อยู่แม่ฮ่องสอน จะข้ามไปอีกประเทศนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องเตรียมกายเตรียมใจให้พร้อม เช้านี้ผู้เขียนเตรียมตัวออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อมุ่งหน้าสู่ “วัดนามน” วัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่รัฐฉาน ใกล้พรมแดนไทย-เมียนมาร์ ออกจากเมืองแม่ฮ่องสอนมุ่งหน้าไปทางปางมะผ้า เมื่อเจอสามแยกด่านความมั่นคงจึงเลี้ยวซ้ายไปตามป้ายที่เขียนไว้ว่า “ห้วยผึ้ง” ตลอดระยะทางที่เดินทางสู่วัดนั้นถนนค่อนข้างโล่ง รถสัญจรสวนไปมานับคันได้ แม้แต่ละหมู่บ้านจะอยู่ห่างกันหลายสิบกิโลแต่วัดในหมู่บ้านทุกวัดล้วนมีเจดีย์และหอสวดมนต์ซึ่งเป็นเรือนไม้ยกใต้ถุนสูงประมาณ 4-5 เมตร ใช้สำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เป้าหมายของการไปวัดนามนในครั้งนี้เพื่อไปชมการ “ดูดวงจากใบไม้” เป็นศาสตร์ดูดวงโบราณของไทใหญ่ ผู้เขียนเองมีความสนใจในศาสตร์ด้านนี้เป็นพิเศษ และอีกนัยหนึ่งคือต้องการนำมาเขียนเป็นบทความเพื่อเผยแพร่เปิดมุมมองใหม่ ๆ ให้ผู้อ่าน พอพ้นหมู่บ้านสุดท้ายก็ได้เวลาขึ้นเขา ช่วงนี้เป็นฤดูร้อน แต่ตลอดระยะทางจะเย็นจนจับขั้วหัวใจ เพราะถนนสายนี้อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1,200 เมตร นั่นไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาอยู่ตรงหน้านี้ต่างหาก! ลำธารธรรมชาติไหลลงตัดถนน กัดเซาะพื้นซีเมนต์ลงลึกถึงหัวเข่า! ผู้เขียนขับรถมอเตอร์ไซค์ค่ะ ริมขวาสุดคือหน้าผา ต้องพยายามเบียดริมซ้ายของถนนจุดที่น้ำไหลไว้ ส่วนรถใหญ่เค้าก็ขับลุยน้ำผ่านสบาย ๆ เมื่อขับรถต่อได้ก็ต้องมาหวาดเสียวกับโค้งหักศอกบนยอดดอย ทั้งเกร็งทั้งต้องประคองรถกว่าจะมาถึงด่านผ่อนปรนห้วยผึ้ง จุดนี้ต้องแลกบัตรประชาชนไว้ และแจ้งจำนวนคนที่จะไปกับเรา การข้ามฝั่งนี้รถสามารถไปได้ แต่ต้องมีการบันทึกภาพและจดเลขทะเบียนไว้อย่างละเอียด เมื่อเรียบร้อยแล้วก็ลุยต่อ ตอนนี้เข้ามาในเขตเมียนมาร์แล้ว ถนนก็จะต่างกับฝั่งบ้านเรานิดหน่อย แถบนี้ถนนยังเป็นดิน ต้นไม้สองข้างทางจึงเป็นสีฝุ่น เข้ามาตรงประตูวัดกัน ทั้งหมดเป็นภาษาไทใหญ่ ผู้เขียนอ่านไม่ออกสักตัว พอเข้าเขตวัดมาก็จะเจอกับม้าตัวหนึ่งยืนเล็มหญ้าอาบแดดอย่างสบาย ๆ ชวนให้หยุดถ่ายภาพด้วย อยากบอกท่านผู้อ่านว่าบริเวณวัดกว้างขวางมาก ๆ และอากาศเย็นสบายแม้ตอนนี้จะเป็นเวลาเที่ยงตรง นี่คือภาพศาลาวัดเก่าแก่ แต่น่าเสียดายที่ท่านเจ้าอาวาสไม่อยู่ เลยอดดูดวงด้วยใบไม้เสียแล้ว แต่ยังไงอุตส่าห์ข้ามฝั่งมาทั้งทีขอเดินชมรอบ ๆ วัดก็แล้วกัน ลักษณะของวัดนามนเป็นศิลปะแบบไทใหญ่ ตั้งอยู่บนรัฐฉานแห่งเมียนมาร์ ห่างจากจุดผ่อนปรนไม่ถึง 2 กิโมเมตร วัดค่อนข้างเก่าแก่สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ด้านบนหลังคานั้นไมียอกมุขประดับ แต่ดูแล้วรู้สึกถึงความขลัง ภายในวัดยังใช้เครื่องปั่นไฟแทนการใช้ไฟฟ้า บริเวณโดยรอบนั้นสามารถมองเห็นทิวเขาที่โอบล้อมได้โดยรอบ อากาศเย็นสบายแม้จะเป็นเวลาเที่ยงแล้ว นี่คือห้องน้ำวัด เป็นห้องน้ำเก่าที่ให้อารมณ์ย้อนยุคกลับไปปี 80 หากมองจากตรงนี้ก็จะสามารถมองเห็นถนนสีขาวที่มุ่งหน้าไปสู่เขตตัวเมืองของรัฐฉาน แน่นอนว่าผู้เขียนต้องหาโอกาสไปที่นั่นสักครั้ง แม้ครั้งนี้จะพลาดเรื่องการดูดวง แต่บอกเลยว่าคุ้มสุด ๆ เพราะได้พาลูกชายมาเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกในชีวิต แถมที่นี่ของถูกสุด ๆ เช่น เนื้อวัวกระป๋องละ 30 บาท เบียร์ก็ถูกกว่าบ้านเราตั้งหลายบาท เรียกว่าราคาถูกจนบางครั้งผู้เขียนเกิดการตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ของแท้ใช่ไหม” แม้จะอยู่ติดชายแดนไทย แต่บ้านเรือนที่นั่นกลับดูเรียบง่าย อาจจะมอมแมมไปบ้างเพราะถนนล้วนเต็มไปด้วยฝุ่น แต่เพื่อนบ้านเหล่านี้ก็อยู่กันอย่างอบอุ่นเสมอมา ทุกภาพถ่ายโดยผู้เขียน