เมืองน่านหรือนันทบุรีศรีนครน่าน เมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องของวัฒนธรรม ศิลปะ ประเพณีล้านนา ซึ่งเมืองน่านเป็นอีกหนึ่งจังหวัดทางภาคเหนือที่มีความสวยท่ามกลางหุบเขาและมีธรรมชาติที่สวยงามเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยว ไม่เพียงแค่เหตุผลในเรื่องของธรรมชาติเพียงอย่งเดียว แต่ยังมีความโดดเด่นในเรื่องของศิลปะ วัฒนธรรม วิถีชีวิต ประเพณีอีกด้วย โดยหนึ่งในคำขวัญเดิมของจังหวัดน่านเดิมที่ว่า"แข่งเรือลือเลื่อง เมืองงาช้างดำจิตรกรรมวัดภูมินทร์ เสาดินนาน้อยแอ่วดอยภูคา ชิมปลาปากนายผ้าลายน้ำไหล มะไฟจีนรสดีลิ้นจี่ชวนลอง ส้มสีทองเมืองน่าน" เราจะเห็นคำว่า "ผ้าลายน้ำไหล" ผ้าลายน้ำไหลนั้นคือ ผ้าทอที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวไทลื้อ ในจังหวัดน่านแต่เดิม เหตุผลที่เรียกผ้าลายน้ำไหลนั้น เนื่องจากลายของผ้าทอนั้นมีความคล้ายคลึงกับน้ำไหล จึงเรียกว่าผ้าลายน้ำไหลผ้าทอเมืองน่านมีความเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของชาวน่านอย่างแนบแน่น การทอผ้าถือเป็นงานหลักอย่างหนึ่งของผู้หญิงน่าน ตั้งแต่การปั่นฝ้าย การย้อมสี การทอเป็นผืน แต่ละกระบวนการมีความละเอียดมากมาย สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ต้องใช้ความละเอียดและความอดทน ซึ่งสะท้อนตัวตนของผู้หญิงน่านนอกจากนั้น ผ้าทอยังเป็นองค์ประกอบสำคัญในวัฒนธรรมชาวน่าน เพราะเป็นการพูดถึงเอกลักษณ์ด้านต่างๆ ผ่านวัสดุ ลวดลายและสีสัน โดยมีกระบวนในการทอผ้าดังนี้1.เมื่อเก็บดอกฝ้ายที่แก่แล้วนำมาตากให้แห้งแล้วเก็บสิ่งสกปรกออกจากดอกฝ้ายให้หมด2.นำดอกฝ้ายไปแยกเมล็ดจากดอกฝ้ายที่เครื่องอัดฝ้าย3.เมื่อได้ฝ้ายที่แยกเมล็ดออกมาแล้วก็นำมาตีในโขงฝ้ายแล้วใช้ก๋งดีดให้ฝ้ายแตกตัว4.นำฝ้ายที่ตีแล้วมาม้วนกลับไม้หางฝ้ายบนไม้แป้นฝ้าย ชาวไทลื้อจะเรียกขั้นตอนนี้ว่าการ "ล่อฝ้าย"5.ฝ้ายที่ล่อเสร็จแล้วก็นำมาเข้าเครื่องปั่นจนได้เป็นเส้นด้ายในกวง6.เมื่อได้เส้นได้ในกวงปริมาณที่พอดีแล้วนำมาเก็บไว้โดยเปี๋ยในการเก็บเส้นด้าย ไม่ให้เส้นด้ายพันกัน7.นำฝ้ายที่อยู่ในเปี๋ยมาย้อมสีตามที่ต้องการ8.นำเส้นด้ายที่ย้อมแล้วมากรอใส่หลอด9.นำไปโว้นกับหลักเพื่อให้ได้จำนวนเส้นด้ายและความยาวตามที่ต้องการ10.เส้นด้ายที่โว้นแล้วนำไปม้วนเข้าลูม11.นำเส้นด้ายมาร้อยตะกอ(เขา) และฟันหวี(ฟืม) จนครบตามจำนวนเส้นด้ายที่กำหนดไว้12.จากนั้นนำด้ายพุ่งที่เตรียมไว้ไปกรอใส่หลอดเล็กสำหรับใส่กระสวยเพื่อใช้ทอ13.เริ่มทอผ้าได้ตามลายที่กำหนดไว้ โดยลายผ้าทอเมืองน่านนั้นได้รับมาจากหลายกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดน่าน จึงทำให้เกิดเป็นลวดลายที่หลากได้ โดยได้รวบรวมลวดลายของผ้าทอหรือผ้าซิ่นได้ 7แบบ ได้แก่ ซิ่นลายน้ำไหล ซิ่นม่าน ซิ่นคำเคิบ ซิ่นป้อง ซิ่นคาดก่าน ซิ่นเชียงแสน ซิ่นลื้อ โดยซิ่นแต่ละแบบก็มีความแตกต่างของลวดลายในแตกละพื้นที่ลักษณะของผ้าซิ่นแต่ละชนิด1.ซิ่นลายน้ำไหลผ้าทอเป็นเอกลักษณ์ของชาวไทลื้อ สาเหตุที่เรียกชื่อว่า ผ้าทอลายน้ำไหล เพราะลวดลายบนพื้นผ้ามีลักษณะเหมือนสายน้ำไหล ซิ่นลายน้ำไหลแบบไทลื้อเป็นลวดลายที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์อย่างยิ่ง และปัจจุบันมีการพัฒนาลวดลายต่างๆ เพิ่มขึ้นอีกมาก แต่ยังคงเรียกชื่อเดิมว่าผ้าลายน้ำไหลเช่นเดิม ถือเป็นการขยายพื้นที่แวดวงการทอผ้าให้กว้างขึ้น2.ซิ่นม่านเอกลักษณ์ของซิ่นม่าน คือความถี่ห่างของระยะช่องไฟแนวนอนไม่เท่ากัน ใหญ่บ้างเล็กบ้างสลับกันไป ซึ่งจะงดงามด้วยการจัดโครงสร้างสีให้สลับกันอย่างกลมกลืน สีที่นิยมเลือกใช้จนเป็นเอกลักษณ์ของซิ่น คือสีชมพูและสีน้ำเงินหรือภาษาพื้นเมืองเรียกว่า “การจั๊ดออนจั๊ดแล” หมายถึงความเด่นชัดของสีชมพูและสีน้ำเงินมักนิยมสวมใส่ในงานพิธีสำคัญ เช่น การฟ้อนล่องน่าน เป็นต้น3.ซิ่นคำเคิบผ้าซิ่นคำเคิบ คือสุดยอดของซิ่นเมืองน่านในอดีต เป็นซิ่นที่ใช้เฉพาะในราชสำนักเจ้าผู้ครองนครน่านเท่านั้น มีลักษณะสง่างาม ด้วยศิลปะการทอที่ใช้เส้นทองหรือเส้นเงินเป็นเส้นพุ่มในการทอประกอบลวดลายละเอียด เช่น เก็บขิดขนาดเล็กและเชิงซิ่นมักต่อด้วยตีนจก ซิ่นคำเคิบมีทั้ง “เคิบไหมคำ” และ “เคิบไหมเงิน” เป็นซิ่นที่มีราคาสูง เป็นที่นิยมของคนที่ชอบเก็บสะสมผ้า4.ซิ่นป้องโครงสร้างโดดเด่นของซิ่นประเภทนี้ คือการวางช่องไฟแนวนอนมีระยะสม่ำเสมอกันตลอดทั้งผืน อาจมีการทอลายมุกสลับบ้าง แต่เมื่อมองโดยรวมจะเห็นความเป็นระเบียบของช่องไฟ ซึ่งดูเป็นความงดงามที่มีแบบแผน ผ้าซิ่นป้องปัจจุบันนิยมสวมใส่ในงานพิธีสำคัญต่างๆ ที่ให้ความสวยงามแก่ผู้สวมใส่ ซึ่งอาจมีการประยุกต์ การต่อตีนจก ทำให้ได้ชิ้นงานที่มีความสวยงามยิ่งขึ้น5.ซิ่นคาดก่านการทอซิ่น ประเภทนี้เริ่มต้นด้วยการมัดย้อมเส้นใยก่อนทอ อาจจะมัดย้อมเฉพาะเส้นยืนหรือเส้นพุ่งหรือมัดย้อมทั้งสองเส้นเลยก็ได้ ในภาคอีสานจะเรียกวิธีเช่นนี้ว่า “มัดหมี่” แต่ทางเมืองน่านเรียก “คาดก่าน” ความสวยงามของซิ่นคาดก่านอยู่ที่การผูกลวดลายตอนมัดย้อม ในอดีตใช้เชือกกล้วยเป็นเชือกมัดเส้นด้ายก่อนนำไปย้อม นิยมใช้เทคนิคการย้อมเย็นเพื่อให้ลวดลายไม่ผิดเพี้ยน6.ซิ่นเชียงแสนเป็นซิ่นที่มีลักษณะเป็นพื้นผ้าสีแดงและมีริ้วสีเข้ม เช่น สีดำ สีครามเป็นลายขวางทอด้วยเทคนิคขัดสานธรรมดาตลอดทั้งผืน ชื่อของซิ่นชนิดนี้แสดงถึงแหล่งกำเนิดว่า เป็นเอกลักษณ์เก่าแก่ของชาวไทยเชียงแสนในอดีต ซึ่งอพยพย้ายมาตั้งถิ่นฐานในเมืองน่าน ผ้าซิ่นเชียงแสนถือเป็นผ้าซิ่นใช้ได้หลายโอกาส7.ซิ่นลื้อเป็นลวดลายผ้าของไทลื้อที่อพยพมาจากสิบสองปันนา ใช้ผ้าไหมที่มีสีสันสวยงามสะดุดตามีการตกแต่งด้วยเทคนิคการขิด จก และล้วงมาก ซึ่งลักษณะของซิ่นลื้อจะมีลวดลายแตกต่างกันตามวัยของผู้นุ่ง ได้แก่ วัยสาวรุ่น แม่เรือน ผู้สูงอายุ และคนชรา ซึ่งซิ่นดังกล่าวจะมีเทคนิคการทอด้วยฝ้ายพื้น ส่วนมากจะเป็นสีดำสลับแดง เหลือง เขียวขาว และยังสอดแทรกลวดลายการเก็บมุกเป็นรูปขอ รูปหงส์ รูปม้า รูปปลา รูปเขาบอกเขายัง อ่านเป็นชื่อเรียกของเทคนิคในการทอ ของผู้ทอผ้าและการทอผ้า ด้วยลวดลายที่สวยงามและชำนาญลือล้วง เก็บมุกโดยความสามารถแลพฝีมือของผู้คนไทลื้อจะเห็นได้ว่าผ้าทอแต่ละแบบนั้นมีความโดดเด่นและเอกลักษณ์ที่มีความงดงามเป็นอย่างมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนเมืองน่านในอดีต ที่ต้องใช้ความอดทนความละเอียดความประณีตในการทอผ้าแต่ละผืน เพราะเหตุนี้จึงทำให้ผ้าทอเมืองน่านมีเสน่ห์และมีคุณค่าเป็นอย่างมาก ขอขอบคุณข้อมูล•พิพิธภัณฑ์โฮงเจ้าฟองคำ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน•หออัตลักษณ์นครน่าน วิทยาลัยชุมชนน่าน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !