสงครามและพระนางเจ้าอู่ทองศรีพิมพา ในปี พ.ศ. 1417 (จ.ศ. 236) หลังจากนั้นวัดถูกทิ้งร้างเป็นเวลานาน จนพ่อค้าต่างเมืองมาเจอซากอิฐเก่าใกล้ต้นมะม่วงในดงชะอม จึงได้บอกกับชาวบ้านและได้ช่วยการบูรณะจนสวยงาม โดยระหว่างการบูรณะได้พบแผ่นทองคำจารึก จึงได้รู้ว่าวัดม่วงคำนั้นแต่เดิมคือวัดพระนอน จึงได้ตั้งชื่อวัดตามชื่อเดิมที่ปรากฏในแผ่นทองคำนั้นว่า วัดพระนอน อีกครั้งหนึ่ง หากมองจากมุมมองด้านสถาปัตยกรรมแล้ว จะเห็นว่า วัดพระนอน ได้ก่อสร้าง บูรณะและทำนุบำรุงด้วยศิลปะแบบผสมผสานถึง 3 ยุคด้วยกันได้แก่ สมัยเชียงแสน สมัยสุโขทัย และสมัยอยุธยาตอนปลาย สังเกตได้จากผนังอุโบสถที่ก่อด้วยอิฐหนา ไม่มีหน้าต่าง แต่เจาะเป็นช่องรับแสงแทนและยังเป็นช่องให้ลมระบายเข้าออกอีกด้วย ที่หน้าบันซุ้มยื่นออกมาด้านหน้าทำเป็นลายก้านขด ด้านในประดิษฐานพระประธานชื่อว่าหลวงพ่อมงคลทิพณีใต้ซุ้มเรือนแก้วลายพญานาค มีลักษณะงดงามในแบบล้านนา วิหารพระนอนก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่บริเวณหลังคาและหน้าจั่วประดับด้วยไม้แกะสลักเป็นรูปพญานาคและชายหลังคาโดยรอบตกแต่งด้วยไม้ฉลุ มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ สำหรับด้านในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางสีหไสยาสน์ ยาว 9 เมตร ที่ฝ่าพระบาทเขียนลายมงคลลงรักปิดทองตลอดทั้งองค์พระมีอายุ 1,000 กว่าปี ด้านหลังอุโบสถมีเจดีย์สีทอง ชื่อว่า พระธาตุสิงหอุตรนคร ทรงระฆังคว่ำ ฐาน 8 เหลี่ยม ในซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปไว้ทั้ง 4 ทิศ มีฉัตรอยู่ทั้ง 4 มุม มีรูปปั้นยักษ์และคนทั้ง 4 ด้าน ที่บันไดทางขึ้นไปไหว้พระธาตุด้านทิศตะวันตก มีสิงห์พม่า 1 คู่และเสาหงส์ 1 คู่ ที่ด้านหลังติดกำแพงวัดมีศาลาเก็บเรือประดับด้วยแผ่นเงิน ที่พิเศษกว่าเรือทั่วไป เพราะท้องเรือตกแต่งด้วยแผ่นเงินดุนลาย ส่วนหอไตรได้รับการบูรณะใหม่ให้แข็งแรงใช้เป็นที่เก็บคัมภีร์ใบลานเก่าแก่ไว้เช่นเดิม ใครที่มาเที่ยวตัวเมืองแพร่ นอกจากไปเที่ยวจุดหลัก ๆ ที่ทัวร์แนะนำแล้ว ลองแวะเข้าวัดเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ ศิลปะและสถาปัตยกรรมบ้างนะครับ รับรองว่าจะทำให้เพลิดเพลินอีกไม่น้อยเลยครับ พิกัดที่ตั้ง : 39 ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ วันเวลาเปิดปิด : 08.00-17.00 น. ภาพประกอบทั้งหมดถ่ายโดยผู้เขียน : อนุญาตให้ใช้เพื่อการศึกษาได้ฟรี