ดอยขุนตาลเป็นสถานที่หนึ่งซึ่งอยู่จังหวัดลำปางที่มีอาณาเขตติดกับจังหวัดลำพูน และเป็นสถานที่ที่สามารถนั่งรถไฟแล้วขึ้นเขาได้เลย และการเดินทางครั้งนี้ฉันเริ่มต้นที่สถานีขนส่งจังหวัดพิษณุโลกโดยมีจุดหมายปลายทางคือดอยขุนตาลฉันและเพื่อนอีก2คนได้เดินทางโดยรถไฟและเป็นครั้งแรกของฉันที่เดินทางโดยรถไฟ พวกเรา3คนเลือกเดินทางโดยรถไฟตู้นอนซึ่งเป็นขบวนเดียวที่วิ่งในตอนนี้และถึงเป้าหมายเร็วที่สุด แต่ราคาแอบแพงนิดนึงขอแอบเข้าช่วงรีวิวรถไฟหน่อยจ้า ในรถไฟนั้นเป็นที่นอนซึ่งมี 2 ชั้นทั้งซ้ายและขวา ฉันและเพื่อนอีก 2 คนได้ชั้นที่ 2 โดยทุกห้องนอนจะมีผ้าม่านคอยปิดไว้ และมีหมอนและผ้าห่มจัดเตรียมไว้ให้เรา ทุกตู้นอนสามารถนอนได้เพียง1คน ตู้นอนสะอาดน่านอนแต่ทำไงได้นอนไม่หลับ 555 มีห้องอาหารด้วยนะ ห้องน้ำถือว่าดีเลยแหละสะอาดดีกลิ่นไม่เหม็นด้วย ให้ 8.5/10 ไปเลยจ้า เพราะเรานอนไม่หลับเลยหักไป 5555 หลังจากขึ้นรถไปไม่นานมากนัก พวกเราก็ถึงสถานีขุนตาล ในเวลา 6.10 น ซึ่งเป็นเวลาที่เช้ามากพวกฉันเตรียมตัวขึ้นเขาโดยจักการภารกิจของตัวเองให้เรียบร้อย ไม่นานพวกเราก็ล้างหนาแปรงฟันจัดการกันเสร็จ เราจึงเตรียมตัวออกเดินทาง โดยที่ฉันได้ดูตารางการเดินรถไฟก่อนออกเนื่องจากจะได้ลงเขาได้ทันเวลา และก่อนขึ้นเขาด้วยความเป็นฉันจึงขอเก็บภาพทางขึ้นโดยมีพื้นหลังเป็นทางรถไฟที่เราผ่านมาและอุโมงค์ที่ได้ขึ้นชื่อว่ายาวที่สุดในประเทศไทย หลังจากเก็บภาพเสร็จเรียบร้อยเราจึงเดินขึ้นเขา เพื่อไปยังอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล โดยทางเดินขึ้นเขาเป็นทางแคบ ๆ ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยป่าที่มีอุณหภูมิอบอ้าวและเกือบตลอดการเดินทางมีน้องหมาที่สถานีเดินมาส่งเราตลอด เดินขึ้นได้ไม่นานก็เจอถนนซึ่งรถสามารถวิ่งได้ ด้วยความที่มันเป็นทริปฉุดระหุบจึงไม่ได้เตรียมร่างกายพร้อมในการปีนเขาจึงทำให้ฉันและเพื่อน ๆ เหนื่อยมาก พับดื่มน้ำตลอดระยะทางขึ้น ไม่นานก็ถึงที่ทำการอุทยานโดยก่อนเข้าจะมีป้อมสำหรับลงทะเบียนและเก็บค่าบำรุงรักษาและฉันกับเพื่อน ๆ ที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่จึงได้ส่วนลดในการเข้าเหลือคนละ 10 บาทเท่านั้น ทางเดินระหว่างทางที่ขึ้นเขานั้นเป็นถนนที่สามารถเดินได้สะดวกและมีรถผ่านได้และก่อนขึ้นเราขอเก็บภาพบรรยากาศสักหน่อย เดินได้ไม่นานเราก็ถึงทางขึ้นไปยังดอยขุนตาลหรือไปยัง ย. ต่าง ๆ ก่อนขึ้นเราจึงทำการลงทะเบียน พอลงทะเบียนเสร็จฉันเหลือบไปมองระเบียงที่อยู่หน้าป้อมที่ล้อมรอบไปด้วยป่าไม้ และที่เป็นฉันเองฉันจึงขอเพื่อน ๆ เป็นภาพบรรยากาศเหล่านี้สักครู่ (อีกแล้วจ้าาา) ไม่นานพวกเราก็เดินขึ้นเขาอย่างกระตือรือร้นด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ชมธรรมชาติที่อยู่ข้างบน โดยพวกเราได้พูดคุยกันตลอดระยะทางโดยสนุกสนานทำให้ลืมความเหนื่อย ไม่นานเราก็ถึง ย.1หรือจุดยุทธศาสตร์ที่ 1 นั่นเอง ด้วยความที่กวนของเพื่อนฉันมันพูดด้วยความท้าทายว่า “แค่จิ๊บ ๆ กระจอกมากมึงไม่เหนื่อยเลยว่ะ” จ้ากระจอกจ้า5555เดินได้สักพักเราก็เจอ ย. ที่2 ซึ่งไม่ห่างจาก ย.1 มามากนักและยังไม่เห็นทิวเขาสักเท่าไร พื้นที่นี้เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่หนาที่ปกคลุมรอบๆจนไม่สามารถเห็นทิวเขาบริเวณรอบๆ และเดินต่อมาได้ไม่นานนักเราก็ถึง ย.3 ซึ่งเป็นเวลาเที่ยงแล้ว เราจึงตัดสินใจหยุดที่ ย. นี้เนื่องจากจะไม่ทันรถไฟ จากนั้นก่อนกลับลงจากเขาเราจึงทำการเก็บภาพบรรยากาศที่จุดนี้สักหน่อย ซึ่งจุดนี้เริ่มมีต้นสนสูงใหญ่แล้ว พอถ่ายรูปกันเสร็จเราจึงเดินทางลงเขา และแปลกใจมากในเวลาที่ลงเขาทำไมถึงเร็วกว่าเวลาขึ้นมาก555 ด้วยความที่ลงเขาเร็วเราจึงแวะไหว้สิ่งศักสิทธิ์ ณ บริเวณแห่งนี้ และลงมารอรถไฟเพื่อกลับมอ แม้การเดินทางในนั้นนี้จะเป็นเวลาที่ไม่นานมากนัก แต่ผู้คนที่นี้ที่ใจดีและยิ้มให้เราและเป็นห่วงพวกเรา ทำให้ฉันกับเพื่อนมีความสุขมากๆและด้วยมิตรภาพของเพื่อนฉันทำให้ทริปนี้เต็มไปด้วยความสุขที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นcr.ภาพโดยผู้เขียน