เมื่อตั้งคำถามกับตัวเองว่า ถ้าให้เลือกท่องเที่ยว เลือกได้แค่เดือนเดียวใน 1 ปี เดือนไหนคือเดือนที่ผมอยากจะออกไปเที่ยวมากที่สุด ก็คงต้องตอบว่า เดือนธันวาคม แต่ข้อเสียของการเที่ยวเดือนนี้คือ มันคือช่วง High Season ทุกสิ่งทุกอย่างจะแพงมากๆ แต่ถามว่าทำไมต้องยอมจ่าย เพราะบรรยากาศและผู้คน ผู้คนที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสุข อากาศเย็นๆ ลมเย็น แค่นึกถึงก็ทำให้เรารู้สึกสดชื่น มันทำให้เราได้รับรู้ถึงความสุขตั้งแต่ยังไม่ออกเดินทางท่องเที่ยวเลยครับ เริ่มต้นจากการจองที่พัก ไร่แสงอรุณ ผ่านทางเว็บไซต์ของรีสอร์ทโดยตรง http://www.raisaengarun.com โดยห้องที่ผมจองไปพักคือห้องพักที่ชื่อว่า บ้านริมโขง โดยทำการจองไป 3 วัน 2 คืน โดยเฉลี่ยประมาณ คืนละ 5,000 บาท พร้อมอาหารเช้า สำหรับ 2 ท่าน ลืมบอกครับ ช่วงที่ผมจองตรงกับรีสอร์ทจะได้ราคาดีกว่าจองผ่านเว็บจองโรงแรมต่างๆ นะครับ ยังไงใครจะไป ลองเช็คราคาดูก่อนครับ แล้วถ้าอยากพักห้องพักริมแม่น้ำโขงในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนมกราคม บอกเลยต้องจองล่วงหน้าพอสมควรครับ และเนื่องจากรีสอร์ทนี้อยู่ริมแม่น้ำโขง ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.ริมโขง อ.เชียงของ จ.เชียงราย โดยใช้เวลาขับรถจากสนามบินเชียงรายไปถึงรีสอร์ท ประมาณ 1 ชม. 30 นาที ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร ซึ่งทางช่วงแรกดีมาก ทำเวลาได้วิ่งสบาย แต่ช่วงประมาณ 40 กิโลเมตรก่อนถึงรีสอร์ทจะเป็นถนนแค่สองช่องจราจร (รถวิ่งสวนกัน) ประกอบกับทางเลียบแม่น้ำโขงจะมีโค้งพอสมควร ทำให้ใช้เวลาค่อนข้างมาก แต่วิวริมน้ำโขงทำให้เราอาจลืมเรื่องเวลาในการขับรถได้ประมาณนึงครับ อีกอย่างนึงระหว่างทางขับรถมาพอออกจากตัวเมืองเชียงรายได้ประมาณ 20 กิโลเมตร จะไม่ค่อยมีปั้มน้ำมันให้แวะแล้วนะครับ แนะนำให้ทำธุระส่วนตัวและซื้อขนมขบเคี้ยวกันให้เรียบร้อยก่อนเข้ารีสอร์ทเลยครับ เพราะที่รีสอร์ทไม่มีร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้ๆนะครับ เครดิตภาพจาก Google maps พอมาถึงรีสอร์ทก็ต้องมาเช็คอินที่บริเวณล็อบบี้ ซึ่งจะเป็นร้านอาหารของทางรีสอร์ทด้วย ซึ่งเจ้าของรีสอร์ทจะเป็นคุณลุงใจดี หน้าตายิ้มแย้ม คอยตอนรับอยู่ ลืมบอกไปครับในวันที่เราจะเข้าพักทางรีสอร์ท จะโทรสอบถามเราด้วยว่ามาถูกไหม มาถึงประมาณกี่โมง เพื่อที่เวลาเราเข้าพักจะได้ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง ซึ่งอันนี้ผมชอบมากครับ ดูใส่ใจแขกที่มาพักดีครับ อย่างที่ผมบอกไปในตอนต้นว่าห้องพักที่ผมจองเป็นห้องที่ชื่อว่า บ้านริมโขง เป็นแบบบ้านสไตล์ล้านนาแท้ๆ ติดริมแม่น้ำโขง มองข้ามไปก็คือประเทศเพื่อนบ้านของเรา ประเทศลาวนั้นเอง วิวห้องสวยเกินบรรยายครับดูจากภาพก็น่าจะบอกได้ดีครับ มองออกจากห้องจะเห็นแม่น้ำโขงพร้อมกับมีฉากหลังเป็นทิวเขาสลับไปมา ทำให้รู้สึกถึงพลังธรรมชาติที่เข้ามาเติมพลังให้กับเราได้อย่างดีเลยครับ ซึ่งในห้องพักมีแอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น มีระเบียงที่ค่อนข้างกว้างพร้อมกับเบาะให้เราเอนหลังนอนเพื่อพักผ่อน ชนิดที่ว่าไม่จำเป็นต้องออกไปหาจุดชมวิวที่ไหนอีกเลยก็ได้ครับ มี Wifi ฟรี ให้ใช้ มีสัญญาณมือถือครบทุกค่าย (True ,AIS, DTAC) อากาศในช่วงเดือนธันวาคม ถ้าปีไหนหนาวจริง เจอต่ำกว่า 10 องศาแน่นอนครับ ห้องพักที่นี่มีหลายแบบนะครับ ดูได้จากเว็บของทางรีสอร์ทเลยครับ แต่ส่วนตัวมาพักที่นี่ 2 ครั้งแล้ว ครั้งแรกที่มา ผมนอนบนเขา เพราะบ้านริมโขงเต็ม เลยต้องพักที่บ้านเดือนแจ่ม แจ่มจริงๆครับ เป็นห้องที่เห็นวิวแม่น้ำโขงแบบมุมสูงครับ มองลงมาจากบนเขา สวยมากครับ เหมาะสำหรับหนุ่ม-สาว เพราะการเดินขึ้นเขา-ลงเขา อย่างน้อยก็วันละ 3 รอบ เพื่อลงมาทานอาหาร ร่างกายต้องแข็งแรงพอสมควรครับ แต่วิวที่ได้คุ้มค่ากับความเหนื่อยครับ อาหารที่นี้ ใช้ผักปลอดสารพิษที่ทางรีสอร์ทปลูกเอง มีผักหลายชนิดรวมทั้งมีแปลงสตรอเบอรี่ด้วย แนะนำน้ำสตรอเบอรี่ปั่นครับอร่อยจริง ดื่มแล้วสดชื่น อาหารของที่นี่ ถ้าคะแนนเต็ม 10 ผมเฉลี่ยให้ 8 คะแนนครับ อยู่ในเกณฑ์อร่อยครับ ส่วนราคาอาหารก็ไม่แพงครับ ถ้าเป็นประเภทกับข้าว ก็ตกประมาณจานละ 80 - 250 บาทครับ ส่วนกิจกรรมที่มีให้ทำ ก็คือเดินถ่ายรูปเพราะมีมุมสวยๆ ให้เราถ่ายรูปเยอะมากๆ มีทางให้ปั่นจักรยานด้วยครับ ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ปั่นสนุกๆ ชมวิวแม่น้ำโขง อีกอย่างที่อยากบอกคือทางรีสอร์ทไม่มีสระว่ายน้ำนะครับ (ข้อมูล ณ. ธันวาคม พ.ศ. 2562 ) ที่นี่ในวันที่ฟ้าเปิด จะเห็นดวงดาวได้ชัด และสวยงามมากครับ รับรองว่ามาพักที่นี่คุณจะได้ความสุข พร้อมพลังจากธรรมชาติจากไร่แสงอรุณกลับไปอย่างแน่นอนครับ ที่มาของชื่อเรื่องว่า ธันวาคมชมดาวที่ไร่แสงอรุณ เชียงราย มาจากสิ่งที่ผมได้เห็น ได้สัมผัสโดยตรง เลยอยากมาแชร์ให้อ่านกันครับ ผมไม่ได้มีความรู้เรื่องดาวอะไรมากมายนะครับ แต่ผมเป็นคนที่ชอบมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อจะหาดวงดาว มองดูแล้วทำให้รู้สึกว่า ชีวิตมีอะไรให้เราต้องเรียนรู้มากมายไม่มีหมด ประสบการณ์มีให้เราต้องตามหากันตลอด บอกให้เรารู้ว่าเราไม่ควรหยุดที่จะเรียนรู้หรือหาประสบการณ์ให้ตัวเอง เพราะแค่เรามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ดวงดาวที่เราเห็น ก็เหมือนกับการที่เรามองย้อนเวลากับไปในอดีต เพราะดวงดาวที่เราเห็น ผ่านการเดินทางของแสง กว่าแสงจะเดินทางมาถึงที่ตาของเราทำให้เราได้เห็น ก็ไม่รู้ว่าดวงดาวแต่ละดวงที่มองอยู่ห่างไกลแค่ไหนแล้วปัจจุบันดาวดวงนั้นยังคงอยู่ไหม เพราะไม่ใช่ดวงดาวที่เราเห็นในปัจจุบัน แต่กลับเป็นดวงดาวในอดีตไปแล้ว ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า อดีตที่มองเห็นควรจะเป็นสิ่งที่สวยงาม อะไรที่ไม่ดีในอดีตอย่าจดจำอย่าไปนึกถึง ส่วนอนาคตคือสิ่งที่เราไม่สามารถรู้ได้เลย เพียงแต่เราต้องเรียนรู้ จดจำ สิ่งสวยงามจากอดีต เพื่ออนาคตที่สวยงามเหมือนดั่งแสงจากดวงดาว แล้วพบกันใหม่ครับ ขอบคุณที่สละเวลาอ่านจนจบครับ ภาพทั้งหมดโดยนักเขียน