เป็นเหมือนกันไหมคะ? รู้สึกอยากจะไปเที่ยว ไปดื่มด่ำชมธรรมชาติ ไปศึกษาวัฒนธรรมความเป็นอยู่ ไปในที่ที่ไม่เคยไป อยากมีคนถ่ายรูปให้ อยากมีคนตื่นเต้นด้วยเวลาเจอสถานที่สวย ๆ หรือของอร่อย อยากแชร์ความรู้สึกและประสบการณ์ดี ๆ กับใครสักคน แต่ติดที่ว่า...เราดันโสด เวลา 17.00 น. วันศุกร์ ณ หอใน ขณะที่เราและเก๋กำลังฟังรายการ the shock อย่างตั้งใจ ปัง! เสียงเปิดประตูห้องเข้ามา พลอย: เหงา! ขี้เกียจสรุปวิจัยอะ อยากนั่งรถไฟไปลำปาง! Ajji: ไป! เอาแค่เช้าไปเย็นกลับก็พอ เดี๋ยวมาทำงานส่งไม่ทันวันจันทร์ #รออะไรละเก็บของงงงงงงงงงง! เตรียมไปสถานีรถไฟกัน รอบสุดท้าย 2 ทุ่ม แล้วพวกเราสามสามก็เก็บของเสร็จอย่างรวดเร็ว ขณะนั้นเวลาประมาณเกือบ ๆ 6 โมงเย็น มีเวลาที่จะแว๊นมอเตอร์ไซค์ไปสถานีรถไฟเหลือเฟือ แต่เดี๋ยวนะ!!! เหมือนจะลืมอะไรบางอย่างไปหรือเปล่า? แย่แล้วลืมชวนคนเหงาอย่างไมค์เพื่อนรักไปได้ยังไงกัน! Ajji: ฮัลโหลไมค์ มีไรจะบอก ตอนนี้จะไปเที่ยวลำปาง 1 วันกันอะ อยากไปป่ะ? ไปตอนนี้! เดี๋ยวนี้! กำลังจะขี่รถไปที่หอ อาบน้ำเตรียมตัวได้เลย ไมค์: เห้ยยย! .....ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด........ สายตัดไปพร้อมเสียงกร่อนด่าของไมค์ แต่พอมาถึง พบว่ามันเตรียมตัวเสร็จแล้ว// อยากไปจริง ๆ แหละดูออก 5555 ไปค่ะทุกคน วันนี้คนโสดทั้ง 4 กับทริปโสดแล้วจะไปไหนก็ได้ จะพาทุกคนไปเที่ยวลำปาง 1 วันค่ะ คุณโสดหรือเปล่าคะ? ถ้าโสดและเหงา ตามมาเที่ยวกับพวกเราได้เล้ยยยยย ^^ Let's goooooo. แง๊นนนนน! เราทั้ง 4 ขี่มอเตอร์ไซต์จากมอมาที่สถานีรถไฟพิษณุโลกค่ะ ทำการฝากรถเรียบร้อยตกวันละ 10 บาทเท่านั้น หาของกินที่ตลาดนัดใกล้ ๆ จากนั้นก็ไปซื้อตั๋วรถไฟกัน แต่ว่า ช่วงนี้รถไฟฟรีแฮะ! พวกเราต่างพากันยินดีปรีดากับตั๋วฟรี พอได้ขึ้นรถไฟเท่านั้นแหละ! น้ำตาก็หลั่งไหลพรั่งพรูเนื่องจากไม่มีที่นั่งนั่นเองค่าาาาาTT #แนบรูปความน่าสงสารที่ต้องนั่งพื้นหน้าประตูห้องน้ำของเพื่อน หลังจากที่สลับกันนั่งบ้าง ยืนบ้าง จนเวลาผ่านไป 7 ชั่วโมง (เนื่องจากรถจนแวะพักเติมเชื้อเพลิงเลยช้านิดหน่อย) ก็ถึงนครลำปางเป้าหมายของพวกเราแล้วล่ะค่ะ ขณะนี้ก็เป็นเวลา ตีสามมมมมมมม เพลียมาก ๆ พวกเราจึงเดินออกไปหาโรงแรมใกล้ ๆ เพื่อที่จะได้เก็บของและนอนพักสักหน่อย แต่แล้ววว ฝันนั้นก็สลายไปในพริบตา.....เราเดินตามหาโรงแรมใกล้ ๆ ปรากฏว่าโรงแรมในตัวเมืองลำปางนั้นเต็มเกือบทุกโรงแรม เพราะว่าปีนี้จังหวัดลำปางเป็นเจ้าภาพงานศิลปหัตกรรมนักเรียนภาคเหนือนั่นเองค่ะทุกโคนนนนT_T เลยทำให้คณะครูและนักเรียนในเขตจังหวัดภาคเหนือมาจับจองโรงแรมต่าง ๆ เป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว ดังนั้น พวกเราจึง cover เป็น homeless คนไร้บ้านที่มานั่งและนอนพักที่สถานีรถไฟนั่นเองค่ะ สอบถามพี่พนักงานที่สถานีพบว่าจะมีรถสามล้อมาให้บริการตอน 6 โมงเช้า อีกแค่ 3 ชั่วโมงเอง ทนเอาหน่อยนะ! ฮึบ! แต๊ง แต๊ง แต๊ง ขณะนี้เวลา 6 นาฬิกา.....หลังจากนั่งงีบกันที่สถานีก็ถึงเวลาที่พวกเราเข้าไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำสาธารณะ กินข้าวกับต้มเลือดหมูแสนอร่อยที่หน้าสถานี และเตรียมออกไปสำรวจนครลำปางกันนนน ปล.ที่สถานีรถไฟมีแผนที่อำเภอเมืองลำปางด้วยค่ะ พวกเราหยิบมาคนละ 1 แผ่น เป็นความประทับใจแรกเลยค่ะ เพราะว่าแผนที่เป็นการ์ตูนน่ารักมาก และแสดงจุดสำคัญ ๆ ไว้ให้เราเดินตามง่ายอีกด้วย เพราะว่าการเที่ยวครั้งนี้เราจะเดินเป็นส่วนใหญ่นั่นเองค่าาาา คนมันเท่ก็ต้องนั่งรถเท่ ๆ เหมาสามล้อไปจุดหมายแรกกันเลย นั่นก็คืออออออ... วัดศรีชุมชุมชุมชุมชุม! (เสียงแอคโค่) วัดศรีชุม เป็นวัดที่เก่าแก่วัดหนึ่งของจังหวัดลำปางค่ะ มีความพิเศษคือสร้างด้วยไม้ที่แกะสลักอย่างวิจิตร เป็นศิลปะแบบพม่าและมอญ ภายในมีภาพจิตรกรรมด้วยค่ะ มีพระบรมสารีริกธาตุที่เป็นที่เคารพบูชาของคนลำปางมาอย่างยาวนาน เป็นวัดพม่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเลยนะคะ Ajji ก็ไปมานานแล้ว หลงลืมรายละเอียดไปบ้าง หากเพื่อนอย่างรู้ข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถมาสัมผัสและชมความงามด้วยตัวเองได้เลยน้าาา จากนั้นเราก็เดินเที่ยวไปอีก 2-3 วัดค่ะ อยู่ติด ๆ กันเลย เดินไปชมอาคารบ้านเรือนที่มีเอกลักษณ์ของคนเหนือไป ตรงไหนสวยก็แวะถ่ายรูป ภาพนี้ไมค์บอกว่า "เบา ๆ หน่อย นั่นพระนอน" // ขำล่ะสิ ความประทับใจที่ 2 ที่ Ajji ชอบมาก นั่นก็คือ ไม่ว่าจะไปที่ไหนเขาจะมีข้อมูลให้เราอ่านเกี่ยวกับสถานที่นั้น ๆ ค่ะ เป็นบอร์ดไม้ใหญ่ ๆ สวย ๆ และมีกระจกปิดอย่างดี เป็นเมืองที่เหมาะกับการเรียนรู้ด้วยตัวเองมาก ๆ นอกจากนี้เขายังมี QR code ให้เราแสกนอ่านได้ทุกที่ เพราะแต่ละที่ มีที่มาที่ไปที่น่าสนใจมากนั่นเองค่ะ ชอบมาก ๆ อ่านเพลินเลย เขาว่ากันว่า ชื่อเสียงที่โด่งดังของจังหวัดลำปางคือรถม้า ถ้าเราไม่ไปดูไปนั่งก็ถือว่ายังมาไม่ถึงใช่ไหมล่าาาา ป่ะ! เดินเท้าตามล่าหาความรู้เรื่องรถม้ากัน ซะที่ไหนล่ะ! ต้องบอกว่าเฟลขั้นสุด เพราะว่าวันที่เราไปสมาคมรถม้าปิดค่ะTT ได้ดูม้าอยู่ห่าง ๆ นอกรั้ว แต่ยังโชคดีที่เราสามารถอ่านข้อมูลด้านหน้าสมาคมได้ ดีจริง ๆ เลยยยยยย// แต่ยังแอบเสียดายนิดนึงนะคะเนี่ย ไม่เป็นไร เราเดินทางไปต่อที่บ้านเสานักกันดีกว่าาาา ทำไมถึงเรียกว่าเสานัก เรามีคำตอบให้ทุกคนที่สงสัยค่ะ// ใครสงสัยนะ? ไม่หรอก เราอยากบอก55555 ที่เรียกว่าบ้านเสานัก เพราะเสามันเยอะมาก ๆ นั่นเองค่ะ มีเสากว่า100 ต้น (คำว่านักของคนเหนือ=เยอะ) ซึ่งบ้านเสานักเป็นบ้านไม้สักที่อายุกว่า 100 ปีเลยทีเดียว ซึ่งตัวบ้านเป็นศิลปะพม่าผสมล้านนาค่ะ ในสมัยก่อนบ้านหลังนี้มีไว้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง เมื่อเก่าแก่ขนาดนี้จึงมีของโบราณต่าง ๆ ให้เราได้ดูได้ศึกษา แต่ว่าที่นี่มีค่าเข้าชมด้วยนะคะ คนไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท แต่ถ้าหากว่าทางโรงเรียนอยากติดต่อพานักเรียนไปทัศนศึกษาก็จะลดราคาพิเศษให้ค่ะ เปิดทำการทุกวัน เวลา 10 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นค่าาา อากาศช่วงกลางวันร้อนมากจริง ๆ ไปแวะหาอะไรเย็น ๆ ดื่มแล้วไปต่อกันที่สะพานรัษฎาภิเศกที่กาดกองต้าค่าาาา ปล.ต้องบอกว่าเราไปกันตอนเช้า ทำให้ไม่ได้เดินตลาดกาดกองต้าค่ะ //ร่ำร้องง สะพานรัษฎาภิเศก เป็นสะพานที่สร้างขึ้นในสมัยของเจ้านครลำปางองค์สุดท้ายค่ะ (ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5) ว่ากันว่าในสมัยนั้นเป็นสะพานไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเชียวนะคะ สะพานนี้อายุ 100 ปีแล้วค่ะทุกคน จนตอนนี้ก็เกือบจะเที่ยงแล้วค่ะ พวกเราเริ่มเหนื่อยและหิวโหย จึงเดินกันไปที่ตลาดสด "แม่เมาะจ้า แม่เมาะ อีก10นาทีรถจะออกละจ้า" เสียงป้าคนหนึ่งตะโกนเรียกผู้โดยสารขณะที่เรากำลังซื้อขนมกันอยู่ เรา 4 คนมองหน้ากันแล้วยิ้ม เรา 3 คนลากพลอยไปที่รถตู้ทันทีโดยไม่ถามความสมัครใจใด ๆ ต้องบอกว่าป้าคนขับรถใจดีมาก ๆ พอรู้ว่าเราเป็นคนต่างถิ่น ป้าก็ชวนคุย เล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟัง คุยกันถูกคอ พอมาถึงแม่เมาะป้าก็บอกกับพวกเราว่า ป้า: รถตู้ลงจากแม่เมาะรอบสุดท้ายคือ 4 โมงเย็นนะลูก แต่ถ้าพวกหนูอยากเที่ยวนานหน่อย ก็โทรมาหาป้าเดี๋ยวป้าขึ้นมารับ//พร้อมจดเบอร์โทรให้ นี่คือความประทับใจที่ 3 คนที่นี่ยิ้มแย้มและใจดีมาก ๆ เมื่อมาถึงเราก็หาอะไรกินเป็นมื้อกลางวัน ด้วยความสงสารพลอยพวกเราจึงขอแวะนอนสักงีบ บนพื้นหญ้าแม่เมาะนี่แหละ! ไมค์เสียสละผ้าห่มสุดหวงเป็นผ้าปูนอน ส่วน Ajji ก็เสียสละผ้าห่มสุดรักให้เพื่อหนุนนอนกัน เห้อออ! ได้พักขาเสียที งีบสักชั่วโมงก็แล้วกันนนนZzz ------------------------------------------------- 1 ชั่วโมงผ่านไปไวเหมือนโกหก------------------------------------------------------- เอาล่ะทุกคน ไปเดินดูเหมืองแม่เมาะกันดีกว่า บริเวณที่เรายืนอยู่เป็นสนามกอล์ฟขนาดใหญ่มาก ๆ ค่ะ ถัดไปอีกนิดจะเป็นที่เล่นสไลด์เดอร์ที่เด็ก ๆ ชื่นชอบเป็นเนินกว้าง ๆ ชัน ๆ หน่อย แค่มีแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดก็ลงเล่นได้เลยค่ะ ไม่เสียเงินด้วย หากมองลงไปเราจะเห็นเหมืองถ่านหินที่เอาไว้ผลิตไฟฟ้าด้วยค่ะ ซึ่งเราเรียกว่าโรงไฟฟ้าแม่เมาะที่ควบคุมดูแลโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตนั่นเอง ส่วนบรรยากาศโดยร่วมร่มรื่นและเย็นสบายมาก ๆ เราก็เดินดู ชมนกชมไม้ ชมธรรมชาติ ชมของต่าง ๆ ที่เขาจัดแสดงไว้ จนเวลา 5 โมงเย็นเราก็โทรหาคุณป้าคนขับรถตู้ให้มารับพวกเรากลับสู่พื้นราบ ปล.เราได้ขึ้นไปดูทุ่งดอกคอสมอสด้วยนะ แต่ว่ามันโรยไปหมด ประกอบกับแบตกล้องก็ใกล้หมดเช่นกันเลยไม่ได้ถ่ายรูปมาฝากทุกคนTT คุณป้าสุดใจดีก็มาส่งเราที่สถานีรถไฟแม่เมาะ เพื่อที่จะเดินทางกลับพิษณุโลกค่ะ พอเราถึงก็ทำการซื้อตั๋วรถไฟ และรอเวลา ระหว่างนั้นนายสถานีแนะนำว่าให้ทานข้าวก่อนได้เลยเพราะกว่ารถไฟจะมาก็นานอยู่ เราจึงเดินเข้าไปที่หมู่บ้านเพื่อซื้อข้าวกล่อง และครั้งนี้เองที่ทำให้พวกเรารู้จักเมนู "ส้มตำทอด" เป็นครั้งแรก 555555 ซึ่งมันอร่อยมากกกกก อยากให้ทุกคนได้ลอง :) ปล. ไม่ได้ถ่ายรูปไว้จริง ๆ ค่ะ TT เพราะแบตกล้องหมดแล้ว นั่งย่อยได้สักพัก รถไฟจากเชียงใหม่ก็มาถึงสถานีแม่เมาะเพื่อพาคนโสดทั้ง 4 กลับพิษณุโลก เพื่อชดใช้กรรมที่ทำไว้ นั่นคือ ย่อและparaphase วิจัยฉบับเต็มให้เหลือไม่เกินกระดาษ A4 จำนวน 1 หน้าครึ่ง// ท้อแท้ที่สุด อ่านเป็น 10 รอบก็ยังย่อให้เหลือแค่หน้าครึ่งไม่ได้ อาจารย์ใจร้ายยยยยยY_Y แต่ว่าครั้งนี้เป็นการเดินทางที่สนุกจริง ๆ นี่แหละการเที่ยวที่เราชอบ เรารู้สึกว่าการได้เดินศึกษาสิ่งต่าง ๆ ไปสัมผัสและเรียนรู้บางอย่างอย่างจริงจัง มันสนุกมาก ดีกว่าแวะเที่ยวถ่ายรูปเฉย ๆ แค่ 5 นาที 10 นาทีเหมือนทัวร์ชะโงกเป็นไหน ๆ การได้เข้าไปศึกษาและดื่มด่ำบรรยากาศเป็นเป็นความทรงจำที่มีคุณค่ามาก ๆ สำหรับเรา การไปเที่ยวโดยมีเพื่อนที่ชอบอะไร ๆ เหมือนกัน ยิ่งทำให้การเที่ยวแต่ละที่มันสนุกมากกว่าเดิมหลายเท่า เพื่อน ๆ ก็ลองหาเพื่อนรู้ใจในการเดินทางท่องเที่ยวดูนะคะ มันดีมาก ๆ เลยแหละ ใครว่าคนโสดจะมีความสุขกับการท่องเที่ยวไม่ได้? แล้วเธออะโสดไหม? ไปเที่ยวกับพวกเราเปล่า? ^^ ภาพปกและภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียน <3