หลาย ๆ ท่านคงเคยได้ยินความเชื่อที่ว่าต้นกระบองเพชรถ้าเอามาตั้งไว้หน้าคอมพิวเตอร์จะสามารถช่วยดูดซับรังสีที่ไม่ดีเอาไว้ได้ กับอีกความเชื่อที่ว่า ไม่ควรปลูกต้นไม้ที่มีหนามไว้ใกล้ตัวเพราะจะเปรียบเสมือนมีอุปสรรคขวากหนามมาคอยทิ่มแทงให้เจ็บปวดรวดร้าวอยู่ร่ำไป ทั้งสองความเชื่อนี้ช่างขัดแย้งกันเหลือเกิน เรา ๆ ท่าน ๆ เป็นผู้มีวิจารณญาน ในการที่จะเชื่อเรื่องต่าง ๆ กันอยู่แล้ว จึงเชื่อมันทั้งสองอย่างเลย ว้า แบบนี้จะทำไงดีแต่เดี๋ยวก่อน หากท่านกำลังประสบปัญหาเชื่อทั้งสองอย่าง วันนี้กระผมมีตัวช่วยพิเศษที่จะทำให้ท่านสามารถมีกระบองเพชรอยู่ที่หน้าคอมได้ แถมไม่มีหนามมาคอยทิ่มแทงให้เจ็บช้ำน้ำใจ กับต้นกระบองเพชรไร้หนาม สายพันธุ์พิเศษ แอสโตรไฟตัม แอสทีเรียส (Astrophytum Asterias) โอ้ว ให้ตายเหอะโรบิ้น มันยอดไปเลยซาร่า เอาจริง ๆ ถ้าพูดว่า แอสโตรไฟตัม มันก็จะมีทั้งสายพันธุ์ที่มีหนามและไม่มีหนามรวม ๆ กัน แต่อยากจะเน้นที่สายพันธุ์ แอสโตรไฟตัม แอสทีเรียส หรือที่ในวงการก็เรียกกันสั้น ๆ ว่า แอสโตร นั่นแหละ เป็นต้นกระบองเพชรหน้าตาน่ารักดูเฟรนด์ลี่ ไม่เกรี้ยวกราด เพราะนางไม่มีหนาม เจ้าแอสโตรนี้ ยังมีอีกหลากหลายชื่อ เช่น Sand dallar cactus, Sea urchin cactus, Star peyote อยากจะเรียกอะไรก็ตามใจ นางมีถิ่นกำเนิดมาจากรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกาโน่น แต่ไปเป็นที่นิยมโด่งดังเปรี้ยงปร้างที่ ญี่ปุ่น พูดง่าย ๆ คือเกิดที่อเมริกาและไปโตที่ญี่ปุ่น เอาล่ะ เรามาเริ่มรู้จักพวกนางกันเลย1. แอสโตรไฟตัม แอสทีเรียส นูดัม Astrophytum Asterias Nudum แบบแรกนี้ผิวจะเกลี้ยง ๆ หนามจะเป็นเหมือนขนฟู ๆ นุ่ม ๆ ด้วยความที่ผิวเกลี้ยงนี่เองจึงได้เรียกชื่อต้นที่มีลักษณะแบบนี้ว่า นูดัม ซึ่งน่าจะกร่อนมาจากคำว่านู้ด Nude ที่แปลว่าเปลือยเปล่า ทางญี่ปุ่นเอง ก็ให้ชื่อน่ารัก ๆ ว่า รูริ คำว่า รูริ แปลว่า แก้วสีเขียวไม้ไผ่ ซึ่งก็หมายถึงต้นที่มีสีเขียวล้วนนั่นไง2. แอสโตรไฟตัม แอสทีเรียส นูดัม โออิโบะ Astrophytum Asterias Nudum Ooibo หรือ รูริ โออิโบะ เรียกกันสั้น ๆ ว่า โออิโบะ ถ้าแปลตรงตัว โอ แปลว่า ใหญ่ โบะ แปลว่า หูด รวมความให้มันสละสลวยก็ให้หมายถึงจุดหนามที่ใหญ่โต มโหระทึก บึกบึน ภาษาญี่ปุ่นนิดเดียวแปลเป็นไทยซะยาวเลย ซึ่งลักษณะของ โออิโบะ คือ การที่ตุ่มหนามที่เป็นจุดขาว ๆ จะค่อนข้างใหญ่เป็นพิเศษนั่นเอง นอกนั้นก็ไม่ได้แตกต่างจาก นูดัมหรือ รูริ ตรงไหน3. แอสโตรไฟตัม แอสทีเรียส นูดัม 5 พู Astrophytum Asterias Nudum Pentagona เรียกกันสั้น ๆ ว่า 5 พู ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า โกเรียว เดิมทีต้นแบบปกติจะมี 6 หรือไม่ก็ 8 พู ด้วยการพัฒนาสายพันธุ์จึงได้ต้นแอสโตรที่มีพูหลากหลาย ตั้งแต่ 4 พู ไปจนถึง 13 พู แต่คนนิยม แบบ 5 พูกันมากกว่า ในท้องตลาด แบบ 5 พูจึงมีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับ 6 หรือ 8 พู4. แอสโตไฟตัม แอสทีเรียส นูดัม เอะคุโบะ Astrophytum Asterias Nudum Ekubo เจ้าลักษณะแบบ เอะคุโบะนี้ คือ ในแต่ละพูจะมีเส้นนอนขวางอยู่ คั่นระหว่างจุดหนามแต่ละจุด เจ้าลักษณะเส้นขวางแบบนี้ ในบางต้นตอนนางยังเด็กจะเป็นเด็กปกติ แต่พอโตขึ้นนางคงค้นพบตัวเองก็เลยแปลงกายจนเป็นอย่างที่เห็นนั้นแล5. แอสโตรไฟตัม แอสทีเรียส นูดัม กิ๊กโกะ Astrophytum Asterias Nudum Kikko กิ๊กโกะ คือความผิดปกติของรูปร่าง ดูแล้วคล้ายกระดองเต่า ถ้าเทียบกับมนุษย์ ก็คือ ความพิการ นางเกิดมาพร้อมความพิการ แต่นางสู้ชีวิตไม่ย่อท้อ จึงได้ดีในบั้นปลาย ว่าไปนั่น ความพิการนี้ถือเป็นรูปแบบที่หายาก ในหลายพันต้นจะเจอซักต้น แน่นอนว่าราคาก็จะแพง ถ้าเพาะเมล็ดแล้วเจอเจ้ากระดองเต่านี้ เรียกได้ว่าโชคดีเหมือนถูกหวย6. แอสโตรไฟตัม แอสทีเรียส นูดัม ฟุคุเรียว Astrophytum Asterias Nudum Fukuryo เจ้าตัวที่ชื่อ ฟุคุเรียวนี้ จะมีลักษณะพิเศษตรงที่ระหว่างพูหลักของต้นจะมีพูย่อยแทรกอยู่ บางทีภาษาไทยก็เรียกกันว่า แอสโตรแบบ พูแทรก7. แอสโตรไฟตัม แอสทีเรียส คาบูโตะ Astrophytum Asterias Kabuto คำว่า คาบูโตะ แปลว่าหมวกเหล็ก หรือ หมวกเกราะของนักรบโบราณ หรือ หมวกของซามูไร แต่ในที่นี้คาบูโตะเป็นการเรียกลักษณะจุดขาวที่กระจายไปทั่วทั้งต้น8. แอสโตรไฟตัม แอสทีเรียส คาบูโตะ วี ไทป์ Astrophytum Asterias Kabuto V type หรือบางทีเราจะเห็นร้านขายกระบองเพชรติดไว้ว่า CV จริง ๆ ควรจะเป็น KV หรือ คาบูโตะวี ลักษณะพิเศษของเจ้าตัวนี้เป็นที่ชื่นชอบกันอย่างมากราคาสูงมาก เพราะตุ่มหนามพัฒนาไปเป็นขีดขาวยาว ๆ เหมือนตัวอักษรวี ในภาษาอังกฤษและผิวจะมีจุดประสีขาวไปทั่วไม่เขียวล้วนอีกต่อไป9. แอสโตรไฟตัม แอสทีเรียส นิชิกิ Astrophytum Asterias Nishiki หรือ นิชิกิ คำว่านิชิกิจะบ่งบอกถึงลักษณะที่เป็นด่าง ไม่ว่าจะป็นสีอะไรก็จะเรียกนิชิกิหมดเลย พวกที่มีสีสันสดใสก็จะได้รับความนิยม น่าจะเรียกได้ว่ามากที่สุด ถ้าเจ้าสีด่างต่าง ๆ ไปรวมกับลักษณะพิเศษอื่น อย่างเช่น กิ๊กโกะด่าง วีด่าง รับรองเลยว่าราคาแรงแน่นอน10. แอสโตรไฟตัม แอสทีเรียส ซุปเปอร์คาบูโตะ Astrophytum Asterias Super Kabuto เรียกกันสั้น ๆ ในวงการว่า ซุปเปอร์คาบูโตะ ลักษณะที่ถูกเรียกแบบนี้เพราะจุดขาวนั้นใหญ่โต และกระจายไปทั่วทั้งต้น ซึ่งถ้าจุดขาวนี้ครอบคลุมเยอะมาก ๆ จนไม่เหลือสีเขียวจะเรียกกันอีกชื่อว่า Snow type ขาวโพลนเหมือนโดนหิมะปกคลุมกันเลยทีเดียวแค่กระบองเพชรสายพันธุ์ แอสโตรไฟตัม แอสทีเรียส สายพันธุ์เดียว ยังแบ่งได้เป็นหลากหลายลักษณะ โดยหลัก ๆ แล้วก็จะมีลักษณะเด่นที่สังเกตได้ง่าย ๆ อยู่เท่านี้ และเจ้าพวกที่กล่าวมานี้ก็สามารถพัฒนาผสมกัน อย่างเช่น แบบ 5 พู ผสม วี ผสม ด่าง จะกลายเป็น 5 พูที่มีเส้นขาวตัววี และมีสีสันสดใส หรือ แบบกระดองเต่า กิ๊กโกะ ผสมกับตัวที่มีสี ได้เป็นกระดองเต่าแบบมีสี นอกจากนี้ยังมีพวกที่ลายจุดกระจายไปทั่วแบบเป็นระเบียบเรียกว่า มิราเคิลคาบูโตะ หรือ พวกที่มีดอกสีแดง ก็จะเรียกกันว่า อาคาบานะ คาบูโตะ แต่แบบนี้จะสังเกตได้ยากหน่อยเพราะต้องรอจนกว่าจะมีดอก หรือ ตัวที่พัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมาใหม่ ที่ชื่อ ชินโชวะ ที่กลีบดอกจะเป็นริ้วคล้ายขนนก ซึ่งอย่างหลังที่กล่าวมานี้ผมเองก็ยังไม่มีในครอบครอง มาถึงท้ายนี้ถ้าตกลงปลงใจ จะไปเสาะแสวงหาแอสโตรมาไว้ข้างกายซักต้น ก็ขอแนะนำวิธีการดูแลเอาใจใส่ง่าย ๆ ที่ใครก็สามารถทำได้ดังนี้ครับดินสำหรับกระบองเพชรแล้วหลาย ๆ คนอาจคิดว่าเค้าชอบดินทราย ซึ่งถ้าเป็นต้นตามธรรมชาติก็น่าจะเป็นแบบนั้น แต่ไม่ใช่กับเจ้าต้นไร้หนามนี้ คงเนื่องมาจากเค้าผ่านการพัฒนาสายพันธุ์ ดังนั้นทรายดาษ ๆ คงไม่ไหว ก็แนะนำให้มีดินปน ๆ อยู่บ้าง เล็กน้อย เน้นแค่ว่า ดินต้องโปร่ง น้ำไม่ขัง รดน้ำปุ๊บ ต้องซึมหายไปในดินได้หมดเลยไม่คั่งค้างอยู่ที่ผิวดิน เพราะถ้าน้ำขัง รากก็จะเน่าและทำให้เค้าตายได้น้ำเหมาะเลยสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลารดน้ำ หรือ ขี้ลืม เพราะ แอสโตรนี้ เค้าอดน้ำได้เป็น 10 วัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าพอได้มาปุ๊บไม่รดน้ำเลยนะครับ เพราะในร้านหรือตามฟาร์มต่าง ๆ เค้าก็ต้องเลี้ยงให้ดูสวย รดน้ำให้ผิวของเจ้าพวกนี้เต่งตึงอยู่เสมอ ดังนั้นเค้าก็จะรดน้ำบ่อย จนต้นไม้เคยชิน ถ้าได้มาใหม่ ๆ ให้รดน้ำบ่อยหน่อย สังเกตดินว่าแห้งหรือยัง ถ้าแห้งก็รดน้ำได้เลยแล้วค่อย ๆ แกล้ง ยืดเวลาออกไปเรื่อย ๆ เค้าจะค่อย ๆ ปรับตัว จนกระทั่งขาดน้ำได้เป็น 10 วัน แต่ถ้าให้แนะนำ มากที่สุดอาทิตย์ละครั้งกำลังดีครับ น้ำจะช่วยให้เค้าอ้วนและน่ารักอยู่เสมอแสงต้องอย่าลืมว่าเค้าเป็นเด็กญี่ปุ่น ดังนั้นแดดเมืองไทยจึงเป็นอะไรที่โหดร้ายสำหรับเค้าพอสมควร ทั้ง ๆ ที่เค้าเป็นไม้ที่ชอบแดดนะ เจอแดดเมืองไทยเข้าไป ใคร ๆ ก็ยอมแพ้ แนะนำว่า ให้วางเค้าไว้ในที่ที่มีแดด ตอนเช้า 2 - 3 ชั่วโมง หรือ ครึ่งวัน จะดี แล้วจากนั้นถ้าอยากไว้กลางแดดเราก็ค่อย ๆ ให้เค้าปรับตัวไปเรื่อย ๆ ถ้าเค้าโดนแดดมากเกินไป ผิวเค้าจะไหม้ จากสีเขียวสด จะกลายเป็นเขียวซีด นั่นแปลว่าแดดเยอะไปแล้ว และหากแสงน้อย เค้าจะยืดตัวสูง จนผอมเพรียวเป็นนางแบบ ดังนั้นก็ต้องหมั่นสังเกตเอานะครับว่ามากไปหรือน้อยไปศัตรูเนื่องจากเค้าไม่มีอาวุธหรือหนามเอาไว้ป้องกันตัว ก็เลยมักจะโดน สัตว์เลี้ยงแสนรักของเรา จู่โจมบ่อย ๆ โชคดีก็บาดเจ็บ โชคร้ายก็ถึงขั้นสิ้นชีพกันไปเลย ดังนั้นควรวางพวกเค้าไว้ในที่ปลอดภัยจากสัตว์เลี้ยงซักหน่อย ส่วนศัตรูพืชตามธรรมชาติ ในช่วงหน้าฝน บางพื้นที่จะมีเพลี้ยมาคอยกัดกิน ดก็ขอแนะนำว่าช่วงหน้าฝนเวลาจะรดน้ำก็ให้ผสมน้ำยาล้างจ้างชโลมให้ทั่วต้นจะช่วยป้องกันเพลี้ยได้ครับความเอาใจใส่ตามวัฒนธรรมญี่ปุ่นเค้าเชื่อกันว่าของทุกสิ่งมีความรู้สึก มีชีวิตจิตใจ ลองเอาใจใส่ต้นไม้ ลองคุยเล่น ๆ กับเค้าบ่อย ๆ รับรองได้เลยว่า เค้าจะรักเจ้าของจนบางทีอาจออกดอกสวย ๆ ให้เจ้าของต้องแปลกใจเล่น เมื่อไล่เรียงมาได้ดังนี้แล้ว คราวนี้การหากระบองเพชรเพื่อมาไว้ดูดรังสีถ้ามันดูดได้จริง ก็ไม่ต้องห่วงกังวลความเชื่อตามหลักฮวงจุ้ย ที่หนามจะมาคอยทิ่มแทงอีกต่อไป แต่อย่างไรการปลูกต้นไม้ก็เป็นการผ่อนคลายความเครียด ยังมีผลการวิจัยที่ว่าการได้เอาร่างกายไปสัมผัสโอบกอดกับ ธรรมชาติ ต้นไม้ หิน ดิน ทราย จะช่วยบำบัดอาการเจ็บป่วยได้ แต่ถ้าคิดจะกอดต้นกระบองเพชร แนะนำเลยว่า ต้อง แอสโตรไฟตัม แอสทีเรียสเท่านั้น ภาพประกอบทั้งหมดถ่าย โดย Ounjang