คิดอยู่นานเหมือนกันว่าจะเขียนเรื่องนี้ดีไหม? เพราะบางท่อนบางตอน อาจทำให้เกิดจินตนาการที่ไม่ค่อยงามได้ “อุจจาระ!!” นั่นเอง... เอาล่ะ เริ่มเขียนแล้วก็ต้องต่อให้จบ... โรคลำไส้แปรปรวน ถ้านึกไม่ออก ว่าเป็นยังไง ก็ให้คิดว่าเหมือนอารมณ์ของคนเรานั่นแหละ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย... อาการของมันก็คือ จะปวดท้องแบบเป็น ๆ หาย ๆ และเป็นแบบเรื้อรัง ส่วนนี้เรามุ่งประเด็นไปที่การขับถ่ายโดยเฉพาะ ส่วนการแปรปรวนในบางคน จะมีทั้งท้องเสียและท้องผูกสลับกันไป ขนาดของอุจจาระจะไม่ปกติ ทั้งลีบเล็ก มีมูกปนออกมา ก่อนถ่ายจะรู้สึกปวดหน่วงมากกว่าปกติ แต่พอขับถ่ายออกไปแล้วก็จะกลับมาดีขึ้น เครดิตภาพ : nastya_gepp ยัง!! ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะเพื่อนเรามีอาการนี้อยู่ นอกจากด้านบนดังกล่าวแล้ว เพื่อนยังบอกอีกว่า มันจะมีอาการของโรคกระเพาะร่วมด้วย เช่น รู้สึกจุกแน่นที่ลิ้นปี่ เรอบ่อยมากกว่าปกติ เคยไปหาหมอ ก็ไม่พบว่าจะมีโรคร้ายแรงอะไร เพราะน้ำหนักยังคงปกติดี แต่เพื่อนก็ได้รับคำแนะนำมาว่า อย่าปล่อยให้ตัวเองเครียดจนเกินไปนัก เพราะหากร่างกายและจิตใจสัมพันธ์กันในทางลบมากเข้า จะทำให้มีภาวะซึมเศร้าได้ง่าย ไหน ๆ เราก็ได้คุยกับคนที่มีประสบการณ์แล้ว ก็เลยให้เพื่อนช่วยเล่าให้ฟังต่อ... ได้ความมาว่า โรคนี้คนวัยทำงานจะเป็นกันมาก ผู้หญิงมีโอกาสเป็นมากกว่าผู้ชาย ซึ่งเกิดจากการที่บีบตัวของลำไส้ที่ผิดปกติ คือมีการบีบตัวที่เร็วเกินไป จนทำให้มีอาการท้องอืดและท้องผูก จนไปสัมพันธ์กับการรับรู้ของระบบประสาทที่ผิดปกติระหว่างลำไส้และสมอง จึงทำให้มีภาวะ Sensitive ต่อการรับรู้ที่เกินปกติเกิดขึ้น เครดิตภาพ : Alexas_Fotos นั่งฟังเพื่อนเล่า ก็ชวนให้สงสัยว่าจะกลายเป็นโรคร้ายตามมาหรือเปล่า? จากที่เพื่อนเคยเป็นมา ก็บอกว่าเคยกลัวเหมือนกัน เพราะจะใกล้เคียงกันมาก แต่ไม่ต้องตกใจหนักไป ทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดโรคร้าย หรือโรคมะเร็งได้ง่ายขนาดนั้น เพียงแต่มันจะทำให้เรารำคาญ เพราะบางคนก็มีอาการเรื้อรัง เป็น ๆ หาย ๆ แถมยังทำให้กิจวัตรประจำวันเราปั่นป่วนไปอีก แต่สิ่งที่ต้องสังเกตตัวเองก็คือ เราถ่ายแล้วมีมูกเลือดปนมาหรือไม่ น้ำหนักตัวลดลงแบบผิดปกติหรือเปล่า เวลาที่ไปตรวจร่างกายเจอว่าตัวเองมีภาวะโลหิตจางหรือไม่ ที่สำคัญ!! สำหรับผู้ที่มีกรรมพันธุ์เกี่ยวกับมะเร็ง ต้องรีบไปพบแพทย์ เพราะมีภาวะเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไปมาก เครดิตภาพ : JillWellington มีอาหาร 2 กลุ่มที่เพื่อนเราปรับเปลี่ยนการกิน แล้วทำให้อาการดีขึ้น จนตอนนี้ระบบการขับถ่ายเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว นั่นคือ 1.เลือกกินพืชผักใบเขียวให้มากขึ้น 2.ลดอาหารเผ็ดจัด .. มาค่ะ เดี๋ยวเราจะขยายความให้ล่ะกันนะ กินพืชผักใบเขียวให้มากขึ้น: เพราะมีกากใยเยอะ จะเข้าไปช่วยให้เราขับถ่ายได้ง่ายขึ้นมาก เท่ากับตอบโจทย์ของอาการท้องผูกได้อย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด อีกอย่างผักใบเขียวคือสุดยอดอาหารแล้วนะ แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระให้กับร่างกายเราอีกด้วย ปัญหาใหญ่ที่ทำให้ลำไส้ของเราแปรปรวน ส่วนหนึ่งก็เพราะไม่ชอบกินผักกันนี่แหละ ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องแก้ด้วยตัวเองเท่านั้น ส่วนตัวเราแล้วไม่มีปัญหา ถ้าไม่ขม (มาก) กินได้ทุกชนิด ส่วนใหญ่แม่จะไม่ได้เน้นชนิดใดชนิดหนึ่ง เพราะเวลาไปจ่ายตลาด ก็จะมีผักตามฤดูกาลให้เลือกอยู่แล้ว อีกอย่างเคยอ่านเจอมาว่า ให้เรากินผักให้หลากหลายเข้าไว้ เพราะผักบางชนิดไม่เหมาะกับบางโรค เช่น กะหล่ำปลีสด ผู้ที่เป็นไทรอยด์ควรงดเว้น ไม่ก็นำไปต้มก่อนกิน เพราะจะส่งผลต่อโรคคอพอก หรือยอดผัก ในผู้ที่มีภาวะโรคข้อต่าง ๆ ก็ควรหลีกเลี่ยง หรืออย่ากินมาก เพราะสารพิวรีนจะไปทำให้เส้นเลือดหดตัว อาจะทำมีอาการบ้านหมุนได้ เครดิตภาพ : sharonang ลดอาหารเผ็ดจัด : “พริก” หากเรากินมากเกินไป ก็จะสร้างความแสบร้อนให้กับกระเพาะ “สารแคปไซซิน” เป็นตัวสร้างความเผ็ดร้อน และทำให้เนื้อเยื้ออ่อนแอ อักเสบ บวมแดง นี่ล่ะ!! สาเหตุของอาการลำไส้แปรปรวน รวมถึงกรดไหลย้อนด้วย แม้ว่าพริกจะมีประโยชน์ ทั้งช่วยลดน้ำหนัก ทำให้เจริญอาหาร ลดอาการปวดหัว และบำรุงสายตาได้ก็ตาม แต่อย่างที่บอกไว้ด้านบนว่า พืชผักบางอย่างก็ไม่เหมาะกับบางโรค และเราก็สามารถหาวิตามินเหล่านี้ได้จากแหล่งอื่น ดังนั้น.. ไม่ไหว อย่าฝืนกันนะ.. เครดิตภาพ : StockSnap โรคลำไส้แปรปรวน ไม่ใช่โรคร้ายแรงและสามารถรักษาได้ด้วยยาที่หมอให้มา รวมถึงตัวเราเองก็ต้องปรับเปลี่ยนวิธีกินใหม่ เลือกอาหารที่มีกากใยสูงเข้าไว้ งดดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ แม้แต่อาหารมัน กาแฟ น้ำอัดลม สิ่งเหล่านี้เป็นตัวกระตุ้นอาการทั้งสิ้น พาตัวเองไปออกกำลังกายบ้าง อย่าหาเรื่องเครียดใส่สมองมากนัก และพักผ่อนให้เพียงพอ อาการลำไส้แปรปรวนจะดีขึ้นได้เองตามลำดับ เครดิตภาพปก : Elionas2