สายลมเย็นโชยมาต้องต้นคอทำให้ขนลุก ซึ่งมาพร้อมกับกลิ่นอันหอมหวาน ชวนให้หวามในอกของดอกลั่นทม ใช่ครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่ซุ้มลั่นทมหน้าศาลากลางเมืองน่าน ทริปนี้เป็นทริปที่ไม่ได้เตรียมการอะไรทั้งสิ้น เพียงมีความอยากไปเหนือ ไปใช้ชีวิต slow life เพื่อไปเพิ่มพลังให้กับชีวิต น่านก็แว๊บเข้ามาในห้วงความคิด จึงตัดสินใจ น่าน ก็ น่าน โดยที่ไม่ได้หาข้อมูลอะไรเลย ผมมาถึงน่านประมาณเที่ยงกว่า ๆ หลังจากเข้าที่พัก เก็บสัมภาระ ก็ออกตะเวนเที่ยว โดยจักรยาน ของที่พักนั่นแหละ ห้องพักราคาไม่ถึงห้าร้อย มีจักรยานให้ยืมฟรี ประทับใจจริงๆ ครับ ที่แรกก็ต้องซุ้มลั่นทม และดูงาช้างดำ ต่อด้วยวัดภุมรินทร์ จะสวยงามด้วยศิลปะ มีพญานาคอยู่ด้านหน้าทางเข้า ด้านในมีพระพุทธรูปสี่องค์นั่งหันหลังชนกัน ภายในมีภาพจิตกรรมสวยๆ ซึ่งจะแบ่่งเป็นสามส่วน มีเป็นชาดกเรื่องเตมีราช ตำนานพื้นบ้าน และชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในอดีต ไฮไลท์ก็หนีไม่พ้นภาพกระซิบของปู่ม่านย่าม่าน หวานจริงๆ ครับ ปั่นจักรยานไป มีสาวซ้อนท้าย มีวัดวาอารมเป็นฉากหลัง ผมยังนึกว่าผมเป็นพระเอกในมิวสิกเพลงทางเหนืออะไรสักเพลง มีความสุขจริงๆ ครับ ผมไม่ต้องกระซิบรัก เพียงส่งสายตาที่มีความหมายผ่านภาพ เธอคงรู้ความนัย ด้วยรอยยิ้มที่เธอส่งกลับมา กลับที่พักครับ แดดเริ่มร้อน ก่อนถึงที่พักไปกินขนมจีนน้ำเงี้ยว ชุดละ 30 บาท อิ่มมาก บ่ายสามเริ่มมีแรงปั่น ไปต่อกับวัดต่างๆ ในตัวเมือง และไปกินมื้อเย็นที่ริ่มน้ำน่าน มีหลายร้านครับ แต่ละร้านก็ตั้งชื่อกันแบบน่าเข้าไปกินมาก ไม่ว่าจะเป็น นัดพบ รักน่าน ผมว่าน่าจะอร่อยทุกร้านเพราะคนเต็มเกือบทุกโต๊ะ ผมก็อร่อยเป็นพิเศษ คงเสียพลังงานไปมาก จะจบทริปค่ำคืนนี้ไปแค่นี้ก็เสียดายแย่ ไปต่อกันที่ร้านขนมหวานเจ้าดัง และไปตลาดนัดคนเดินที่หน้าวัดภุมรินทร์ ผมได้ผ้าพันคอสวยๆ เอกลักษณ์ทางเหนือมาหลายผืน เห็นแล้วอดใจไม่ไหว น่านเหนือและน่านใต้ ตอนต่อไปครับ