เวลาเข้าร้านหนังสือ นอกจากจะฝังตัวอยู่ที่แผงหนังสือหมวดประวัติศาสตร์และวรรณกรรมแล้ว ก็มีหมวดธรรมะนี่แหละที่เป็นด่านสุดท้ายก่อนออกจากร้าน ผมมักจะมองหาหนังสือแนวประยุกต์หลักธรรมร่วมสมัยและบูรณาการเข้ากับศาสตร์สมัยใหม่อยู่เสมอ และมีพระเพียงไม่กี่รูปที่เขียนแล้วอ่านเข้าใจทันที หนึ่งในนั้นก็คือ พระเมธีวชิโรดม หรือพระมหาวุฒิชัย ว.วชิรเมธี นั่นเองเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ผมได้หนังสือมาเล่มหนึ่ง ไม่ใช่ว่าไปซื้อมาจากร้านไหนหรอกนะครับ เพื่อนไปทำบุญที่วัด พระท่านให้มาเป็นที่ระลึก ก็เลยเอามาให้ผมอ่านก่อน พร้อมกำชับว่า “อ่านจบแล้ว ช่วยบอกหน่อยนะท่านเขียนว่ายังไง”หนังสือเล่มนั้นชื่อว่า “กราบได้สนิทใจ” เป็นหนังสือที่ พระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี) ซึ่งได้รับการยอมรับและยกย่องให้เป็นพระนักปราชญ์แห่งยุคสมัยรูปหนึ่งของไทย ท่านเขียนขึ้นเพื่อใช้เป็นบทรายการโทรทัศน์ของช่อง 7 ก่อนจะเอามารวบรวมและเรียบเรียงเป็นรูปเล่มขึ้นมาอีกครั้งเนื้อหาโดยรวมจึงเป็นการนำเอา “คมวาทะ” ของพระอริยสงฆ์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ในสายตาของท่านมาบอกเล่าผ่านงานเขียนเล่มนี้ โดยมีพระทั้งหมด 7 รูป ได้แก่ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร, สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ประยุทธ์ ปยุตฺโต), ท่านพุทธทาสภิกขุ, หลวงพ่อปัญญานันทะ, พระเทพวิทยาคมหรือหลวงพ่อคูณ, พระธรรมราชานุวัตร และพระเทพสิทธินายกผู้เขียนได้กล่าวถึงคุณสมบัติ ทั้งองค์ความรู้และจริยวัตรของพระอริยสงฆ์ทั้ง 7 รูป ว่าเป็นตัวอย่างต้นแบบของบุคคลที่เป็นปราชญ์ เป็นผู้บริหาร ผู้ปกครองและผู้นำระดับสูงของชาวพุทธและประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ทำให้ท่านเหล่านั้นได้มาอยู่ ณ จุดที่คนมองเห็นท่านแล้วเข้าใจแล้วว่า ท่านคือใครและทำอะไรมาบ้างเริ่มต้นที่รูปที่ 1 สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวรพระองค์เป็นพระสายปฏิบัติหรือพระป่าในเมืองที่มีจริยาวัตรงดงาม เสมอต้นเสมอปลายจนได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครองคณะสงฆ์ชั้นสูงสุด รูปที่ 2 สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ท่านเป็นพระนักวิชาการด้านพุทธศาสนาระดับโลก แตกฉานในพระไตรปิฎกเขียนงานวิชาการต่างๆตีพิมพ์เป็นภาษาต่าง ๆ ไปทั่วโลก เช่น พุทธธรรม รูปที่ 3 ท่านพุทธทาสเป็นปราชญ์ทางพุทธศาสนาที่นำธรรมะระดับโลกุตตระและคำสอนแบบสานสัมพันธ์กับนานาศาสนามาสื่อสารให้เข้าง่าย จึงถูกขนานนามว่า “นาคารชุนแห่งเถรวาท” รูปที่ 4 หลวงพ่อคูณ ท่านเป็นพระนักสังคมสงเคราะห์ เข้าถึงชีวิตจิตใจชาวบ้าน มีเมตตาการุณย์ช่วยเหลือเกื้อกูลเต็มที่จนได้รับการขนานนามว่า “เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด” รูปที่ 5 หลวงพ่อปัญญานันทะ ท่านเป็นพระนักเทศน์ นักเผยแผ่และนักสื่อธรรมะที่อันดับต้นของประเทศ รูปที่ 6 พระธรรมราชานุวัตร ท่านเป็นนักปราชญ์ของล้านนาเชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ล้านนาและวิถีวัฒนธรรมล้านนามาก สุดท้ายคือรูปที่ 7 พระเทพสิทธินายก รูปนี้ท่านเป็นครูบาอาจารย์ของพระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี) ตั้งแต่เป็นสามเณร ท่านเป็นพระสายการศึกษาสายบริหารที่พูดจริงทำจริง มุ่งมั่นในการพัฒนาพระภิกษุสามเณรให้ต่อยอดสืบต่องานพระศาสนาด้วยการศึกษาภาษาบาลีพออ่านจบ ผมพบว่า ผู้เขียนได้สถาปนาความเป็นพระอริยสงฆ์ให้กับพระมหาเถระทั้ง 7 รูปด้วยความเคารพและศรัทธายิ่ง เพราะท่านได้ประจักษ์ด้วยตัวเองว่า แต่ละรูปนั้นเป็นพระสุปฎิปันโน ดำรงสมณเพศมายาวนาน มีความรู้และจริยวัตรงดงาม ไม่ว่าจะพิจารณาด้วยมาตรฐานใด ๆ ทั้งยังมีผลงานวิชาการ การเทศน์ การพัฒนาสังคมที่จับต้องได้ ทั้งยังเป็นที่ยอมรับและได้รับการสักการะชองชาวพุทธในไทยและทั่วโลก ท่านทั้ง 7 รูปจึงพระมหาเถระอริยะสงฆ์ที่กราบได้อย่างสนิทใจนั่นเองโดยส่วนตัวผมได้ศึกษาคำสอนและผลงานต่าง ๆ ของพระสงฆ์เกือบทุกรูปใน 7 รูปนั้น มองเห็นว่า หนังสือเล่มนี้เขียนเล่าเรื่องได้กระชับ เก็บแง่มุมความสำคัญของพระแต่ละรูปได้อย่างงดงาม ชัดเจนและครบถ้วน หากจะมีหนังสือเล่มใดที่บันทึกเรื่องราวบุคคลสำคัญไว้ดีเยี่ยมเช่นนี้ นอกจากหนังสือ “ประวัติศาสตร์บุคคลสำคัญของไทย” แล้ว ผมว่าหนังสือเล่มนี้แหละ ที่คู่ควรและเอาไปวางร่วมชั้นกันได้หนังสือ “กราบได้สนิทใจ”พิมพ์ครั้งที่ 3 ปี 2562 จำนวน 2,000 เล่ม จำนวน 122 หน้าเขียนโดย พระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี)จัดพิมพ์โดย ศูนย์วิปัสสนาสากล ไร่เชิญตะวันสนใจติดต่อได้ที่ สำนักธรรมบริการศูนย์วิปัสสนาสากล ไร่เชิญตะวัน โทร.0844069059,0942636595ภาพประกอบโดยผู้เขียน