ก่อนอื่นเลย ผมขออนุญาตถามนะครับ ว่าทุกคนเคยไป “ดอยขุนตาล” กันหรือไม่? หากตอบว่า”ไม่เคย”พวกเราจะพาไป !!!ไปกันเลยครับ!!! อยากบอกก่อนเลยนะครับ ว่า จริงๆแล้ว ทริปที่จัดขึ้นนี้ จุดหมายที่คิดไว้ ไม่ใช่ที่นี้เลยครับ เพราะที่ตกลงกับเพื่อนคือที่สุโขทัย แต่พอนึกถึงอากาศที่แบบร้อนมาก ก็เปลี่ยนใจในทันที555(หัวเราะ) จึงปรึกษากับเพื่อนๆว่าไปไหนที่มันอากาศเย็นๆ จนพอมาหาข้อมูล ได้เจอสถานที่ ที่สามารถเดินทางโดยสารทางรถไฟและเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งเดียวที่ติดกับสถานีรถไฟด้วย นั้นก็คือ “อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล” แต่ก็มีปัญหาอยู่บางอย่างครับ เราไม่สามารถ ไปค้างคืนที่นั้นได้ เพราะถ้าหากเราค้าง เท่ากับว่าพวกเราต้องค้างคืนวันอาทิตย์พวกเราก็จะกลับมาไม่ทันเรียนเพราะในวันที่ตกลงจะไปกันเป็นวันเสาร์แล้ว จึงต้องกลับมาภายในวันอาทิตย์ เลยเป็นที่มาของทริป1วันครับ รวมถึงมีปัญหาอีกอย่างคือ เพื่อนผช.ที่จะร่วมทริป ก็ติดทำงานอยู่แต่ก็คุยโทรศัพท์กันว่าจะรีบกลับมาให้ทัน เพราะคุยกับเพื่อนผญ.ครับว่ามันยังมีรอบตั๋วรถไฟอยู่ คือรอบ 00.18 นั้งจากสถานีพิษณุโลก - สถานีขุนตาล ถึงเวลาโดยประมาณ 06.01 น. Cr.ภาพถ่ายจากผู้เขียน อยากจะบอกความรู้สึกเลยครับว่า เป็นการเที่ยวที่ตื่นเต้นมากๆ เพราะเป็นการเที่ยวครั้งแรก ของผม และเพื่อนอีก2คนครับ คือมีเพื่อนผช.1คน ผญ.1คน รวมกันทริปนี้เป็น3 คน 3 เกลอเลยครับ มันมีเรื่องตลกอยู่ 1 เรื่องครับ ก็คือ ก่อนหน้าที่จะไปสถานีรถไฟผมถามเพื่อนผญ.ว่า ผม: ค่าตั๋วมันเท่าไหร่พอรู้บ้างหรือเปล่า? เพื่อนผญ.: ร้อยกว่าบาท ไม่แพงๆ เงินเหลือๆไปรอบนี้ พอมาที่จำหน่ายตั๋วตอนจ่ายเงินแล้วผมถามว่าพี่ๆ ค่าตั๋วจากพิษณุโลกไปสถานีขุนตาลราคาเท่าไหร่ครับ? ผมนี้งงเลยครับพี่ที่ขายตั๋วบอกว่า 726 บาทครับ งง เป็นไก่ตาแตกกันเลยที เดียว เพราะไม่เช็คข้อมูลกันให้ดีๆ เพราะรอบนี้ ที่พวกเราซื้อกันเป็นรถไฟด่วนพิเศษครับ เป็นตู้นอน พวกเราทั้งสามคนมาถึงสถานีขุนตาลก็เป็น เวลาโดยประมาณ 06.01 น. เป็นเป้าหมายหลักของพวกเรา Cr.ภาพถ่ายจากผู้เขียน บรรยากาศที่สถานียามเช้าคือสดชื่นมากๆครับ เป็นอากาศที่บริสุทธิ์และหาได้ยากหากคุณอยู่ในเมืองที่มีแต่ควันรถยนต์ต่างๆ ทุกคนต่างคนต่างทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยเช่น แปรงฟัน ล้างหน้า และมีน้องสุนัขหลายตัวมาคอยต้อนรับ เพื่อเดินตามเราขึ้นไปบนอุทยาน การเดินทางของพวกเราก็เริ่มต้นขึ้น ด้วยเวลา ที่จำกัดเพราะจะต้องกลับภายในวันนั้นเลย พวกเราจึงสามารถขึ้นไปได้แค่ 2 ย.เท่านั้น เพราะจริงๆแล้ว ย.หรือยุทธศาสตร์ของอุทยานนี้มีทั้งหมด4 จุด พวกเราจึงมีภาพสวยๆ มาฝากผู้อ่านทุกคนนะครับ Cr.ภาพถ่ายจากผู้เขียน พวกเราเดินทางกันไปเรื่อยๆ ระหว่างทางก่อนจะถึงหน้าอุทยานขุนตาลนั้นมีมุมถ่ายรูปมากมายเลย Cr.ภาพถ่ายจากผู้เขียน Cr.ภาพถ่ายจากผู้เขียน เมื่อผ่านจุดบริการนักท่องเที่ยวของอุทยานแล้วพวกเราทั้งสามคนก็รีบเดินขึ้นไปที่ย.1ที่จุดชมวิวที่สวยมากๆครับไปชมภาพกันเลยครับ เมื่อถึงจุดที่1หรือเรียกว่าย.1ก็เริ่มชมวิวกันถ่ายรูปกันเลยครับ Cr.ภาพถ่ายจากผู้เขียน ใช้เวลากับจุดนี้นานมากกับการถ่ายรูปเพราะวิวมันสวยจริงๆนะครับ อยากให้มาสัมผัส ยิ่งมาช่วงพฤศจิกายน-ธันวาคม เป็นช่วงที่อากาศเย็นสบายไม่ร้อนจนเกินไป เหมาะทั้งเวลามาแบบกลุ่มเพื่อน หรือจะมากันเป็นคู่ มีข้อแนะนำ หากครอบครัวมีผู้สูงอายุ ควรนำรถยนต์ส่วนตัวมาจะดีกว่าครับเพราะเดินขึ้นไปแต่ละยอด ระยะทาง 2-7 กิโลเมตร ไม่เหมาะแก่การเดินสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัญหาด้านกระดูก หรือเดินนานๅไม่ค่อยได้ครับ เมื่อเดินผ่านย.ที่1 เราก็ไปหาจุดถ่ายรูปที่ย.ที่2 กันเป็นสถานที่ ที่ต้นไม้ขึ้นเยอะมากแต่พวกเราก็ลุยกันเข้าไปครับ จนได้ภาพประมาณนี้ครับ Cr.ภาพถ่ายจากผู้เขียน เมื่อพวกเราถ่ายจุดนี้เรียบร้อยก็ถึงเวลาที่จะต้องเดินกลับเพราะจะต้องกลับมาที่สถานีรถไฟให้ทัน ขึ้นรถไฟรอบ 16.50น. ตามภาพเที่ยวของรถไฟครับ Cr.ภาพถ่ายจากผู้เขียน ตลอดทางที่ลงจากดอยนั้นพวกเราก็ถ่ายรูปกับบรรยากาศมากๆ รวมถึงจุดเช็คอิน เที่ยวที่เดียว ได้2 จังหวัดนั้นก็คือ ลำปาง และ ลำพูนนั้นเอง Cr.ภาพถ่ายจากผู้เขียน Cr.ภาพถ่ายจากผู้เขียน Cr.ภาพถ่ายจากผู้เขียน Cr.ภาพถ่ายจากผู้เขียน เมื่อพวกเราถ่ายรูปกันแบบ จุใจ ก็ได้เวลาลงมาหาอะไร หม่ำๆครับ พวกผมลงมาก็ประมาณบ่ายๆ ครับ ได้มีโอกาสไปกราบ ศาลเจ้าพ่อขุนตาล และนี้ก็เป็นอีกจุดที่เมื่อมาถึงมีความเงียบและสงบ หากได้มานั้งสมาธิก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เหมาะสมมากๆเลยครับ Cr.ภาพจากผู้เขียน เวลาของความสุขนั้นผ่านไปรวดเร็ว ไวเหมือนโกหก สุดท้ายนี้ พวกเราอยากฝากสถานที่ ที่ชื่อว่า อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาลหรือเรียกสั้นๆว่า”ดอยขุนตาล“นี้ ไว้เป็นความทรงจำของใครหลายๆคนที่เคยไป และอยากให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆได้มาสัมผัส ธรรมชาติที่นี้แล้วคุณจะเข้าใจว่าไม่จำเป็นต้องไปต่างประเทศ ประเทศไทยก็มีสถานที่ ที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก ครับ Cr.ภาพถ่ายจากผู้เขียน