วันนี้ผู้เขียนพาทุก ๆ ท่านข้ามฝั่งมาที่ประเทศเพื่อนบ้านของเราก็คือเมียนม่าร์หรือพม่านั่นเองค่ะ ก่อนที่ผู้เขียนจะข้ามไปยังฝั่งท่าขี้เหล็กก็ต้องทำหนังสือผ่านแดนก่อนค่ะเสียค่าผ่านแดนไป 30 บาทต่อคน เอกสารที่ใช้ยืนยันใช้แค่บัตรประชาชนของเรานี่แหละค่ะ เมื่อถึงด่านท่าขี้เหล็กตลาดจะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งไทยและฝั่งพม่าเมื่อเดินมาถึงด่านเราก็แสดงบัตรผ่านแดนให้เจ้าหน้าที่จากนั้นผู้เขียนก็เดินข้ามมาทางฝั่งพม่าค่ะ จังหวัดท่าขี้เหล็กเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ท่าขี้เหล็กจะมีตลาดท่าล้อ ตลาดแห่งนี้มีสินค้ามากมาย สินค้าส่วนใหญ่จะมาจากประเทศจีนจึงมีราคาถูกมากค่ะ แม่ค้าพ่อค้าคนไทยหลาย ๆ คนมักจะข้ามแดนเพื่อมาซื้อสินค้าจากที่นี่ไปขายต่อกัน บ้างก็นำสินค้าเข้ามาขาย ท่าขี้เหล็กไม่ได้มีแค่สินค้าทั่วไปนะคะ ที่นี่ยังมีอัญมณีขาย ทั้งหยก ทับทิม พลอยสี และเครื่องทองเหลือง สินค้าพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ราคาก็ถูกมากค่ะ รวมทั้งสินค้าพื้นเมือง อาหารทะเลแห้ง เหล้าและบุหรี่ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ข้ามมาที่ฝั่งท่าขี้เหล็กแล้วซื้อสินค้าต้องระมัดระวังกันนิดนึงนะคะเพราะสินค้าบางอย่างไม่สามารถซื้อกลับมาฝั่งไทยได้ค่ะ เช่น สุรา บุหรี่ต่างประเทศ สิ่งลามกอนาจารและสินค้าจากสัตว์ป่า ทุกชนิด หากอยากจะนำกลับมาก็ต้องเสียภาษีให้ถูกต้องก่อนนะคะ ผู้เขียนมาถึงฝั่งท่าขี้เหล็กประมาณ 6 โมงเช้าเดินมาถึงตลาดได้เห็นพระกำลังบิณฑบาตรพอดีเลยค่ะ จากนั้นก็แวะหาของกินก่อน (ผู้เขียนชอบกินค่ะ ไปที่ไหน ๆ ก็ต้องหาของกิน) ผู้เขียนแวะดื่มชานมพร้อมกับขนม ขนมแท่งยาว ๆ ก็คือปาท่องโก๋ค่ะ ส่วนสามเหลี่ยมเรียกอะไรไม่รู้ค่ะ ทานแล้วคล้ายกับปอเปี๊ยะก็อร่อยดีค่ะ มองไปรอบ ๆ ร้านมีแต่ผู้ชายนั่งดื่มกินกัน มีแค่โต๊ะของผู้เขียนเพียงโต๊ะเดียวที่เป็นผู้หญิง มาทราบที่หลังว่าวัฒนธรรมของคนเมียนม่าร์ร้านน้ำชาจะมีแค่ผู้ชายนั่งดื่มกินกันค่ะ มาทานกันต่อค่ะ จานนี้ผู้เขียนอยากลองทานมากค่ะ เมนูนี้เรียกว่า "โรตีอบโอ่งหน้าถั่ว" ตัดมาแบบพิซซ่าเลยค่ะ ตรงส่วนที่เป็นแป้งรสชาติจะคล้าย ๆ กับแป้งพาย เนื้อจะร่วนหน่อย ๆ สำหรับตัวผู้เขียนคิดว่าเมนูนี้พอทานได้ รสชาติค่อนข้างจืด ได้ความกรุบกรอบจากถั่วลิสง ผู้เขียนคิดว่าถ้าไม่มีผักผสมอยู่น่าจะอร่อยกว่านี้ค่ะ มื้อนี้ผู้เขียนจ่ายไปทั้งหมด 80 บาทถือว่าถูกมาก ๆ ค่ะ (ที่ท่าขี้เหล็กเราสามารถใช้เงินบาทของไทยจับจ่ายซื้อของได้เลยนะคะ) หลังจากอิ่มท้องแล้วก็เดินชมตลาดกันต่อค่ะ ตลาดท่าขี้เหล็กยังมีเสื้อผ้า ของใช้เลียนแบบ สินค้าปลอดภาษีก็มีค่ะ นี่คือร้านทองค่ะ ติดลูกกรงเหล็กเหมือนบ้านเราเลยค่ะ ร้านขายอัญมณี ร้านขายแอลกอฮอล์ เมื่อเดินผ่านตลาดสิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวพม่าก็คือเราจะเห็นหนุ่มสาวชาวพม่าแต่งแต้มใบหน้าด้วยทานาคา ตลาดท่าขี้เหล็ก จะมีขนมขบเคี้ยวเยอะมากค่ะ ที่น่าซื้อติดไม้ติดมือนำกลับไปทานหรือเป็นของฝากก็คือ บ๊วย เกาลัด เมล็ดทานตะวัน ถั่วต่าง ๆ หรือจะเป็นผลไม้อย่างแอปเปิ้ล มะปรางลูกใหญ่น่าทานมากค่ะ เสน่ห์ของท่าขี้เหล็กที่ทำให้ผู้เขียนประทับใจก็คือการดำเนินวิถีชีวิตอย่างเรียบง่ายที่เห็นได้ชัดคือวัฒนธรรมการกินหมากที่ผู้เขียนเคยเห็นเมื่อตอนเป็นเด็กเคยเห็นคุณยายกินหมาก แต่ที่ท่าขี้เหล็กการกินหมากเป็นที่นิยมของทุกเพศทุกวัยค่ะ ที่นี่เขามีร้านขายหมากโดยเฉพาะนะคะ มีลูกค้ามาอุดหนุนไม่ขาดสายเลยค่ะ โดยเฉพาะร้านนี้คงอร่อยที่สุด เพราะมีลูกค้ารอซื้อหลายคน แม้จะมีคนปรุงหมากถึง 2 คนก็ยังทำขายกันแทบไม่ทันเลยค่ะ เดินชมตลาดท่าขี้เหล็กพร้อมกับข้าวของเต็มมือก็ได้เวลากลับบ้านค่ะ มาแม่สาย - ท่าขี้เหล็กครั้งนี้ผู้เขียนได้ของหลายอย่างเลยค่ะ ทั้งเสื้อผ้า อาหารแห้ง ขนม ผลไม้ หมดเงินไปประมาณ 1,000 บาทเองค่ะ แต่การมาเที่ยวที่ท่าขี้เหล็กก็มีสิ่งที่ผู้เขียนจะระมัดระวังตัวเองนิดนึงค่ะ เมื่อเราข้ามด่านเรามักจะลงบันไดตรงบันไดจะเป็น 3 แยก จุดนี้จะมีคนหิ้วตะกร้าขายของรออยู่ อย่าหยุดซื้อของตรงนี้เด็ดขาดค่ะให้ปฏิเสธอย่างเดียวค่ะเพราะถ้าหยุดจะโดนล้อมทันทีค่ะและหลุดออกจากวงล้อมได้ยากมากค่ะ แต่อย่าเพิ่งหวาดกลัวจนไม่กล้ามาเที่ยวกันนะคะ ท่าขี้เหล็กไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นค่ะ คนที่ดี ๆ ก็มีอยู่เยอะค่ะ สีสันของการมาเที่ยวที่แม่สาย - ท่าขี้เหล็กที่ผู้เขียนชื่นชอบก็คือการที่ได้ต่อรองราคาสินค้าค่ะ หากเราต่อรองราคาเก่งเราก็ยิ่งได้ของราคาถูกค่ะ แต่เสียดายที่ผู้เขียนต่อรองราคาไม่เก่งมาแต่ไหนแต่ไร ลดให้นิดหน่อยก็ซื้อแล้วค่ะ สำหรับใครที่เป็นขาช้อป อยากได้ของถูกและชอบต่อรองราคาไม่ควรพลาดมาเที่ยวและหาซื้อของฝากที่แม่สาย - ท่าขี้เหล็กกันนะคะ เครดิตภาพ : ภาพถ่ายโดยผู้เขียน