สถานที่ที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองน่าน อีกแห่งหนึ่งคือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ที่มีความเป็นมาแตกต่างจากจังหวัดอื่น ด้านประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะสิ่งของที่แสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ .... พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่านมีที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ตรงข้ามกับวัดช้างค้ำวรวิหารหากมองไปทางทิศตะวันออก และด้านใต้จะเป็นวัดภูมินทร์ ด้านเหนือติดกับวัดหัวข่วง และทิศตะวันตกซึ่งอยู่ด้านหลังพิพิธภัณฑ์จะเป็นที่ของเอกชน และห้องสมุดประชาชนจังหวัดน่าน ก่อนจะเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ ด้านหน้าจะเป็นอนุสาวรีย์พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช เจ้าผู้ครองนครน่านในสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ที่เป็นผู้สร้างตำหนักหอคำให้เป็นที่พักของเจ้าผู้ครองนครน่าน ซึ่งมีประวัติครองเมืองน่านกว่า 25 ปี โดยรูปอนุสาวรีย์ได้สร้างขึ้นตามภาพต้นแบบของเจ้านิรมิต สิริสุขะ เมื่อปี 2523 และนำมาประดิษฐานไว้.... เมื่อเข้าไปภายใน จะต้องซื้อบัตรผ่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์ สำหรับคนไทยก็ 20 บาท ต่างชาติ 100 บาท เดินเข้าไปด้านในเป็นห้องโถง แสดงรูปภาพของพระเจ้าสุริยพงษ์ และเครือพระญาติ พร้อมทั้งประวัติความเป็นมา ซึ่งท่านย่อมหาอ่านเอาในอินเตอร์เน็ตได้ไม่ยาก สิ่งที่นำมาแสดงก็จะเล่าเรื่องราวการสร้างหอคำอันเป็นที่ประทับของเจ้าผู้ครองนครน่าน หลังจากที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชการที่ 5 ทรงสถาปนาเจ้าผู้ครองนครน่าน เช่นรูปลักษณะทางสถาปัตยกรรม คำที่เรา ๆ ท่าน ๆ ไม่ค่อยจะทราบแล้ว เช่นคำว่า บราลี ช่อฟ้า ใบระกา และไม้เชิงชาย แม้จะคุ้น ๆ ชื่อบ้าง แต่คำว่า บราลีนี่ เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาจนอายุปูนนี้แล้ว.... ซึ่งบราลี หมายถึง ยอดเล็ก ๆ มีสัณฐานดุจยอดพระทราย ใช้เสียบราย ๆ ไปตามอกไก่หลังคา หรือเสียบหลังบันแถลงบนหลังคาเครื่องยอด และตามภาพที่ผู้เขียนเห็น ก็น่าจะหมายถึงยอดเล็ก ๆ ที่แกะสลักแล้วนำไปวางบนยอดราวหลังคาตั้งแต่หน้าจั่วไล่เรียงไปจนสุดด้านหลัง ฮ่า ๆ เป็นคำที่ปราบเซียนจริง ๆ สำหรับนักเขียนที่ไม่ค่อยแตกฉานด้านอักษรโบราณ...แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะผิดเพี๊ยนไปจากที่เห็นมากนัก... ส่วนช่อฟ้า จะมีลักษณะอยู่บนสุดของจั่วหอคำ และใบระกา จะอยู่ด้านปีกซ้ายและขวาของจั่ว หากลักษณะจั่วเดี่ยวก็จะมีช่อฟ้า 1 อัน และใบระกา 2 อัน ตามรูปที่ได้เห็น และเชิงชาย จะอยู่ในช่วงกลาง ๆ ของหลังคา ด้านหัวของช่อฟ้า ใบระกา และเชิงชายจะแกะสลักคล้าย ๆ กัน ทำให้สามารถสังเกตลักษณะสถาปัตยกรรมในยุคสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี.... และภายในจะมีประวัติของราชวงค์ของสยามประเทศ ไล่เรียงให้เราได้รู้ตั้งแต่รุ่น ก่อน เป็นร้อย ๆ ปี มีประวัติความเป็นมาของพระธาตุประจำปีนักษัตรต่าง ๆ ให้ผู้คนได้รับรู้ และมีจิตใจใฝ่ไปในทางที่เป็นกุศล ในการไปกราบไหว้พระธาตุประจำปีเกิดของตัวเอง....ซึ่งจังหวัดน่านก็มีพระธาตุแช่แห้งซึ่งเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีเถาะ ซึ่งจะมีงานเทศกาลนมัสการพระธาตุระหว่างวันขึ้น 11-15 ค่ำ เดือน 4 ของทุกปี... เดินเข้าไปด้านในชั้นล่างอีก ก็จะพบห้องแสดงภาพ อาคารเก่าอันควรอนุรักษ์กว่า 30 แห่ง อาทิ โฮงเจ้าฟองคำ โฮงวัดสถารศ (พิพิธภัณฑ์ชุมชนวัดสถารศ) คุ้มเจ้าจันทร์ทองดี ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นสำนักงานที่ดิน ฯลฯ และอีกกว่า 30 แห่ง ทำให้เมืองน่าน มีสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่สวยงามน่าไปชมไปสัมผัสอีกมาก...เมื่อได้เข้าไปชมในพิพิธภัณฑ์นี้ ถัดไปอีกห้องด้านหลังก็จะมีศิลาจารึก บอกเล่าประวัติของการสร้างหลักฐานทางประวัติศาสตร์ มีกังสดาล หรือ ฆ้องอย่างที่เรา ๆ เรียกกัน ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งของโบราณตกทอดมาจนทุกวันนี้ให้เราได้ศึกษา.... ห้องด้านขวามือ จะเป็นหูกทอผ้าสมัยโบราณ มีผ้าทอลายต่าง ๆ แสดงให้เราท่านได้ชม ไม่ว่าจะเป็นลายขอล้อม ลายขอล้อมบัวลอย ลายช้างต่าง ลายม้าต่าง ฯลฯ ซึ่งผู้เขียนสังเกตว่า การตั้งชื่อลายก็ถือตามรูปร่างที่ปรากฏอยู่บนผ้า ลายขอล้อม ลักษณะก็เหมือนกับตะขอล้อมไปมา ลายช้างก็เป็นรูปช้าง ลายม้าก็เป็นรูปม้า.. ง่ายดี... ห้องโถงด้านใน จะมีพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๙ ที่ทรงเสด็จมายังเมืองน่าน ทรงปฏิบัติพระราชกิจในหลาย ๆ วาระ สร้างความปลาบปลื้มให้กับคนเมืองน่านเป็นอย่างยิ่งและทุกภาพถือเป็นประวัติศาสตร์อย่างดี.... เมื่อเดินขึ้นไปบนชั้นสอง ที่มีความงามของสถาปัตยกรรมและการจัดมุมสีแสงแสดงสิ่งของเครื่องใช้ของเจ้าผู้ครองนครน่าน อาวุธ โกฎิสำหรับบรรจุพระศพเจ้าผู้ครองนครน่าน พระพุทธรูปไม้ รวมทั้งรูปพระเจ้าสริยพงษ์ผริตเดช ที่สวยงามสง่าอย่างยิ่ง และสิ่งที่เป็นสัญญลักษณ์ของเมืองน่านอีกอย่างคือ งาช้างดำที่มีเรื่องเล่าขานตำนานเป็นสองทาง นับเป็นเสน่ห์ของเรื่องเล่าประวัติศาสตร์ที่ทำให้เราได้ตื่นตาตื่นใจกับเรื่องราวของเจ้าผู้ครองนครผู้เคยประทับอยู่ ณ หอคำประวัติศาสตร์ที่กลายมาเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเมืองน่านแห่งนี้.... สำหรับท่านที่มาเยือนเมืองน่าน หากมีเวลาก็แวะมาดูหอคำ ซึ่งได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ของจังหวัดน่านในปัจจุบันไปแล้ว เปิดทุกวัน พุธถึงวันอาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์หยุดวันจันทร์และอังคาร ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น โทร.054 710 561 .ครับผม..