“ถ่านหินลือชา รถม้าลือลั่น เครื่องปั้นลือนาม งามพระธาตุลือไกล ฝึกช้างใช้ลือโลก” เราไม่ได้ชวนเพื่อนๆ มาเรียนภาษาไทยนะ แต่นี่คือคำขวัญของจังหวัดลำปาง ณ สถานีรถไฟแห่งนี้ โดยจะมีการนำคำขวัญดังกล่าว มาทำเป็นป้ายให้เราได้เดินอ่านไปเรื่อย ๆ จนสุดช่วงทางเดิน เลื่อนสายตาขึ้นไปอีกนิดหนึ่ง จะมีระยะทางบอกความใกล้-ไกลของการเดินทางไปยังอำเภอและจังหวัดใกล้เคียงให้เราทราบ ซึ่งรายชื่อในป้ายเหล่านี้ ต้องบอกก่อนว่า เดินทางโดยรถไฟไม่ได้นะ หากไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ต้องนั่งรถโดยสารเท่านั้น รถสองแถวสีเหลืองเขียว จะจอดรอผู้โดยสารอยู่ด้านหน้า จากสถานีรถไฟไปยังสถานีขนส่งลำปาง มีค่าโดยสาร 30 บาท แนะนำว่าอย่าเหมานะ เพราะจะแพงเกินจริงไปมาก ระยะทางก็ไม่ได้ไกลกันเลยด้วย เอาล่ะ!! เราจะเริ่มพาเที่ยวจากด้านหน้าก่อน...หัวรถจักรไอน้ำ เขียนอักษรย่อว่า ร.ฟ.ท. อยู่ที่ข้างหัวรถจักร แน่นอนว่านี่คือจุดถ่ายภาพที่ต้องบอกว่าอย่าพลาดเชียวนะ แม้ว่าจะมีรถผ่านไปมาอยู่บ้าง แต่เจ้าบ้านส่วนใหญ่จะน่ารัก มักจะชะลอรถให้กับนักท่องเที่ยวอยู่เสมอ และด้วยความที่ไม่ได้เป็นถนนวิ่งสวนเลน ทำให้ลดความอันตรายลงไปได้มาก ดังนั้นเวลาข้ามถนนให้มองทางขวาเอาไว้เป็นหลัก แล้วก็แอ็คชั่นเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกตามสบายได้เลย ขยับเข้ามาที่ตัวอาคาร เราจะเห็นว่าส่วนชั้นล่างจะเป็นตึก มีส่วนโค้งซึ่งเป็นประตูบานใหญ่รวม 4 ช่อง เค้าว่ากันว่าเป็นสถาปัตยกรรมของยุโรป ด้านบนจะเป็นรูปแบบของไทยเรา โดยระเบียงจะมีลายไม้ฉลุลวดลายสวยงามและทาสีขาวไว้อย่างสะดุดตา สังเกตได้ว่าทางสถานีรถไฟลำปางจะดูแลเป็นอย่างดีอยู่เสมอ สมกับที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นอาคารอนุรักษ์ดีเด่น ประเภทอาคารสถาบันและสาธารณะ ประจำปี พ.ศ. 2536 อีกด้วย ไม่แปลกใจที่ใครๆ ก็ยกกล้องแชะรูปกันจนเป็นภาพชินตา จากภาพตามลำดับ เราจะเจอห้องโถงใหญ่ เป็นจุดซื้อตั๋วโดยสาร ซึ่งจะมีทั้งตารางเดินรถ รวมถึงมีป้ายบอกทางไปยังจุดต่าง ๆ อย่างชัดเจน เราเดินมาดูอยู่บ่อย ๆ อยากไปที่ไหนก็จ้องเอาไว้ก่อน เผื่อว่าวันหนึ่งถ้ามีโอกาส เราจะแบ็คแพคแล้วนั่งฟังเสียงรถไฟ ไปเช็คอินจุดหมายปลายทางในฝันกับเค้าบ้างสักที ถัดจากห้องซื้อตั๋ว ก็จะเป็นชานชาลา ตรงจุดที่เรายืนถ่ายภาพตรงนี้ จะมองเห็นเจ้านาฬิกาโบราณเรือนใหญ่ ที่บอกเวลาได้ชัดเจนมาก ป้ายด้านบนบอกว่า “นครลำปาง” สีแดงตัวโตเป็นสง่า เราไม่ได้มองที่ความสวย แต่มันคืออัตลักษณ์ความคลาสสิกของที่นี่ ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป ก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เป็นมุมมหาชนของนักท่องเที่ยวไม่เคยเสื่อมคลาย ยามเย็นถ้ามีเวลาว่าง เรามักจะมาส่งผู้โดยสารที่ไม่รู้จักอยู่เสมอ เค้าอยู่บนรถไฟขาล่อง เรายืนถ่ายภาพอยู่ข้างชานชาลาในจุดที่ปลอดภัย แสงสว่างเริ่มริบหรี่ เพราะพระอาทิตย์ลาลับไปให้แสงสว่างยังที่อื่นแล้ว พนักงานขับรถไฟ ก็จะเปิดไฟที่หัวรถจักรเพื่อให้สัญญาณ แต่เรากลับได้ความสวยงามมาเป็นที่ระลึก ในช่วงที่รถไฟกำลังเคลื่อนผ่าน จะมีรอยยิ้มที่แสดงถึงมิตรภาพมาให้เราสุขใจและจดจำเสมอ รถไฟขบวน 6 โมงเย็นผ่านไปแล้ว ก็เป็นเวลา Free Time ของทุกคน ย้ำ!! ทุกคน ผู้สูงวัยจะออกมาเดินออกกำลังกายรอบแล้วรอบเล่า จนกว่าจะพอใจ พ่อแม่จะพาเด็กน้อยมาวิ่งเล่น บ้างก็ป้อนข้าว ป้อนน้ำกันที่นี่เลย เด็กวัยรุ่นสายชิลล์ จะมาเก็บภาพบรรยากาศคลาสสิกกันจนชินตา มีทั้งมาเป็นคู่ มาเป็นกลุ่ม และสุดท้ายข้าพเจ้าเองนี่แหละที่ ... มาคนเดียว เที่ยวไปเรื่อย ...