ตื่นมาตี 03.30 นิด ๆ เพื่อจะออกไปสนามวิ่ง ที่ปล่อยตัวตอน 6 โมง ถามว่าต้องตื่นเร็วขนาดนี้ไหมนะ ตอบเลยว่า “ไม่จำเป็น” ถ้าเป็นคนที่ระบบขับถ่ายปกติอะนะ ดังนั้นคนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง หมายความว่ารู้ตัวนั่นแหละ ว่าขับถ่ายยาก จึงต้องตื่นก่อนเวลาให้มาก แล้วจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย แต่ต้องขอสารภาพตรงนี้เลยว่า หลาย ๆ ครั้งไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะเป็นคนที่มีภาวะท้องผูกพอสมควร… เอาล่ะ ถึงเวลาต้องลงรายละเอียดกันสักที ว่าเกิดขึ้นเพราะอะไรได้บ้าง และเราควรแก้ปัญหาท้องผูกนี้ยังไงกันดี เครดิตภาพ : 11165576 ท้องผูกเกิดได้หลายสาเหตุ นิสัยการอั้นอุจจาระเป็นประจำ เป็นการบ่มเพาะนิสัยการขับถ่ายที่ไม่ดี โดยปกติแล้วเมื่ออุจจาระเดินทางไปรอที่ลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย และเราไม่ยอมขับถ่ายออกไป ก็จะกลายเป็นการสะสมของเสียเอาไว้ที่ตรงนั้น ร่างกายจะดูดน้ำในอุจจาระกลับเข้าสู่เซลล์ ทำให้ร่างกายได้รับของเสีย ต่อมาอุจจาระก็จะแห้งแข็ง ทำให้ท้องผูกตามลำดับ ในผู้ที่ไม่ชอบกินพืชผัก ดื่มน้ำน้อย ไม่ได้ออกกำลังกาย ผู้ป่วยที่ต้องนอนพักเป็นเวลานาน การกินยาบางชนิด หรือโรคประจำตัวบางอย่าง ก็ล้วนแล้วแต่เสี่ยงต่อภาวะท้องผูกด้วยกันทั้งสิ้น โดยอาการที่ส่อเค้าว่าท้องผูกเบื้องต้นคือ ถ่ายอุจจาระไม่ออก ต้องใช้เวลาขับถ่ายเป็นเวลานาน ต้องออกแรงช่วงท้องมากกว่าปกติ อาการเหล่านี้มีโอกาสทำให้รูทวารหนักเกิดบาดแผลได้อย่างมาก เครดิตภาพ : pasrasaa 3 รายการต่อไปนี้ จะมาช่วยทำให้ระบบขับถ่ายของเราดีขึ้นได้แบบง่าย ๆ ไปดูกันเลย 1.ข้าวกล้อง : ขึ้นต้นมาก็ง่ายแล้วใช่ไหมล่ะ ยังไงเราก็ต้องกินข้าว แค่เปลี่ยนมากินข้าวกล้องเท่านั้นเอง ด้วยความที่เป็นข้าวไม่ขัดขาว จึงทำให้สารอาหารอยู่ครบ และมีกากอาหารมาก ป้องกันภาวะท้องผูกได้ ส่วนไฟเบอร์จะช่วยทำให้เราอิ่มท้อง แถมยังไปกระตุ้นทำงานของลำไส้ ทำให้เราขับถ่ายได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ในตำราบอกว่าข้าวกล้องนอกจากจะเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานแล้ว ก็ยังมีวิตามินบีที่เข้าไปช่วยขุดพลังงานมาใช้ได้ง่ายขึ้น แถมยังช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงให้กับร่างกายของเราด้วย เครดิตภาพ : thomaspedrazzoli 2.กล้วยน้ำว้าสุก : แม้จะเป็นผลไม้ที่บ้านเราปลูก และกินเป็นประจำ รู้ว่าทำให้ถ่ายง่าย แต่ไม่เคยรู้ในเชิงวิชาการสักที ตอนนี้ได้เวลาเรียนรู้กันแล้ว นั่นคือกล้วยน้ำว้าสุก จะมีเยื่อเพคตินที่ช่วยเพิ่มกากอาหารได้ ทำให้ส่งผลดีต่อระบบขับถ่าย พอเราขับถ่ายได้ดี ก็จะไปลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ แถมยังไปขัดขวางการดูดซึมของไขมันไม่ให้เข้าสู่กระแสเลือดด้วย จึงสามารถป้องกันโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจและสมองได้อีกทาง... แม่เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนตากับยายจะห้อยกล้วยไว้ในบ้านเป็นประจำ เดินผ่านไปมาก็หยิบกินกันเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นไม่ต้องไปหายาระบายที่ไหนให้เสียเงินเสียทอง เพราะแม่ปลูกไว้ให้แล้ว เครดิตภาพ : ulleo 3.เม็ดแมงลัก : พืชตระกูลกะเพรา ต้องย้ำตรงนี้เลยว่า อย่านำไปใช้ในการลดความอ้วน แต่ให้ใช้สำหรับภาวะท้องผูกจะถูกต้องมากกว่า เนื่องจากเปลือกของเม็ดแมงลัก หลังจากแช่น้ำแล้ว จะยังคงความเป็นกากอาหารที่หนาแน่น นอกจากทำให้เส้นทางการอุจจาระสะดวกแล้ว ยังไปช่วยทำความสะอาดผนังลำไส้ให้เราด้วย เม็ดแมงลักที่พองตัวจะไปช่วยเพิ่มจำนวนของอุจจาระ ทำให้อุจจาระลื่น ขับถ่ายได้ง่าย ที่สำคัญ!! เราต้องห้ามอั้นอุจจาระเด็ดขาด พยายามขับถ่ายให้เป็นปกติ อาการท้องผูกก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ ถามว่าทำไมถึงไม่เหมาะกับการลดความอ้วน ก็เพราะหากเราไม่มีภาวะท้องผูก จะทำให้ขับถ่ายมากจนเกินไป เมื่อร่างกายเสียน้ำเยอะ จะทำให้มีอาการอ่อนเพลีย หนักสุดอาจถึงขั้นช๊อคได้ ดังนั้นควรออกกำลังกายและควบคุมอาหารคู่กันไป คือคำตอบของผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักที่สุดแล้วล่ะ... เครดิตภาพปก : mohamed_hassan