The secret garden เดินเล่นในสวนลับใจกลางเมืองแพร่ ย่างเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์แล้วซินะ เดือนที่อากาศดีที่สุดในรอบปีแล้วสำหรับขะเจ้า ลมเย็นเบาๆ ไม่หนาวจนฟันกระทบกัน และไม่ร้อนจนตัวเหม็นเปรี้ยวชวนหงุดหงิด ในวันอากาศดีดีแบบนี้ อยากชวนทุกคนมาเยือนสวนลึกลับแทรกตัวอยู่ใจกลางเมืองแพร่ สถานที่ที่มีเรื่องราวอันยาวนานประวัติศาสตร์ทับซ้อนประวัติศาสตร์ คนขี้เล่าอย่างขะเจ้า ขอพาทุกคนมาเดินเล่นชมใบไม้เปลี่ยนสี อาคารโบราณเก๋ๆ มุมถ่ายรูปสวยๆกันที่นี่ โรงเรียนการป่าไม้ จังหวัดแพร่ เรื่องราวความมาเป็นของโรงเรียนการป่าไม้ เล่าย่อๆ คือในอดีตนั้นจังหวัดแพร่ มีชื่อเสียงเรื่องไม้สัก เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศ ส่วนใหญ่เป็นภูเขาและพื้นที่ลาดชัน มีที่ราบแอ่งกระทะ ระหว่างหุบเขาและ มีลำน้ำยมไหลผ่าน ภูมิอากาศแบ่งฤดูกาลชัดเจน เหมาะแก่การเจริญเติบโต ของต้นสัก ป่าไม้สัก ทำให้เมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว จึงเกิดการทำสัมปทานป่าไม้ขึ้นที่แพร่ หลังการเลิกทำสัมปทานป่าไม้ ก็ทำให้มีโรงเรียนป่าไม้แพร่เกิดขึ้น โดยกรมป่าไม้ได้ก่อตั้งโรงเรียนการป่าไม้ และอาคารที่ใช้ทำการเรียนการสอนนั้น แต่เดิมเป็นของบริษัทอีสต์เอเชียติค จากประเทศเดนมาร์ก ซึ่งได้รับสัมปทานทำไม้สัก ในจังหวัดแพร่ มาเช่าพื้นที่ตรงบริเวณนอกตัวเมืองแพร่ฝั่งประตูมาร (สมัยก่อนใช้เป็นประตูทางออกไปลานประหารและทางไปป่าช้าฝั่งศพจึงเรียกว่า ประตูมารหรือประตูผี) จากรัฐบาลไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อใช้เป็นที่ทำการของบริษัท และเป็นที่พักของผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ของบริษัท ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บริษัทอีสต์เอเชียติค ได้มอบอาคารไม้สัก จำนวน 3 หลังให้แก่กรมป่าไม้ใช้เป็นอาคารที่ทำการและสอนนักเรียนป่าไม้ ไปดูกันค่ะ อาคารหลังแรกเดิมเป็นอาคารที่ทำการของบริษัทอีสต์เอเชียติคและภายหลังใช้เป็นที่ทำการของโรงเรียนป่าไม้ ปัจจุบันเป็นส่วนจัดแสดงพิพิธภัณฑ์ไม้สัก อาคารหลังที่ 2 เป็นอาคารไม้ 2 ชั้น แต่เดิมนั้นอาคารหลังนี้ใช้เป็นที่ทำงานและที่พักของเจ้าหน้าที่บริษัทอีสต์เอเชียติค และเมื่อก่อตั้งเป็นโรงเรียนป่าไม้ได้ใช้เป็นอาคารสโมสรของนักศึกษาป่าไม้ ปัจจุบันงดใช้งานอาคารหลังนี้ อาคารหลังที่ 3 เป็นอาคาร 2 ชั้น ตั้งอยู่บนกำแพงเมืองเก่า ที่คนแพร่เรียกว่า "รั้วเมฆชรา" เดิมเป็นที่พักของผู้บริหารของบริษัทอีสต์เอเชียติค และภายหลังใช้เป็นที่พักของอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนป่าไม้ ปัจจุบันงดใช้งานเช่นเดียวกัน จุดเด่นของที่นี่ คืออาคารที่เคยเป็นที่ทำการของบริษัทอีสต์ เอเชียติค ของเดนมาร์ก ตั้งอยู่บนกำแพงเมืองในจุดที่สูงสุดแห่งหนึ่งของแนวกำแพงเมืองเก่า จนสามารถประมาณความสูงของกำแพงเมืองแต่ดั้งเดิมได้ มีต้นไม้ร่มครึ้ม บนอาคารสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองแพร่โดยรอบ ตรงกำแพงดินจะมีคูน้ำล้อมรอบอีกชั้นหนึ่ง ส่วนอาคารหลังอื่นเป็นอาคารที่สร้างขึ้นมาภายหลัง แต่ยังความสวยงาม กลมกลืนกับอาคารโบราณหลังอื่นๆ พาชมอาคารไม้สักเก่าแก่อายุร่วมร้อยปีกันแล้ว ไปเดินเล่นกันต่อค่ะ แม้ว่าที่นี่จะเป็นสถานที่ราชการมีหน่วยงานหลายหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทำการอยู่ แต่ก็ยังเปิดให้ประชาชนมาใช้พื้นที่ออกกำลังกาย มีทั้งสนามบาส สนามเทนนิส ลานออกกำลังกาย และเส้นทางสำหรับวิ่งจ๊อกกิ้ง ส่วนขะเจ้าชอบมาเดินทอดหุ่ยชมนกชมไม้ ในช่วงวันหยุด ขณะที่เราไปไหนไกลๆ ไม่ได้ เราก็เดินเที่ยวแถวบ้านเรานั่นเอง ฉำฉา หรือ จามจุรี เสน่ห์ที่ดึงดูดในมาเดินเล่นที่นี่ ก็คือต้นไม้เก่าแก่ส่วนใหญ่น่าจะอายุเกือบเป็นร้อยปี บางต้นถูกอนุรักษ์ไว้ตั้งแต่ครั้งยังเป็นโรงเรียนการป่าไม้ ตัวอย่างเช่น ต้นฉำฉา ว่ากันว่า อธิบดีกรมป่าไม้คนแรกเป็นผู้นำมาพันธ์ุมาจากพม่า ปลูกครั้งแรก ณ ที่ทำการป่าไม้เขตเชียงใหม่ และแพร่หลายมาทางจังหวัดอื่นทางภาคเหนือ โดยมีวัตถุประสงค์ในการให้ร่มเงา ต่อมาก็มีการปล่อยเลี้ยงตัวครั่ง สร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ ปัจจุบันอุตสาหกรรมการทำครั่ง หายไปจากสังคมคนแพร่แล้ว แต่ยังเหลือร่องรอยก็คือต้นฉำฉาขนาดใหญ่บริเวณกำแพงเก่าเมืองแพร่ เป็นจำนวนมาก ตะเคียนทอง พันธ์ุไม้บางชนิดหากไม่เข้าไปในป่าลึก เราอาจจะไม่ได้เห็นมันยืนต้นสูงตระหง่านก็เป็นได้ ขะเจ้าไม่เคยเห็น ต้นตะเคียนทอง ก็มารู้จักเอาที่นี่ ต้นมะสัง ไม้โบราณที่ยากจะเห็นทั่วๆ ไป ลูกมะสังสามารถไปทำน้ำพริกได้ แต่น่าเสียดายเมื่อฤดูฝนที่ผ่านมาเกิดพายุลมพัดแรงจนต้นโค่นลง ทำให้ตอนนี้ ต้นมะสังเหลือแต่ตอ รอกิ่งใหม่งอกงามกลายเป็นต้นไม้ใหญ่อีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีต้นยางนา และไม้อื่นๆ อีกมากมาย ขะเจ้าชอบแหงนขึ้นไปมองยอดไม้ เวลาใบไม้เปลี่ยนสี สวยแปลกตาเหมือนเมืองอีกเมืองหนึ่งอยู่บนท้องฟ้าเป็นเมืองในจินตนการเมื่อตอนเด็กๆ บางช่วงเวลาถ้าเรามาตอนที่ดอกจำปีป่าออกดอก แม้ว่าดอกจะเล็กแต่เราจะได้กลิ่นดอกจำปีหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจ มีผู้คนแวะเวียนมากราบไว้อย่างไม่ขาดสาย คนสูงอายุเคยเล่าว่าฟัง สมัยอดีตริมกำแพงดินทั้งสองด้านเป็นป่ารก มีสัตว์ป่ามากมาย มีต้นไม้ใหญ่จำนวนมาก คนโบราณในพื้นที่ ไม่มีใครกล้ารุกล้ำเข้ามา สร้างบ้านเรือนเพราะ คิดว่าเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากมีพระพุทธรูป "พระพุทธวิชิตมาร" หรือ "หลวงพ่อเศียรขาด" เป็นพระพุทธรูปสร้างด้วยปูนขาว สมัยโบราณประทับอยู่กับพื้น หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เป็นพระพุทธรูปซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในบริเวณสถาบันประชารัฐพิทักษ์ป่า หรือโรงเรียนการป่าไม้เดิม หลวงพ่อเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของนักศึกษาโรงเรียนป่าไม้แพร่ และประชาชนทั่วไป เป็นพระพุทธรูปที่ได้รับการบันทึกว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 20 ของพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ในประเทศไทย พระพุทธวิชิตมาร สถานที่แห่งนี้มี ประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีความร่มรื่นสวยงาม เป็นสวนป่าเก่าแก่ใจกลางเมืองแพร่ สามารถมาเดินเล่น ออกกำลังกาย ถ่ายรูปสวยๆ พักผ่อนหย่อนใจช่วงวันหยุด หากใครมาเมืองแพร่ลองแวะมาเดินเล่นได้นะคะ ......พบกันใหม่อีพีต่อไป......สวัสดีเจ้า บทความที่เกี่ยวข้อง ต้นกำเนิด โรงเรียนการป่าไม้ แห่งแรกและแห่งเดียวในไทย ที่เมืองแพร่ โรงเรียนการป่าไม้ จากบริษัทสัมปทานป่าไม้กลายเป็นโรงเรียน จากโรงเรียนป่าไม้สู่สถาบันประชารัฐพิทักษ์ป่า “เมืองแพร่” โครงสร้างทางกายภาพของเมืองโบราณที่มีชีวิต อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !