แม่กำปอง เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในหุบเขา มีลำธารไหลผ่านหมู่บ้าน ลักษณะของหมู่บ้านและที่พักต่าง ๆ นั่นให้ความรู้สึกถึงการได้พักผ่อนอย่างแท้จริง สำหรับผมที่บ้านอยู่ในกรุงเทพฯ ก็คิดว่านี้อาจจะเป็นความรู้สึกของการได้กลับบ้านต่างจังหวัดแบบที่ใครต่อใครเค้ากลับกัน แม่กำปอง ตั้งอยู่ ในอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ จากที่ได้พูดคุยกับคนในหมู่บ้าน เค้าบอกว่าที่นี้อากาศดีตลอดทั้งปี เย็นสบาย วันที่ 5 ธันวาคม 2019 ช่วงเวลาที่อากาศในกรุงเทพฯก็กำลังหนาว ผมมีความคิดขึ้นมาทันทีว่ากรุงเทพฯขนาดนี้ ภาคเหนือจะขนาดไหน หลังจากที่คิดเสร็จผมใช้เวลาตัดสินใจประมาณ 30 นาที ไม่ผิดครับ 30 นาทีจริง ๆ ผมเก็บกระเป๋าแล้วก็ไปหมอชิตทันที โชคดีที่ผมไปถึง 20:30 น. รถกำลังจะออกและเหลือที่นั่งที่เดียวพอดี ผมจ่ายค่ารถไป 617 บาท รถออก 20:40 น. เวลาประมาณ 7:00 น. ผมมาถึงที่ขนส่งเชียงใหม่(อาเขต) เป็นครั้งแรกที่ผมมาเชียงใหม่ และก็ไม่ได้วางแผนอะไรเลย ผมจะต้องไปที่ตำบลห้วยแก้ว อำเภอแม่ออน เพื่อจะไปให้ถึงแม่กำปอง วิธีที่สะดวกที่สุดสำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวคือนั่งรถสองแถวสีแดงไปที่"ตลาดวโรรส(กาดหลวง)"ขึ้นที่หน้าขนส่งได้เลยราคา 30 บาทต่อท่าน และเมื่อมาถึงตลาดวโรรสแล้ว เราจะนั่งรถตู่ต่อไปที่แม่กำปองเลย ส่วนรถตู่นั่นจะต้องจองผ่านเพจโดยตรงเท่านั่น สามารถเข้าไปจองได้ที่เพจเฟสบุ๊คชื้อ "รถตู้น้ำพุร้อนสันกำแพง Van transpot to San Kamphaeng Hot Springs" การจองก็จองได้เลยทั้งไปและกลับ รวม 300 บาท จริง ๆ หากใครสะดวกเช่ารถมอเตอร์ไซขับมาก็ได้ครับ แต่ต้องขับรถแข็งพอสมควรนะครับ เพราะทางที่นี้ขึ้นเขาลงเขาพอสมควรเลยครับ ใช้เวลาไม่นานผมก็มาถึง แม่กำปอง สัมผัสแรกคืออากาศที่อุ่น แสงแดด ปะทะกับลมหนาว เวลานี้อุณหภูมิก็ราวๆ 16-17 องศา ช่วงที่ผมไปนั่นส่วนใหญ่ที่พักจะเต็มหมด แต่ที่นี้นอกจากอาชีพหลักอย่างการทำเมี่ยง กาแฟ และชา แล้วก็ยังมีโฮมสเตย์ ที่เราสามารถเดินเลือกได้เลย หากใครที่มีเวลาวางแผนเราสามรถเลือกโฮมสเตย์ติดริมลำธารสวย ๆ ได้เลย ส่วนผมในครั้งนี้ขอใกล้ชิดกับคนที่นี้นิดนึง จึงเดินมาเจอที่พักชื้อว่า"นิว กับ ดิว" คาพัก 500 บาท ต่อคน ที่นี้เก็บค่าเข้าพักเป็นรายคนเพราะส่วนหนึ่งในค่าเข้าพัก จะเข้าหมู่บ้านด้วย เนื่องจากระบบโฮมสเตย์ที่นี่ถูกพัฒนาโดย"พ่อหลวง"ด้วยการเปลี่ยนแนวความคิดจากการพึ่งพารัฐมาพึ่งพาตนเอง เนื่องจากที่นี้จะขึ้นชื้อด้านกาแฟ เราจึงเห็นคาเฟ่ ร้านกาแฟ ร้านอาหารมากมายที่ให้บรรยกาศไม่เหมือนที่ไหนแน่นอนรับรองว่าสายกินจะต้องถูกใจสิ่งนี้แน่นอน ราคาก็ถือว่าไม่แพงครับถ้าเทียบกับบรรยกาศที่ได้ นอกจากร้านคาเฟ่สวย ๆ แล้ว ใจกลางหมู่บ้านก็มีวัดแม่กำปอง เป็นวัดสำคัญของหมู่บ้าน ด้านล่างของวัดมีอุโบสถกลางน้ำที่ตั้งขวางลำธารอยู่ ด้วยอากาศอุ่น ๆ กับความเงียบสงบ ที่มีเพียงแค่เสียงน้ำจากลำธาร นี้แหละครับคือความสงบทางใจของแท้ และนอกจากการชมวิถีชีวิตของหมู่บ้านแล้ว ก็มีสถานที่ท่องเที่ยงที่สามารดูทะเลหมอก และพระอาทิตย์ขึ้นได้ ก็คือ"กิ่วผิ่น" หรือดอยล้าน ตั้งอยู่ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ จซ. 7 ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง มีความสูง 1,517 เมตร สามารถขึ้นได้จากทั้งจังหวัดลำปาง และเชียงใหม่ ในหมู่บ้านแม่กำปองก็จะมีบริการจากชาวบ้านเป็นรถกระบะพาขึ้นไป โฮมสเตย์ที่ผมไปพักนั่นก็มีบริการพาขึ้นไปเช่นกันครับ จ่ายเพิ่มแค่ 100 บาท เท่านั่น ชมพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จก็ลงมาหากาแฟดื่มหน้าอุทยานแห่งชาติ เตรียมกลับที่พัก ผมรู้สึกเสียดายนิดๆเนื่องจากผมไม่ได้วางแผนอะไรมาเลย จึงทำให้ผมมีเวลาอยู่ที่นี้เพียงแค่ 2 วัน 1 คืน เท่านั่น แต่ขนาดผมมีเวลาแค่นี้ผมยังรู้สึกอิ่มเอมในทุกช่วงเวลา และเสียดายที่รู้ว่าต้องกลับแล้ว นี้แหละครับ "แม่กำปอง"