ทริปนี้เกิดขึ้นเพราะความเหนื่อยล้าจากการงานและผู้คน ความคิดแค่อยากไปพักผ่อนสบาย ๆ กับเวลา 2 วัน 1 คืน ความตั้งใจแรกคือที่ใกล้ ๆ นั่งรถไม่นาน แต่รู้ตัวอีกทีกลายเป็น "แพร่" กับการเดินทาง 10 ชม.ไปแล้ว เนื่องจากทริปนี้เป็นทริปสั้น ๆ ที่สั้นมากกกกกกก...ระยะเวลาแค่ 1 วัน เราก็อย่าเสียเวลาเลย เมื่อหาที่ล้างหน้าล้างตาและหาอะไรลงท้องก่อนออกรบ เอ้ยยย...ออกเที่ยวได้แล้ว ที่แรกที่เราเริ่มไปเลยนั่นก็คือ..... พระธาตุช่อแฮ เราเริ่มต้นสิ่งดี ๆ ด้วยการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองแพร่ พระธาตุช่อแฮนี้ตั้งอยู่ที่ วัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวง ออกจากตัวเมืองขับขึ้นเนินมาไม่ไกล นอกจากจะเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองแพร่แล้ว ยังเป็นวัดพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีขาลด้วย หากนำผ้าแพรสามสีไปถวายจะทำให้ชีวิตมีพลังคุ้มครองป้องกันศัตรูได้ ใครที่เกิดปีขาลห้ามพลาดเลย หลังจากไหว้ขอพรพระธาตุแล้วเราก็ไปต่อที่ คุ้มเจ้าหลวง หรือ คุ้มหลวงนครแพร่ เป็นที่ประทับของเจ้าหลวงผู้ปกครองเมืองแพร่สมัยก่อน ลักษณะทรงไทยผสมยุโรปตามสมัยนิยมในรัชกาลที่ 5 รอบชานและบานหน้าต่างประดับด้วยไม้แกะฉลุสลักลวดลายอย่างประณีตสวยงาม เมื่อเข้าไปภายในอาคารจะเห็นถึงความโอ่โถง หรูหรา สมเป็นคุ้มเจ้าหลวงสมัยโบราณ นอกจากความสวยงามของคุ้มเจ้าหลวงแห่งนี้แล้ว ยังมีความน่ากลัวอีกอย่างหนึ่งคือ "คุกใต้ดิน" จากประวัติที่เราหามาได้ทำให้รู้ว่าคุกนี้ใช้คุมขังทาสและนักโทษที่ทำผิด โดยภายในแบ่งเป็น 3 ห้อง ใช้ขังทาสตามความผิดของแต่ละขั้น นักโทษจะได้รับบทลงโทษที่แสนทรมาน คำเล่าขานของผู้เฒ่าผู้แก่ที่เล่าสืบต่อกันมาเกี่ยวกับวิญญาณผีทาสที่เสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยมจึงกลายเป็นวิญญาณพยาบาท กลายเป็นเรื่องราวลี้ลับและอาถรรพ์เต็มไปด้วยตำนานที่น่าสะพรึงกลัว พอฟังแล้วความอยากไปดูคุกใต้ดินเลยหายหมดไม่มีใครกล้าลงไปดูเลยทีเดียว หลังเจอเรื่องเล่าอาถรรพ์ เราจึงตัดสินใจขยับออกจากคุกหลวง เอ้ยยย คุ้มเจ้าหลวงนี่ดีกว่า ที่ต่อไปคือ พิพิธภัณฑ์คุ้มวงศ์บุรี หรือ บ้านวงศ์บุรี หรือ บ้านสีชมพู อยู่ไม่ไกลจากคุ้มเจ้าหลวงมากนัก ตามประวัติระบุว่า “บ้านวงศ์บุรี” เป็นคุ้มเจ้านายเมืองแพร่ในอดีต สร้างตามดำริของ “เจ้าแม่บัวถา” ชายาคนแรกในเจ้าหลวงพิริยะชัยเทพวงศ์ ผู้สร้างคุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ โดยมอบหมายให้ พ่อเจ้าพรหม หรือ หลวงพงษ์พิบูลย์ และบุตรบุญธรรมของเจ้าแม่บัวถา คือ เจ้าสุนันตา วงศ์บุรี ธิดาพระยาบุรีรัตน์ ผู้เป็น น้องชายของเจ้าแม่บัวถา เป็นผู้จัดหาช่างชาวจีนมาก่อสร้าง บ้านวงศ์บุรีเป็นบ้านแบบยุโรปประยุกต์ หลังคาสูง ทรงปั้นหยา 2 ชั้น ฐานก่ออิฐถือปูน สูงจากพื้น 1 เมตร มีลวดลายเถาไม้แกะสลักประดับตัวบ้านทั้งที่หน้าจั่ว ช่องลม ชายน้ำ ประตู หน้าต่าง ด้วยการตกแต่งทั้งภายนอกและภายในมีสีชมพูเป็นหลัก จึงทำให้ตัวบ้านมีความอ่อนหวาน น่าอยู่กว่าคุ้มเจ้าหลวงมาก เริ่มบ่ายคล้อย แต่อากาศยังไม่ถึงกับร้อนมาก เราไปสถานีต่อไปเลยดีกว่า นั่นคือ วัดจอมสวรรค์ เป็นวัดเก่าแก่โบราณอีกแห่งหนึ่งของเมืองแพร่ สร้างขึ้นในสมับรัชกาลที่ 5 โดยชาวไทใหญ่ หรือ ชาวเงี้ยว ภายในโบสก์มีหลวงพ่อสาน เป็นพระพุทธรูปที่สร้างโดยใช้ไม้ไผ่สานเป็นองค์ลงรักปิดทอง หลังจากไหว้พระแล้วเราได้เดินชมภายในโบสก์ ซึ่งจะมีการทอผ้าแบบพื้นเมืองให้ผู้คนทั่วไปได้ชมด้วย ถัดจากวัดจอมสวรรค์ เราไปต่อที่ บ้านประทับใจ หรือ บ้านเสาร้อยต้น เป็นบ้านเก่าแก่ที่ทำจากไม้สักทั้งหลัง แค่เห็นทางเข้าก็สวยงามประทับใจสมชื่อบ้านแล้ว พอเข้ามายิ่งตื่นตาตื่นใจกับสิ่งของต่าง ๆ ที่นำมารวบรวมไว้ที่นี่ ซึ่งมีทั้งของเก่าแก่โบราณที่หาชมได้ยาก ไม้แกะสลักที่มีความอ่อนช้อย ประณีต แต่การเดินชมภายในบ้านต้องใช้ความระวัดระวังพอสมควร เพราะมีของที่ง่ายต่อการแตกและเสียหายประดับอยู่ตามทาง ใครที่พาเด็ก ๆ มาด้วยคงต้องเพิ่มความระมัดระวังขึ้นมาอีกสักหน่อย เราเดินเพลินจนถึงเวลาปิดบ้านเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะเป็นพิพิธภัณฑ์แล้วก็ยังมีของขายด้วยนะ สนุกขาช้อปเค้าล่ะ ออกจากบ้านประทับใจเราก็หาอะไรลงท้องและกลับที่พักนอนยาวเตรียมกลับบ้านพรุ่งนี้เช้า เป็นการจบทริปสั้น(มาก)ของเราในครั้งนี้ แต่เราตั้งใจว่าจะหาเวลามาอีกครั้งให้ได้ เพราะยังมีอีกหลายที่ที่เราไม่ได้ไป