“ก้าวเล็ก ๆ ของเด็กชายขี้โรคในการเล่นฟุตบอล” จากเด็กชายขี้โรค ตั้งแต่เกิดจนถึงวัยเรียน และเมื่อเข้าสู่สังคมโรงเรียน การที่อยู่ร่วมกันเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นกับเพื่อนนักเรียนด้วยกัน ได้เรียน ได้เล่น ได้สัมผัสใกล้ชิด หรือใช้สิ่งของร่วมกับเพื่อน ๆ ทำให้ลูกชายมีโอกาสสัมผัสกับเชื้อโรคต่างๆ จากน้ำมูกหรือน้ำลายของเพื่อนที่เจ็บป่วยบ้าง ซึ่งทำให้ลูกเจ็บป่วยจากการติดโรคจากเพื่อนที่โรงเรียนมาได้ง่าย ๆ สามวันดีสี่วันไข้ เป็นหวัด เป็นไข้ เจ็บคอ ท้องเสียบ่อย เป็นเด็กชายที่มีพัฒนาการทางด้านร่างกาย ไม่เจริญเติบโตตามวัย มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน กินน้อยไม่ค่อยจะยอมกินอะไร ซึ่งคนเป็นแม่นั้นรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก เพราะรักลูก จึงต้องทำทุกวิถีทางให้ลูกรัก มีร่างกายแข็งแรงและมีสุขภาพดี จากประสบการณ์ของแม่ที่อยากให้ลูกชายหายจากเด็กขี้โรคซะที…..เริ่มต้นจากไหนก่อนดี???? เริ่มที่แม่ก่อน...แม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในการดูแลสุขภาพของตนเอง จึงจะสามารถสอนให้ลูกทำตามได้อย่างเต็มใจและไม่รู้สึกว่าถูกแม่บังคับ การที่อยากให้ลูกชายมีร่างกายที่เจริญเติบโตตามวัย แข็งแรงขึ้น มีน้ำหนักส่วนสูงตามเกณฑ์มาตรฐานและมีสุขนิสัยที่ดี...ต้องค่อย ๆ สอนให้ลูกได้เรียนรู้ และช่วยเหลือตัวเองให้มากสุดในเรื่อง การรู้จักเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ให้ครบทั้ง 5 หมู่ เน้นเนื้อสัตว์ ไข่ ดื่มนมทุกวัน กินผักผลไม้ ไม่กินขนมขบเคี้ยว และดื่มน้ำสะอาด การรู้จักรักษาความสะอาดของตนเอง เพราะเด็กชอบซุกชน ชอบค้นคว้าหยิบจับสิ่งต่างๆ รอบคุณตัว เล่นกับสัตว์เลี้ยง โดยต้องสอนให้ล้างมือก่อนรับประทานอาหารและหลังจากใช้ห้องน้ำทุกครั้ง การนอนหลับพักผ่อน ให้เป็นเวลา ฝึกให้นอนตั้งแต่ 2 ทุ่ม เพื่อให้ลูกได้นอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ ตื่นเช้ามามีสมองที่ปลอดโปร่ง สามารถเรียนรู้และจดจำสิ่งต่างๆ ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น การออกกำลังกายทุกวันอย่างเหมาะสม ชวนลูกเล่นกีฬา เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน แบดมินตัน โยนบอล ฟุตบอล ตามเหมาะสมกับสถานการณ์ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยให้ลูกได้ใช้กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก และมีการใช้มือ ตาประสานสัมพันธ์กัน อย่างคล่องแคล่วและทรงตัวได้ดี และลดการเจ็บป่วย มีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น ซึ่งทั้ง 4 ข้อนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของลูกชาย ที่เริ่มจะมีสุขภาพดีขึ้น และก้าวต่อไปคือ “การเล่นฟุตบอล” แม่ครับ ผมอยากเป็น “นักฟุตบอล” มันเป็นคำพูดของเด็กชาย อายุ 7 ขวบ กับความชื่นชอบอะไรสักอย่างหนึ่ง ที่เป็นแรงบันดาลใจของเขา “พี่เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์” คือนักฟุตบอลชาวไทย ที่ลูกชายชื่นชอบ และ “ฟุตบอล คือ กีฬาที่เขาชอบ” เป็นสิ่งที่ลูกอยากเรียน อยากเล่นฟุตบอลได้เก่ง และเป็นสิ่งที่คนเป็นแม่อยากให้ลูกชาย...ได้ออกกำลังกาย จากคำพูดของเด็กชายขี้โรคที่อยากจะเล่นฟุตบอลที่ตนเองชื่นชอบ เขาต้องเริ่มต้นจาก 1. เข้าคอร์สเรียนฟุตบอล ในวันเสาร์ และ วันอาทิตย์ ช่วงเช้า 09.00 น.– 11.00 น. วันละ 2 ชั่วโมง เพื่อพัฒนาทักษะฟุตบอลพื้นฐาน เช่น การทรงตัว การเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ถอยหลัง ไปทางซ้าย ไปทางขวา การสร้างความคุ้นเคยกับลูกฟุตบอล การเลี้ยงลูกบอล การเตะบอล การเดาะบอล ฯลฯ 2. เมื่อเริ่มต้นเรียนฟุตบอลได้ระยะหนึ่ง ครูที่โรงเรียนก็เริ่มเห็นแววทางด้านกีฬา ให้เป็นนักกีฬาของโรงเรียน ทั้งกรีฑา และ กีฬาฟุตบอล เพราะการเล่นฟุตบอลทำให้มีกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรง มีการหายใจที่เหมาะสม ไม่เหนื่อย หอบง่ายกว่าเด็กที่ไม่ออกกำลังกายและเล่นกีฬา 3. การออกกำลังกายโดยการเล่นฟุตบอลอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกชายมีการพัฒนาทักษะทางด้านฟุตบอลดีขึ้น เริ่มเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลในระดับต่างๆ ทำให้มีทักษะทางสังคมเพิ่มมากขึ้น เรียนรู้การเล่นเป็นทีม เกิดความสามัคคี การมีปฏิสัมพันธ์ มีวินัย รู้สึกภาคภูมิใจเมื่อเล่นฟุตบอลชนะ และรู้จักความพ่ายแพ้เมื่อเล่นไม่ชนะ และสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข จากก้าวเล็ก ๆ ในการเล่นกีฬาฟุตบอลในวันนั้น ทำให้เด็กชายขี้โรคกลายเป็นเด็กชายที่มีร่างกายเจริญเติบโตตามวัย ร่างกายแข็งแรงและ มีสุขภาพดีขึ้น และผลพลอยได้ก็คือ ลูกชายมีทักษะพัฒนาการทางการเล่นฟุตบอลได้ดีระดับหนึ่ง และสำหรับการฝึกเล่นฟุตบอล ต้องมีความอดทน มุ่่งมั่น ฝึกซ้อมฝนกันต่อไป และก้าวต่อไป อาจเป็น “ก้าวเล็ก ๆ สู่ก้าวที่ยิ่งใหญ่” อาจเป็นนักฟุตบอลอาชีพก็ได้นะคะ...อนาคตยังมาไม่ถึง