อื่นๆ

ทับทางหลอน

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ทับทางหลอน

ผมเป็นคุณครูสอนโรงเรียนในระดับมัธยมครับ ผมสอนวิชาวิทยาศาสตร์ จึงทำให้ผมเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องภูตผีหรือเรื่องวิญญาณ หากใครเล่าเรื่องผีหรือไปได้ยินใครเล่าหรือพูดถึง ผมเองมักจะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไร้สาระหรือเป็นนิทานหลอกเด็ก

จนวันนึง ผมได้เจอกับประสบการณ์ ที่ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ของผมไม่สามารถอธิบายได้ ผมถึงได้ฉุกคิดขึ้นมาว่า หรือว่าชีวิตหลังความตาย ภูตผีวิญญาณนั้นจะมีอยู่จริง

ถนนภาพโดย Larisa Koshkina จาก Pixabay

ในแต่ละปี กระทรวงศึกษาธิการ จัดส่งเสริมให้นักเรียนได้มีการแสดงออกและพัฒนาความรู้ ทั้งในด้านของวิชาการ รวมถึงทักษะในการประกอบอาชีพในอนาคตของเด็ก ทางโรงเรียนจึง ส่งเด็กนักเรียนเข้าร่วมประกวดทักษะวิชาการ ผมในฐานะของอาจารย์ประจำวิชา จึงต้องรับผิดชอบในการดูแลนักเรียน ตลอดจนจบช่วงการแข่งขันจากจังหวัดเชียงใหม่ ต้องไปแข่งขันที่จังหวัดกรุงเทพฯใช้เวลาแข่งขัน 1 สัปดาห์ ทุกอย่างนั้นผ่านไปด้วยดี ผมส่งเด็กนักเรียนขึ้นรถ ส่วนตัวผมเองนั้นยังต้องอยู่ต่อ ที่กรุงเทพฯ เพราะยังต้องทำธุระของที่บ้าน และต้องขับรถกลับระหว่างกรุงเทพฯไปเชียงใหม่เอง เนื่องจากต้องการนำรถไปใช้ที่จ.เชียงใหม่และไปใช้โรงเรียนด้วย

Advertisement

Advertisement

ถนนภาพโดย Jiří Rotrekl จาก Pixabay

ผมออกจากกรุงเทพฯช่วงเวลาตอนสายของวันเสาร์เพื่อที่กะว่าน่าจะไปถึงเชียงใหม่ประมาณช่วงค่ำแล้วพักผ่อนวันอาทิตย์ 1 วันและจะได้ไปสอนในช่วงของวันจันทร์ ผมขับรถมาตามปกติโดยใช้ความเร็วที่ไม่มากนัก เนื่องจากไม่แน่ใจในเครื่องยนต์ของรถกระบะที่ทางบ้านให้นำไปใช้ ทำให้ทำเวลาในการขับได้ไม่ดีนัก ผมไม่แน่ใจว่าอยู่อำเภอไหนของจังหวัดพิษณุโลก ประกอบกับในช่วงฤดูหนาวทำให้ฟ้ามืดค่อนข้างเร็ว ตอนนี้อากาศข้างนอกร้อนข้างเย็น ผมรู้สึกหิว จึงแวะทานอาหารและเติมน้ำมันรถบริเวณปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ผมรู้สึกอาการคั่นเนื้อคั่นตัว เลยแวะซื้อยาแก้ไข้มากินและขับต่อ ผมขับจนมาถึงเขตจังหวัดลำปาง อีกเพียงไม่กี่กิโลเมตรก็จะถึงจังหวัดเชียงใหม่แล้ว แต่ว่าผมรู้สึกง่วง น่าจะเป็นผลพวงมาจากการกินยาแก้ไข้ และอาการไข้ขึ้นเพราะอากาศเปลี่ยน

Advertisement

Advertisement

ผมเลยคิดที่จะจอดรถข้างทางแล้วงีบหลับสักตื่นจากนั้นจึงเดินทางต่อ เนื่องจากบริเวณนี้มีแต่ทางโค้ง และทางชัน จึงคิดว่าไม่น่าจะเป็นการดีถ้ายังฝืนขับต่อไป

ผมเลือกที่จะจอดรถใต้ต้นไม้ใหญ่ริมถนน ด้านหลังเป็นเหมือนลานปัํ๊มน้ำมันเก่าที่เลิกกิจการแล้ว ใกล้ๆกันนั้นเป็นร้านรับปะยางรถยนต์ ผมเห็นแต่ป้าย แต่ไม่เห็นคนหรือเจ้าของร้านอยู่ มีแต่แสงไฟสลัวสลัวจากเสาไฟฟ้าที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 200 เมตร ผมแง้มกระจกลงเล็กน้อยเพื่อให้อากาศถ่ายเทแล้วจึงเอนหลังนอน

ผมหลับไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบมีเสียงคนเคาะกระจก ผมลืมตาตื่นขึ้นมา แต่ก็มองไม่เห็นใครเลย เปิดกระจกดูเห็นแต่ด้านหลังของคนขับรถมอเตอร์ไซค์ แล้วขับผ่านไป ผมมองนาฬิกาข้อมือตัวเองเวลาเกือบ 5 ทุ่ม และถามตัวเองว่านี่นอนนานขนาดนี้เลยหรอ เพราะจำได้ว่าตอนที่เข้าปั๊มนั้นมันแค่ประมาณ 18:00 นเกือบ 19:00 นใช้เวลานอน 3-4 ชั่วโมงเลย แต่อาการไข้ของผมก็ไม่ได้ดีขึ้น อาการเพลียยังมีอยู่ จึงคิดว่าน่าจะนอนต่อ อีกสักนิด ผมหลับตาลงได้ไม่ถึง 2 นาที ได้ยินเสียงคนเคาะกระจกเหมือนเดิม แต่ตอนนี้เริ่มได้ยินอีกฝั่งนึง ทั้งฝั่งที่ผมขับอยู่และฝังข้างคนขับ เนื่องจากผมเอนเบาะนอน ระดับสายตาของผมจึงอยู่ตรงกระจกด้านข้างพอดี ผมพยายามที่จะลืมตา เพื่อมองหาที่มาของเสียง แต่ใช้ความพยายามเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถลืมตาขึ้นได้

Advertisement

Advertisement

ผมสะดุ้งขึ้นเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ของตัวเอง ที่บ้านที่กรุงเทพฯโทรมาสอบถามว่าถึงไหนแล้ว เพราะว่าแม่ผมโทรหาผมเข้าเบอร์โทรศัพท์บ้านที่เชียงใหม่ไม่มีคนรับสาย ผมบอกแม่ว่าผมค้างที่ลำปาง 1 คืน เลยยังไม่ได้เข้าเชียงใหม่คืนนี้ เพราะไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง ผมตัดสินใจเดินออกมานอกรถ แล้วมองหาว่าเสียงที่ได้ยินนั้นเกิดจากอะไร ผมเห็นกิ่งไม้ แห้ง เลยคิดว่าเสียงเคาะกระจกที่ผมได้ยินนั้นน่าจะเป็นเสียงพวกใบไม้แห้งกิ่งไม้แห้งร่วงลงมากระทบกับตัวรถ เลยไม่ได้คิดอะไรต่อจากนั้น

ผมพยายามมองออกไปให้ไกลเพื่อมองหารีสอร์ท หรือคิดว่าเผื่อบางทีแถวนี้อาจจะมีห้องเช่ารายวันเล็กๆที่พอจะนอนค้างคืนได้ แต่ก็พบว่าเป็นทุ่งนาเวิ้ง สุดหูสุดตา มีเพียงบ้านเรือนไม่กี่หลังโผล่ขึ้นมาในระดับสายตามองเห็น อากาศข้างนอกค่อนข้างเย็นมากผมรู้สึกถึงความชาบริเวณใบหน้าและมือ ตอนนี้ผมเข้ามาอยู่ในรถ ปรับเบาะจากเอนสุดเป็นกึ่งนอนกิ่งนั่ง แล้วเอนตัวลงนอน กำลังจะเคลิ้ม ยังไม่ทันที่ผมจะหลับตาได้สนิท เสียงเคาะกระจกก็ดังขึ้น เริ่มจากฝั่งใกล้ตัวผมก่อน จากนั้นฝั่งที่นั่งข้างคนขับ แต่รอบนี้เสียงไม่หยุดแค่นี้ เสียงเคาะรอบรถผมทั้งคันก็ดังขึ้นเป็นจังหวะต่อเนื่อง ผมรู้สึกถึงเสียงเต้นของหัวใจว่ากำลังเต้นเหมือนจะหลุดออกมา ตอนนี้เสียงหัวใจเต้นและเสียงเคาะกระจกรอบรถที่ผมได้ยินดังพอๆกัน ถึงแม้จะลืมตาได้ไม่เต็มที่ แต่หางตาผมพอจะมองเห็นได้ ผมจึงพยายามเพ่งตาเพื่อที่ดูว่ามันคือเสียงอะไรกันแน่ ตอนนี้สิ่งที่ผมเห็นนอกกระจกรถคือ เหงาดำ ตะคุ่มตะคุ่ม ที่บอกชัดเจนไม่ได้ว่าเป็นอะไร คนหรือสัตว์ก็ไม่แน่ใจ แต่สิ่งที่ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นคน คือลักษณะการเคลื่อนตัวนั้นไม่ได้เคลื่อนตัวแบบมนุษย์ที่เดินหรือวิ่ง แต่เหมือนเงาตะคุ่มนั้นค่อยๆเคลื่อนตัวด้วยวิธีการไหลไป และไม่ได้เคลื่อนตัวไปด้านหน้า ที่สำคัญไม่ได้มีแค่เหงาเดียวหรือสองเงา ตอนนี้เหมือนเป็นกลุ่มเงาที่มีมีคนจำนวนมากค่อยๆไหลตัว รอบรถผมตั้งแต่กระจกด้านข้าง มากระจกด้านหน้า และไปถึงฝั่งคนข้างคนขับ วนอยู่อย่างนี้

ตอนนี้ไม่เพียงแต่ว่าผมจะลืมตาไม่ขึ้นเท่านั้น ผมยังขยับร่างกายไม่ได้เลย พยายามเท่าไหร่ก็ไม่สามารถขยับได้ ผมไม่แน่ใจกับสิ่งที่ผมเห็น ว่ามันคืออะไรกันแน่ ผมจึงเริ่มสวดมนต์ อย่างน้อยก็น่าจะทำให้สบายใจขึ้นมาได้ ผมคิดในใจว่าจะฮึดสู้อีกครั้งหนึ่งโดยรวบรวมพลังทั้งหมดที่มี เพื่อที่จะขยับตัว ผมคิดว่าผมใช้แรงพอ ๆ กับคนที่ถูกมัดแล้วดิ้นให้เชือกนั้นหลุด  พอผมขยับตัวได้ ผมกลับมองไม่กลุ่มเงาดำตะคุ่มนั้นอีกแล้ว

ถนน

ผมตัดสินใจออกรถจากจุดเดิม ผมขับได้ไม่ไกลประมาณ 10 ถึง 15 นาทีจากจุดเดิมได้ ก็เห็นพระ เดินบิณฑบาต ผมดูนาฬิกาข้อมือตอนนี้ 5:00 น ผมคิดในใจว่านี่นอนหลับนานขนาดนี้เลยหรอ แปลกใจมากเพราะไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ผมตัดสินใจจอดรถแล้วลงไปใส่บาตรโดยใช้ของที่มีอยู่ในรถน้ำเปล่าและถวายปัจจัยให้ครับท่าน หลวงพ่อถามผมว่าโยมจะไปไหนหรือถึงได้ขับรถมาทางนี้ ผมบอกกับท่านว่าผมกำลังจะขับรถกลับเชียงใหม่ “โยมหลงทางแล้วล่ะเส้นทางนี้ไปเชียงใหม่ไม่ได้ เป็นทางเข้าตำบลอีกตำบลหนึ่ง” อาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อคืนผมกลัว และสับสน วิตกและรีบมากจึงทำให้ผมหลงทางหลวงพ่อบอกเส้นทางกับผม ตอนนี้เช้าแล้วฟ้าสว่าง จึงเห็นทุกอย่างชัดเจน และผมจะต้องขับรถกลับไปทางเดิมที่ผมมา พอมาถึงจุดที่ผมจอดรถนอนเมื่อคืน ผมชะลอดูและสังเกตุบริเวณที่ผมจอดพัก สิ่งที่ผมเห็นคือ ข้างทางที่ผมคิดว่าเป็นทุ่งหญ้านั้น อันที่จริงเป็นตุ่งแดง ปักไว้ประมาณเกือบ 10 อัน พร้อมกระทงอาหารแห้งอาหารคาว น้ำดื่มของหวานที่ใส่ถ้วยวางบนพื่้น ซึ่งตุงแดงนี้เป็นความเชื่อของคนเหนือ จะปักไว้บริเวณที่มีคนเสียชีวิต ผมรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที อาจเป็นเพราะความมืด เลยไม่ทำให้ทันไม่สังเกตว่าตรงที่ผมเอารถไปจอดนั้น เป็นจุดเกิดเหตุ พ่เพราะพื้นถนน ยังมีร่องรอยของการฉีดสเปรย์ ของทางตำรวจในกรณีที่ประสบอุบัติเหตุทางถนนอยู่เลย ดูจากจำนวนตุงแดงที่ปักแล้ว น่าจะเป็นอุบัติเหตุใหญ่ ถึงมีคนเสียชีวิตหลายคน

จากเหตุการณ์วันนั้น ทำให้ผมคิดขึ้นมาว่า เรื่องผีวิญญาณ ไม่ใช่เรื่องไร้สาระอีกต่อไป อย่างน้อยก็ทำให้เราเชื่อเรื่องของเวรกรรม ถ้าเราเชื่อเรื่องของเวรกรรมแล้ว เราก็จะเชื่อในเรื่องของการทำความดีและกลัวการทำชั่วรวมถึงทำให้มีสติในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์