อื่นๆ

หมู่บ้านที่ไม่มีวันหาเจอ

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
หมู่บ้านที่ไม่มีวันหาเจอ

โลกคู่ขนาน โลกวิญญาน นรก สวรรค์  อันที่จริงอาจอยู่ใกล้เรามากเพียงแค่เส้นผมหรือกระจกบางๆ กั้นไว้เท่านั้นเอง

เรื่องนี้"ป้าศรี"แก่เป็นคนเล่าให้ฟัง  เมื่อสามหกสิบกว่าปีที่แล้วที่ไฟฟ้ายังเข้ามาไม่ถึงชนบทมากนัก การคมนาคมก็ไม่ได้สะดวกบายเหมือนสมัยนี้  ถนนหนทางระหว่างเชียงใหม่เชียงรายังคดเคี้ยวแถมยังเป็นถนนลูกรังขรุขระอยู่เลย  ป้าศรี "ยายมา" และ "ตาหมึก" ทั้งสามเดินทางจากเชียงใหม่และเชียงราย เพื่อซื้อขายพืชผักสวนครัวอยู่เสมอด้วยรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่  เกือบทุกวันแต่เช้าทั้งสามก็จะต้องออกดินทางจากเชียงรายมาเชียงใหม่เพื่อขายพืชผัก และขนปุ๋ยขนยากลับไปเชียงรายเพื่อไปส่งให้ร้านค้า แต่ไม่เคยมีเที่ยวไหนที่วิ่งรถเปล่าเลยซักครั้งจนกระทั่งวันหนึ่ง  ทั้งสามขายผักหมดช้าแต่ก็ต้องขนปุ๋ยกลับเชียงรายต่อ  "คืนนั้นเป็นคืนที่พระจันทร์สว่างมาก ออกจากเชียงใหม่ก็เกือบทุ่มได้  สมัยก่อนนั้นทุ่มหนึ่งนี้ก็ค่ำแล้ว" ป้าศรีบอก "หนทางระหว่างเชียงใหม่กับเชียงรายนั้นมีแต่ป่าและเหว  มองไปทางไหนก็สลัวๆ ด้วยแสงจันทร์  ทางข้างหน้าทั้งขึ้นเขาทั้งชัน  บางช่วงลงเขาก็ดิ่งลงเหมือนใจจะขาด" ป้าศรีคุยต่อ ขับไปถึงครึ่งทางได้ รถเจ้ากรรมดันขึ้นเขาไม่ไหว เพราะวันนี้บรรทุกปุ๋ยมาซะเต็มคัน เพราะแน่แล้วว่าพรุ่งนี้อาจจะหยุดพักซักวันหนึ่ง  ตาหมึกบอกยายมาและป้าศรีว่า "รถขึ้นเขาไม่ไหว ให้ไปหาก้อนหินมาหนุนหน่อย" ป้าศรีและยายมาจึงลงรถและไปมองหาก้อนหิน ระหว่างนั้นเอง  ก็มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งเดินมาถามว่า "ให้ช่วยอะไรไหม"  ยายมาและป้าศรีจึงบอกชายคนนั้นให้ช่วยหาก้อนหินไปหนุนล้อรถให้หน่อย  ชายคนนั้นเดินไปสักครู่ก็กลับมาพร้อมหินก้อนพอเหมาะสองก้อน ทั้งยายมาและป้าศรีจึงรีบเอาไปหนุนล้อให้ตาหมึก พอรถขึ้นพ้นเนินก็มีเวิ้งให้สามารถจอดพักรถได้ ทั้งยายมาและป้าศรีก็ขอบอกขอบใจคนแปลกหน้าเป็นการใหญ่ และได้สอบถามไปว่า "หนุ่มอยู่แถวนี้หรอ" ชายแปลกหน้าพยักหน้าและตอบว่า "ครับ  บ้านผมอยู่หลังแนวป่านี้แหละ  ไม่พักดื่มน้ำดื่มท่าบ้านผมก่อนก็ได้ แต่ต้องเดินไปนะครับ" ทั้งสามมองหน้ากัน แต่ก็ตกลงไปที่หมู่บ้านกับชายแปลกหน้าคนนั้น  ทางเข้าหมู่บ้านนี้ไม่กว้างมากพอเป็นทางที่รถมอเตอร์ไซด์เข้าไปได้เท่านั้น เดินเข้าหมู่บ้านไปก็เจอตลาด  เนื่องจากไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไรแล้ว  ทุกคนต่างคิดว่าเค้าคงตั้งตลาดเช้ากันแล้ว  ในตลาดก็มีพ่อค้าแม่ค้าขายผักไม้บ้าง ขายกับข้าวบ้าง  เดินออกไปก็เจอชาวบ้านเริ่มหุงหาอาหารกัน  บ้างซักผ้า  บ้างเลี้ยงลูก  เดินไปถึงบ้านชายแปลกหน้า ก็เป็นเรือนไม้เหมือนเราๆนี้แหละพอดื่มน้ำดื่มท่าเสร็จก็พากันบอกลาขอตัวกลับบ้านกันเพราะเกรงว่าจะเช้าแล้ว  ชายเเปลกหน้าเดินออกมาส่งถึงที่รถ และต่างแยกย้ายกัน  ทุกคนกลับถึงเชียงรายโดยสวัสดิภาพ   กลับมาถึงบ้านก็ยังคงมืดอยู่มองดูเวลาก็น่าจะเพิ่งตีสามตีสี่  แต่เมื่อกี้ตอนอยู่ในบ้านชายแปลกหน้าคนนั้นมันเหมือนจะเช้าแล้ว  ทุกคนต่างพากันอาบน้ำพักผ่อนจนถึงสายอีกวันหนึ่ง  ต่างคุยกันว่าถ้าพรุ่งนี้ไปเชียงใหม่อีกครั้งจะเเวะเอาผักที่สวนไปฝากหนุ่มชาวป่าคนนั้น  พอวันรุ่งขึ้นวันนี้ป้าศรี,ตาหมึกและยายมา ตกลงกันว่าจะออกเดินทางสายๆหน่อยเพราะจะต้องแวะเข้าไปหมู่บ้านนั้น  ทั้งสามออกเดินทางจนถึงเวิ้งที่สามารถจอดรถได้ระหว่างทางนั้น  เดินตามแนวต้นไม้เข้าไปในป่า  นึกว่าจะเจอหมู่บ้าน  แต่สิ่งที่ทั้งสามเจอกลับเป็นพื้นที่โล่ง ๆ มีต้นไม้ขึ้นเป็นแนวไว้เท่านั้น ไม่มีบ้านสักหลังหรือเสาสักต้น  ทั้งสามจึงกลับไปที่รถและรีบออกเดินทางกลับ  ไม่ไปแล้วเชียงใหม่วันนี้ ทั้งสามกลับบ้านพิจารณาถึงสิ่งที่เจอ และไปถามหลวงตาที่วัด  ท่านบอกว่า "บุญยังดีที่เค้ามาช่วยไว้" .....

Advertisement

Advertisement

เอาจริงๆ แล้ว  เส้นทางนั้นก็มีเรื่องเล่าประมาณนี้อยู่บ่อยๆ ส่วนตัวเราคิดว่าน่าจะเป็นโลกคู่ขนานมากกว่า  บางที่เราอาจจะเดินสวนกับใครในที่เดียวกันนี้โดยที่เราไม่รู้ไม่เห็นเขาด้วยซ้ำไป

Advertisement

Advertisement

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์