สถานที่แสวงหาความสงบทางใจแห่งหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงและมีนักท่องเที่ยวหรือผู้ปรารถนาจะเพิ่มสติปัญญาให้กับตนเองต้องไปให้ได้สักครั้ง นั่นก็คือ ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน ของ พระเมธีวชิโรดม หรือ พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ตั้งอยู่หมู่ที่ 25 ตำบลห้วยสัก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงรายศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน เรียกสั้น ๆ ว่า ไร่เชิญตะวัน ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของป่าเขาลำเนาไพรอย่างแท้จริง เพราะเมื่อถึงทางเข้าสู่เขตไร่เชิญตะวันแล้ว เราจะสัมผัสได้ถึงวิถีแห่งธรรมชาติที่ห่างไกลจากความวุ่นวายของสังคมเมืองอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเดินทางมาถึงไร่เชิญตะวันแล้ว ตรงทางเข้าจะมองเห็นทิวไผ่สีเขียวยืนต้นเรียงรายนำทางเราเข้ามาสู่บริเวณด้านหน้า เรื่อยมาจนถึงประตูชัยที่มีป้ายสัญลักษณ์ไร่เชิญตะวันปรากฏอยู่ หาที่จอดรถแล้วก็ลองเดินเข้าไปเรียนรู้และสัมผัสบรรยากาศสถานที่อบอวลด้วยข้อคิดและธรรมะหลากหลายทั่วบริเวณที่แรกที่เรามองเห็นได้ทันทีคือ ลานกว้างที่ว่างเปล่า มองเห็นความอิสระทางกายภาพชัดเจน โล่ง สบาย ไร้เงื่อนไขของการมองบริเวณด้านในถัดลานกว้างก็คือสูญญตาคาร เป็นอาคารไม้โล่งยาว เป็นสถานที่ที่พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ใช้ในการต้อนรับประชาชนที่เข้ามาชมไร่เชิญตะวัน และด้านข้างก็เป็นอาคารที่จำหน่ายหนังสือธรรมะของพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี จำหน่ายของที่ระลึกต่าง ๆเดินมาด้านข้างจะมองเห็นซุ้มดอกกล้วยไม้สีขาว (ดอกไม้ประดิษฐ์) เป็นทิวแถวยาวไปด้านหลัง ภายในซุ้มจะมองเห็นหุ่นปั้นสีเทา เรียกว่า ตัวนิ่ง ซึ่งเป็นปริศนาธรรมทำให้เรารู้ว่า การนิ่งในเวลาที่เหมาะสมเป็นสิ่งดี และหมายถึงความสงบเยือกเย็นเช่นกันเมื่อเดินผ่านพ้นซุ้มดอกกล้วยไม้แล้ว ก็จะถึงลานโล่งกว้างอีกแห่งหนึ่ง และนี่ก็เป็นจุดที่ผู้มาชมไร่เชิญตะวันไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง ก็คือ หุ้นปั้นเป็นรูปสามเณร 4 รูป ในอิริยาบถต่างกัน คือ รูปที่ 1 ปิดหู รูปที่ 2 ปิดตา รูปที่ 3 ปิดปาก และรูปที่ 4 เปิดใจ ในข้อคิดก็ได้แนวความคิดว่า บางครั้งเราอาจจะต้องปิดหู ไม่รับฟังสิ่งที่ไม่ควรฟัง ปิดตา ไม่มองไม่ดูสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ ปิดปาก ไม่ควรพูดคำที่ทำให้เกิดความเดือดร้อน และเปิดใจ รับเอาสิ่งที่ดีงามเข้ามาเสริมชีวิตให้มีความสุขถัดมาก็ถึงลานแสดงศิลปะที่เป็นปริศนาธรรม เป็นลานกว้างวงกลมประดับด้วยหินหลากชนิด รอบนอกเป็นก้อนหินขนาดใหญ่ แล้วประดับหินที่ละเอียดขึ้นด้านในจนถึงใจกลางของวงกลม และอีกที่หนึ่งจะเห็นคล้ายกับช่อฟ้าเรียงรายเป็นแถว แอบซ่อนไว้ซึ่งปริศนาธรรมชวนคิดอีกที่หนึ่ง หากเดินย้อนกลับมาทางหลังซุ้มดอกกล้วยไม้ ถัดไปอีกหน่อยก็จะถึงอาคารแสดงงานศิลปะของพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี และของศิลปินชั้นนำอีกหลายทาง ด้านหน้าอาคารจะมองเห็นศิลปะหลากหลายรูปแบบให้ได้ชม ด้านในอาคารก็แสดงงานศิลปะทั้งที่เป็นภาพเขียน งานปั้น งานแกะสลัก และอีกมากมายที่แสดงให้ชมอย่างเต็มอิ่มอาคารอีกหลังหนึ่งเป็นสถานที่เก็บรวบรวมผลงานการเขียนของพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ตั้งแต่งานเขียนเล่มแรก จนถึงปัจจุบัน ซึ่งมามากกว่า 200 เล่ม เมื่อเราเข้าไปชมแล้ว จะได้เห็นแรงบันดาลใจในการเป็นนักเขียนของพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี และอาจเป็นแรงบันดาลใจของใครอีกหลายคนที่จะทำความสำเร็จให้เกิดแก่ชีวิตของตนเองเดินมาเหนื่อยบ้างแล้ว ลองแวะเข้าไปดื่มกาแฟที่ร้าน “พันแสงรุ้ง” สักหน่อยครับ ร้านกาแฟแห่งนี้มีลักษณะพิเศษ สูงเด่นมองเห็นแต่ไกล หลังคามุงด้วยหญ้า ภายในสวยงามในแบบฉบับของร้านที่สร้างด้วยแนวคิดอิงธรรมชาติ มีกาแฟหลากหลายเมนูในลิ้มลอง และมีขนมหวายอีกหลายอย่างให้ได้รับประทานกันและอีกสถานที่หนึ่งที่นับว่าเป็นจุดเด่นที่ทุกคนมาแล้วจะต้องไปสัมผัสได้ นั่นคือ อาคารขนาดใหญ่เป็นสถานที่ที่พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี บรรยายธรรม และเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมสำหรับผู้เข้ามาแสวงหาความสุขในชีวิต อาคารแห่งนี้มองจากด้านนอก เป็นอาคารที่สร้างด้วยดินสลับกับไม้ ภายในประกอบด้วยเสาไม้ ใต้หลังคาเป็นไม้สอดรับสลับแทรกกัน ยึดโยงกันเป็นอันหนึ่งอันเดียว ทำให้เห็นถึงความแน่นหนามั่นคงของโครงสร้างในการรับน้ำหนักของหลังคา ซึ่งพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ได้บอกไว้ว่า ถ้ามองเป็นธรรมะ นี่ก็คือ ปฏิจจสมุปบาท คือ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเหตุเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อเนื่องเกี่ยวโยงกันไปไม่สิ้นสุดด้านข้างอาคาร จะมองเห็นงานไม้ที่แกะสลักเป็นดอกบัวเรียงเป็นแถว ที่พิเศษคือ มองไปด้านบนใต้ชายคาจะเห็นศิลปะปูนปั้นเป็นภาชนะใช้สอยประดับเรียงรายตลอดแนวใต้ชายคาด้านข้างและยามค่ำคืน อาคารแห่งนี้ยิ่งทวีความสวยงาม ภายใต้แสงอาทิตย์ยามอัสดง ท้องฟ้าฉาบทาด้วยสีทองไล่ระดับสีสันแห่งธรรมชาติของโลกในนี้ ทำให้ไร่เชิญตะวันแห่งนี้ประกายศิลปะแห่งธรรมะให้ผู้ชมได้ประทับใจมิใช่น้อยเมื่อราตรีพ้นผ่าน เข้าสู่บรรยากาศรุ่งอรุณ แสงรำไรพาดผ่านท้องลำธารที่ปกคลุมด้วยไอหมอก ช่างเป็นสถานที่น่ารื่นรมย์อย่างยิ่ง เป็นความประทับใจไม่รู้ลืมเลยทีเดียวสำหรับท่านที่จะเข้าไปชมศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน ของพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี สามารถเข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 17.00 น. โดยประมาณ หากท่านใดประสงค์จะเข้าเรียนรู้ปฏิบัติธรรม ก็มีที่พัก ที่ปฏิบัติธรรมรับรองเป็นอย่างดี หากมีโอกาสต้องลองไปสัมผัสธรรมชาติที่ไร่เชิญตะวันสักครั้งในชีวิตนะครับ