สวัสดีค่าเพื่อนๆทุกคน จากที่เราห่างหายไปนานในที่สุดเราก็ได้มีโอกาสกลับมาเขียนรีวิวการเที่ยวลาวเหนือ part สุดท้ายต่อซักที ถ้าหากว่าใครยังไม่เคยอ่านบทความก่อนหน้าก็อยากให้ลองไปอ่านกันดูนะคะ สามารถ click link นี้ได้เลยจ้า (Part 1 : สะบายดี หลวงพระบาง และ Part 2 : สะบายดี วังเวียง) ยังไงก็ขอฝากเพื่อนๆ ติดตามให้ครบทุกตอนด้วยนะคะใน part สุดท้ายนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์ในการเที่ยวเวียงจันทร์...เมืองหลวงและเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศลาว ซึ่งตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำโขง และมีชื่อที่ตั้งขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ว่า " กรุงศรีสัตนาคคนหุต วิสุทธิ์รัตนราชธานีบุรีรมย์ " เมืองแห่งนี้จะมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจที่ไหนบ้าง เราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวพร้อมๆ กันเลยจ้า...Day 6หลังจากที่เราเดินทางออกจากวังเวียงตั้งแต่ช่วงสายๆ เราก็ได้เดินทางมาถึงเวียงจันทร์ในช่วงเที่ยงของวันเดียวกันโดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ เมื่อลงจากรถพวกเราก็ตรงดิ่งไปเช็คอินที่ โรงแรม Vientiane SP Hotel แล้วก็ได้เวลาหาอาหารกลางวันลงท้องกันพอดี เนื่องจากแดดเมืองหลวงของลาววันนี้ช่างร้อนแรงเป็นอย่างมาก คุณแม่ก็เลยเลือกที่จะกินเฝอร้อนๆ เป็นอาหารมื้อกลางวัน ช่างเข้ากันดีกับอากาศตอนนั้นซะเหลือเกิน หลังจากจัดมื้อหนักกันผ่านไปก็ได้เวลาของหวาน เราเลือกที่จะไปเดินหาของหวานเย็นๆ กินแถวห้างกลางเมือง(คนที่นั่นเรียกแถวนั้นรวมๆ ว่าตลาดเช้า) ห้างที่นี่มีร้านขายทองเยอะมาก อาจเนื่องด้วยคนที่นี่มีค่านิยมในการชอบใส่ทองกัน หลังจากเดินเล่นทั่วห้างมาซักพักเราก็เจอร้านน้ำปั่นดูสะอาดสะอ้านน่านั่ง เลยลองสั่งโกโก้ปั่นของโปรดมาลองชิมซักหน่อย เอาจริงๆ น้ำปั่นที่นู่นไม่ชื่นใจเท่าของบ้านเรานะ น่าจะเป็นเพราะว่าเค้าใส่น้ำแข็งน้อยรึเปล่านะหลังจากที่นั่งพักซักแปปพอหายร้อนหายเหนื่อยเราสองแม่ลูกจึงเริ่มออกไปตามหาร้านเช่าจักรยาน เพื่อปั่นไปชมประตูชัย จนกว่าเราจะเจอร้านที่ดีและปั่นกันมาถึงก็เป็นช่วงบ่ายแก่ๆ ก่อนพระอาทิตย์ตกพอดี ประตูชัย หรือ ปะตูไซ ถูกตกแต่งด้วยศิลปะแบบล้านช้าง โดยใช้เป็นอนุสรณ์สถานสดุดีวีรชนผู้ร่วมรบเพื่อประกาศเอกราชจากประเทศฝรั่งเศส หลังจากที่เรามาถึงได้ซักพักฟ้าก็เริ่มมืิดพอดี พวกเราเลยตัดสินใจว่าเดี๋ยวค่อยขึ้นไปถ่ายรูปด้านบนตอนวันก่อนกลับไทยอีกที วันนี้พวกเราจึงปั่นจักรยานเล่นรอบตัวเมืองอีกซักหน่อยก่อนกลับโรงแรมเพื่อเตรียมพร้อมที่จะเที่ยวแบบจัดเต็มในวันพรุ่งนี้Day 7วันนี้เป็นวันสุดท้ายก่อนกลับไทยแล้วจ้า แพลนเที่ยวเลยอัดแน่นกันซักหน่อย พวกเราเริ่มวันด้วยการตื่นตั้งแต่เช้าตรู่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็ลงมาทานอาหารเช้าของโรงแรม ทางโรงแรมจะมีอาหารเช้าแบบเซ็ตให้เราเลือกสั่งนะคะซึ่งเราจ่ายเงินรวมในค่าห้องไปแล้ว โดยเช้านี้เราเลือกสั่งเป็นข้าวผัด กับผัดมาม่า จัดว่าอาหารหน้าตาน่าทานและรสชาติก็อร่อยด้วยนะ เมื่อทานข้าวกันอย่างอิ่มหนำสำราญแล้วพวกเราก็เริ่มออกเดินทางไปยังจุดหมายไปปลายทางแรกของวันนี้โดยใช้จักรยานเป็นยานพาหนะคู่ใจเหมือนเดิมสถานที่แรกที่พวกเราไปในวันนี้ก็คือ พระธาตุหลวง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเวียงจันทน์ โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบลาว มีลักษณะเป็นเจดีย์สีทองอร่าม ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงสีทอง สวยงามมาก อีกทั้งยังคงความดั้งเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี ที่นี่เปิดให้เข้าชมทุกวัน และทุกคนต้องมีการแต่งกายที่สุภาพก่อนเข้าเยี่ยมชมด้วยนะคะ หลังออกมาจากพระธาตุหลวงพวกเราก็แวะพักกินไอศกรีมเย็นๆ กันคนละถ้วยจากร้านรถเข็นคล้ายกับร้านไอศกรีมไผ่ทองของบ้านเราซึ่งจอดอยู่บริเวณด้านหน้าของพระธาตุหลวง หลังจากนั้นจึงปั่นจักรยานต่อไปยัง วัดสีสะเกด ซึ่งเป็นวัดที่ยังคงมีสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม ผสมผสานระหว่างศิลปะแบบไทยและลาว โดยมีโบสถ์อันเก่าแก่มุงด้วยหลังคาไม้อันสวยงาม เมื่อชื่นชมความงามของวัดเสร็จแล้ว พวกเราก็เดินทางต่อไปที่ หอพระแก้ว แต่ช่างน่าเสียดายเป็นอย่างมากที่ช่วงเวลานั้นเค้าทำการปิดปรับปรุง จึงได้แต่ถ่ายรูปเพียงแค่ด้านนอกเท่านั้นหลังอกหักจากหอพระแก้วเราก็มาแวะพักใจ ณ วัดศรีเมือง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่มีสถาปัตยกรรมอันสวยงาม ภายในวัดบรรจุพระพุทธรูปโบราณหลายองค์ และที่สำคัญยังเป็นที่ตั้งของเสาหลักเมืองอีกด้วย โดยวัดศรีเมืองนี้มีเรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่าเมื่อครั้งสร้างเมืองเวียงจันทร์จะมีการสร้างเสาหลักเมือง แล้วเวลาที่ขุดหลุมเสาหลักเมืองเสร็จก่อนฝังเสาจะต้องหาคนอุทิศชีวิตลงหลุมฝังเสาหลักเมือง ถ้าหากไม่มีใครอุทิศตัวเจ้าอาวาสก็จะต้องอุทิศชีวิตตนเอง แต่ทั้งนี้ได้มีนางสีเมืองซึ่งตั้งท้องได้ 3 เดือน และสามีของนางได้เสียชีวิตในสนามรบ นางสีเมืองจึงได้อุทิศชีวิตตนกระโดดลงไปอยู่ก้นหลุมเสาหลักเมืองพร้อมกับม้าอีกหนึ่งตัว เพื่อปกปักรักษาเมืองแห่งนี้ เมื่อออกจากวัดศรีเมือง พวกเราก็ได้ปั่นจักยานเล่นรอบเมืองจนไปถึงจุดหมายปลายทางสุดท้ายของวัน นั่นคือ ธาตุดำ ซึ่งเป็นเจดีย์สีดำที่มีขนาดใหญ่ ชาวลาวส่วนมากเชื่อว่าเป็นที่อยู่อาศัยของพญานาคเจ็ดหัว ที่พยายามจะปกป้องพวกเขา จากการบุกรุกโดยกองทัพสยาม ในปี ค.ศ. 1827 หลังเดินทางเหนื่อยมาทั้งวัน เราก็ได้มาหยุดรับประทานอาหารควบสองมื้อทั้งมื้อเที่ยงและเย็นที่ ร้านขอบใจเด้อ ถ้าจำไม่ผิดเราสั่งเซ็ตลาวดั้งเดิมมานะ จะประกอบไปด้วย ลาบหมู 1 จาน ต้มส้มปลา 1 ถ้วย ส้มตำ 1 จาน ข้าวเหนียว 1 กระติ๊บ และแกงบวชฟักทอง 1 ถ้วยเล็ก รสชาติอาหารอร่อยทุกอย่าง ร้านนี้ทำรสชาติได้เหมือนของไทยมาก ใครไปเที่ยวลาวนานๆ แล้วคิดถึงรสชาติอาหารไทยก็แนะนำร้านนี้เลย ร้านสวย บรรยากาศดี เพลงเพราะมาก ส่วนมากลูกค้าฝรั่งนั่งกันเยอะ และที่สำคัญราคาไม่แพงมากด้วยค่ะเมื่ออิ่มท้องแล้วเราก็พากันเอาจักรยานไปคืนโดยขี่ผ่าน วงเวียนน้ำพุ และกลับมาเดินย่อยมองวิวยามค่ำคืนของตัวเมืองเวียงจันทร์ เดินผ่านร้านค้ายามค่ำคืน บริเวณด้านหน้าร้านหลายแห่งก็จะมีร้านอาหารข้างทางเล็กๆ ตั้งอยู่ ถึงร้านจะเล็กแต่ลูกค้าเยอะนะเออ ถ้าไม่อิ่มจะแวะชิมซักหน่อยแล้ว เดินต่อไปไม่นานก็มาถึง ตลาดนัดกลางคืนเวียงจันทร์ เป็นตลาดเปิดโล่งกว้างตั้งอยู่ภายในสวน อนุสาวรีย์เจ้าอนุวงศ์ โดยร่มของแต่ละร้านจะเป็นสีแดง มองเห็นได้อย่างชัดเจน ภายในตลาดจะมีร้านค้า ร้านอาหาร มากกว่า 100 ร้านค้า เปิดจำหน่ายสินค้าในราคาย่อมเยา ให้เดินช้อปปิ้งกันจนเพลินเลย อีกทั้งยังมีสวนให้เดินเล่นริมฝั่งแม่น้ำโขง มองเห็นผู้คนมาออกกำลังกายรวมถึงมีกลุ่มวัยรุ่นออกมาทำกิจกรรมสร้างสรรค์ร่วมกัน บริเวณนี้สามารถมองข้ามแม่น้ำโขงไปเห็นฝั่งไทยด้วยนะ แถมเรายังสามารถใช้สัญญาณมือถือของไทยตรงจุดนี้ได้ด้วย หลังเดินมาจนสุดทางพวกเราก็เริ่มเพลียกันแล้วแหละ จึงถึงเวลาที่พวกเราต้องกลับโรงแรมไปพักผ่อนนอนให้เต็มอิ่มเพื่อเดินทางกลับประเทศไทยในวันรุ่งขึ้น Go Back To Thailand....วันนี้พวกเราก็ตื่นเช้ากันอีกเช่นเคย เพื่อที่จะไปถ่ายรูปจากด้านบนของประตูชัย และดูวิวยามเช้าของเมืองเวียงจันทร์ ก่อนที่จะต้องรีบมาขึ้นรถบัสเพื่อกลับประเทศไทย และแล้วก็ถึงเวลาที่เราต้องกลับบ้านแล้วนะจ๊ะ 1 อาทิตย์แห่งความสนุกสนานในต่างแดนนี้ก็ได้สิ้นสุดลง อย่างรวดเร็ว ก็อย่างว่าแหละเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปไวเสมอ ทั้งนี้เราได้ทำ สรุป โปรแกรมเที่ยวลาวเหนือใน 1 อาทิตย์ ของเรา เป็นไฟล์ pdf ในลิงค์ด้านล่าง เพื่อให้เพื่อนๆ ได้สามารถโหลดไปลองปรับใช้กันดูค่ะ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่ติดตามมาจนถึง part สุดท้ายนี้ด้วยนะคะ ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้าจ้า บ้าย บายยยย แถม โปรแกรมเที่ยวลาวเหนือใน 1 อาทิตย์ คลิก