สวัสดีเจ้า ชาวทรูไอดีสบายดีก่อ? วันนี้ เรามาอยู่กันที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนากันนะคะ โครงการหลักที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากงานหัตถกรรมนานาชนิด คือโครงการออกแบบของโรงแรม ไนน์ ซึ่งรวบรวมงานฝีมือท้องถิ่น 6 ด้าน ได้แก่ การแกะสลักไม้ การทำเครื่องปั้นดินเผา การทอผ้า การทำกระดาษสา การทำเครื่องเงิน และการจักสานไม้ไผ่ มาดีไซน์เฟอร์นิเจอร์และห้องพักแก่แขกผู้มาเยือนทุกท่าน ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวของหัตถกรรมล้านนาที่จะสร้างความประทับใจให้ต่างชาติค่ะ เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง การเดินทาง จากสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ ให้เรียกแท็กซี่เข้ามาในคูเมืองระยะทางประมาณ 15 นาที ถ้าเพื่อน ๆ ขับรถเองก็ให้ขึ้นเหนือมาผ่านสำนักตรวจคนเข้าเมืองเชียงใหม่ และเซ็นทรัลพลาซ่า เชียงใหม่ แอร์พอร์ต เข้าสู่ถนนบุญเรืองฤทธิ์ ตรงไป 750 เมตร แล้วเลี้ยวขวาเพื่อกลับรถ เข้าสู่ถนนอารักษ์ จากนั้นเลี้ยวซ้าย เข้าถนนราชมรรคาไปประมาณ 650 เมตร เลี้ยวขวาเข้าซอย 6 แล้วเลี้ยวซ้ายที่แยกแรก ก็จะเห็นโรงแรมอยู่ทางด้านขวามือ เนื่องจากโรงแรมนี้ตั้งอยู่ในบริเวณกำแพงเวียงเชียงใหม่ ถือเป็นจุดศูนย์กลางแห่งความเจริญ เราจึงสามารถเดินทางตระเวนไปชมงานหัตถกรรมที่นำมาตกแต่งห้องได้ถึงที่ รวมแล้ว 18 หมู่บ้านด้วยกัน (ถามเส้นทางจากที่โรงแรมไนน์ได้เลย) ทุกหมู่บ้านเป็นโครงการเรียนรู้ที่ให้นักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ เข้าไปลองทำงานฝีมือร่วมกับชาวบ้านได้ทั้งหมดนะคะ เริ่มกันที่กลุ่มแกะสลักไม้ ประกอบด้วย หมู่บ้านหลุก มีความโดดเด่นอยู่ที่การแกะสลักไม้เป็นรูปสัตว์ต่างๆ แบบสามมิติ เช่น ช้าง ม้า กระทิง แรด กวาง เสือและสิงโต ยีราฟ น่ารักมาก ๆ หมู่บ้านถวาย สืบสานงานแบบนูนสูงรูปสัตว์ในวรรรคดี ลงรักปิดทอง ติดกระจก และยังมีชื่อเสียงในการทำสีไม้ด้วยเทคนิคที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นเทคนิคสีเนื้อไม้ธรรมชาติ สีแตกลายงา เทคนิคสีทำเลียนแบบของเก่า หมู่บ้านกิ่วแลน้อย แกะสลักไม้ในรูปแบบใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เรียกว่า "ช้างลีลา" ซึ่งมีลำตัวที่ยาวกว่าช้างแบบดั้งเดิม มีผิวหนัง ใบหูแยกออกจากลำตัว ทำได้หลากหลายอิริยาบถสมจริงมากค่ะ นอกจากนี้ยังมีพวกที่ไม่ใช่รูปสัตว์ด้วย คือ หมู่บ้านหนองยางไคล ทำอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์แบบเดียวกันจำนานมาก มักจะเป็นชุดโต๊ะเก้าอี้ช้าง เก้าอี้บิดเกลียว และเก้าอี้ไม้แฟนซี และ หมู่บ้านทาหนองบัว เนรมิตชีวิตทางธรรมให้กับไม้ โดยทำเป็นรูปเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งพระพุทธรูป เทวดา เจ้าแม่กวนอิม ยักษ์ ครุฑ ฯลฯ มาต่อกันที่กลุ่มจักสานไม้ไผ่ หมู่บ้านป่าบง มีชื่อเสียงในการสร้างสรรค์งานจักสานไม้ไผ่ที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ งานจักสานที่ยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบันคือกระบุงหาบและข้องหลวง ซึ่งอดีตใช้สำหรับใช้งานในวิถีชีวิตประจำวันแต่ในปัจจุบันใช้เพื่อการตกแต่ง ลวดลายเก่าแก่ที่เป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้านคือ ลายมีดี และลายกระตู๊ ส่วนการพัฒนาลวดลายใหม่คือ ลายน้ำไหล ลวดลายเหล่านี้ถูกนำมาใช้ในการจักสานตะกร้า ถาด แจกัน โคมไฟ ฉากกั้นห้อง เช่นที่เห็นในห้องพักโรงแรมไนน์นี้ค่ะ นอกจากนี้ชาวบ้านยังได้พัฒนาใช้หวายเป็นวัสดุทำเป็นโคมไฟ ถาดและกล่องใส่ของอีกด้วย กลุ่มเครื่องปั้นดินเผา ประกอบด้วย หมู่บ้านกวนวัวลาย อนุรักษ์และสืบสานการปั้นหม้อน้ำดินเย็นชื่นใจ มีลายบิดเกลียวเป็นเอกลักษณ์ที่ใช้ตกแต่งบนหม้อ หม้อน้ำดินของที่นี่จะทำจากดินเหนียวที่มีรูพรุนและเผาด้วยอุณหภูมิต่ำ เมื่อใส่น้ำดื่มจะทำให้น้ำเย็นขึ้นทั้งยังมีกลิ่นหอมจากดิน หมู่บ้านม่อนเขาแก้ว ดินหมู่บ้านนี้มีคุณสมบัติเป็นดินที่สามารถทนไฟ พวกเขาจึงทำเครื่องครัวบนเตาไฟค่ะ แล้วตกแต่งลวดลายบนเครื่องปั้นดินเผาโดยใช้ไม้ตีลาย ลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ได้แก่ ลายดอกแก้วโบราณ ลายสับปะรดและลายบะก่ำ หมู่บ้านป่าตาล เดิมมีชื่อเสียงในการปั้นหม้อน้ำ คนโทและอิฐมอญ แต่เมื่อประมาณ 20 ปีที่ผ่านมาได้มีการพัฒนางานปั้นมาเป็นการปั้นตุ๊กตา มีทั้งตุ๊กตาที่เป็นรูปคนและสัตว์ต่างๆ ที่ล้วนแล้วแต่มีรอยยิ้มบนใบหน้า และ หมู่บ้านเหมืองกุง สืบทอดงานปั้นเครื่องปั้นดินเผาจากบรรพบุรุษ เช่นปั้นน้ำต้นหรือคนโท แบบโบราณที่ใช้แท่นหมุนมือที่เรียกว่า "จ้าก" เสร็จก็จะเคลือบสีผิวด้วยดินแดง ขัดให้เงาด้วยหิน แล้วแต่งลายใบโพธิ์(คล้ายกับรูปหัวใจค่ะ)และลายลูกกลิ้ง กลุ่มเครื่องเงิน อยู่ที่ ชุมชนวัดศรีสุพรรณ ทำเครื่องเงินเป็นแผ่นภาพลายล้านนาโบราณ และมีการประยุกต์นำเอาวัสดุอะลูมิเนียมมาดุนลาย แผ่นเล็กใช้ประดับห้อง แผ่นใหญ่ใช้ประดับตกแต่งอาคาร ซึ่งชุมชนนี้ก็ได้สร้าง "อุโบสถเงินวัดศรีสุพรรณ" โดยใช้เงินบริสุทธิ์ประดับส่วนที่สำคัญปลอดภัยและอะลูมิเนียมผสมประดับทั้งหลัง ถือเป็นผลงานชิ้นเอกแห่งเดียวในโลกค่ะ กลุ่มกระดาษสา ได้แก่ หมู่บ้านท่าล้อ อนุรักษ์การทำกระดาษสาโบราณมาจากบรรพบุรุษที่ใช้ค้อนทุบปอสาและต้มด้วยน้ำขี้เถ้า ส่วนใหญ่ทำเป็นกระดาษแผ่นยาว นอกจากนี้ใช้เทคนิคทำกระดาษจากเส้นใยธรรมชาติของพืชต่างๆ อย่างหลากหลายนะคะ ไม่ว่าจะเป็นใยกล้วย หญ้าคา ฟางข้าว และต้นตะกบ หมู่บ้านดงป่าซาง ทำกระดาษสาแบบธรรมชาติด้วยวิธีช้อนบาง และการกระดาษสามัดย้อมสีบาติก แล้วตกแต่งลวดลายด้วยวัสดุธรรมชาติทั้งดอกไม้ ใบไม้ สมุนไพรและผลไม้ หมู่บ้านต้นเปา ทำด้วยวิธีช้อนบางเหมือนกัน แต่ใช้เทคนิคสีน้ำมัน เทคนิคพ่นน้ำ และเทคนิคการปั้มนูน รวมถึงทำกระดาษสาเป็นผลิตภัณฑ์กล่องกระดาษ ถุงกระดาษ สมุดโน้ตและกรอบรูป กลุ่มทอผ้า ได้แก่ หมู่บ้านหนองอาบช้าง ที่ย้อมสีเส้นฝ้ายด้วยวัสดุธรรมชาติ ในอดีตการทอผ้าใช้วิธีการพุ่งเส้นด้ายด้วยมือ โดยฝ้ายเส้นพุ่งเป็นฝ้าย 100% ที่ปั่นด้วยมือ แต่ปัจจุบันได้ประยุกต์มาใช้กี่กระตุกในการพุ่งเส้นด้าย ลวดลายของผ้าฝ้ายทอมือที่ยังคงสืบสานกันมาจะเป็นลายมัดหมี่ประยุกต์ และลวดลายแบบ 4 ตะกอ ที่มีคุณสมบัติทำให้ผ้าทอมือของที่นี้มีความนุ่มฟู และมีลายนูน ๆ ออกมาจากพื้นผ้า พวกเสื้อผ้าจะมี หมู่บ้านดอนหลวง ทำเสื้อผ้าฝ้ายทอมือ ที่มีความโดดเด่นในการใช้ตะกอที่มีตั้งแต่ 2 ตะกอจนถึง 8 ตะกอ สร้างเป็นลวดลายโบราณหลากหลาย เช่น ลายโปร่ง ลายดอกแก้ว ลายดอกจอก ลายน้ำไหล ลายดอกดึง ลายปีกนก ลายลูกแก้ว ลายเปลือกข้าวโพด ลายขอดสี หมู่บ้านแม่สารบ้านตอง ทอผ้าทั้งผ้าไหมและผ้าฝ้าย ด้วยลวดลายยกดอก เมื่อสัมผัสแล้วจะนูนขึ้นจากตัวผ้า การจัดวางลายจะเป็นระเบียบและลงตัว นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการเลือกสีมาผสมผสานบนผืนผ้า ผ้าที่ทอได้นิยมนำมาใช้เป็นเครื่องนุ่มห่มโดยเฉพาะการตัดเย็บเป็นผ้าถุงค่ะ ส่วนที่ที่เราชอบเป็นพิเศษ คือ หมู่บ้านหนองเงือก เพราะเขามี "กี่คู่รัก" ที่สามารถทอได้พร้อมกันสองคน เป็นกี่ที่พ่อบ้านและแม่บ้านใช้ทอด้วยกันเพื่อเป็นผลงานผินใหญ่ของคู่รักในครอบครัว ใช้เป็นผ้าปูที่นอน และผ้าม่าน เชื่อว่าความรู้สึกที่เกิดจากการได้ทอผ้าให้สำเร็จร่วมกันยิ่งจะทำให้คู่รักหวานชื่นมั่นคงตลอดไป เล่ามาขนาดนี้ เชื่อว่าเพื่อน ๆ คงจะได้ไอเดียท่องเที่ยว หลังจากช่วงปิดเมืองเพราะเชื้อไวรัสโควิด-19 ผ่านพ้นไปกันแล้วใช่ไหมล่ะคะ ส่วนตัวเราคิดว่าการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นของประเทศไทยในปีนี้สำคัญอย่างมาก ทั้งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และเพื่อต่อลมหายใจแก่ศิลปวัฒนธรรม เพราะของเหล่านี้ถ้าขายไม่ได้ คนรุ่นใหม่ใน 18 หมู่บ้านก็อาจจะเลือกไม่สืบทอด แล้วไปทำงานออฟฟิศหรือรับจ้างอื่นแทน ซึ่งก็จะน่าเสียดายไม่น้อยเลยนะคะ ส่วนในระยะนี้ ใครที่สนใจพักผ่อน กักตัว ในบรรยากาศอบอุ่น ห้อมล้อมด้วยงานหัตถกรรมล้านนา ก็สามารถจองห้องพักที่โรงแรมไนน์ ใจกลางคูเมืองเชียงใหม่ไปพลาง ๆ ได้เช่นกัน ที่เบอร์ 097-956-1425 https://ninehotelchiangmai.business.site/ สนนราคาประมาณคืนละ 2,400-5,700 บาทค่ะ ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากฝ่ายมาร์เก็ตติ้งโรงแรมไนน์ Nine Hotel