หากเอ่ยถึงอำเภอแม่อาย หลายคนคงจะคุ้นเคยกับภาพจำของพื้นที่อำเภออันห่างไกลทางตอนเหนือสุดของจังหวัดเชียงใหม่ผ่านบทละครที่สะท้อนภาพชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่งที่ต้องมีชีวิตที่สุดแสนจะข่มขื่นจากบทละคร “แม่อายสะอื้น” ซึ่งทำให้เกิดภาพจำว่าพื้นที่ถิ่นฐานอำเภอนี้จะต้องมีความทุรกันดาร มีความเป็นอยู่ที่แร้นแค้นเนื่องจากไกลปืนเที่ยงเป็นแน่แท้ แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้วอำเภอแม่อายกลับมีภาพความจริงที่ตรงกันข้ามจากที่เราเคยเห็นผ่านบทละครอยู่มาก เพราะผู้คนในอำเภอแม่อายไม่ได้ทุกข์ระทมสะอื้นไห้อย่างเช่นในละคร ความเจริญที่พอเหมาะ ผสานกับสังคมที่เงียบสงบ ธรรมชาติที่งดงามหลากหลายและวัฒนธรรมที่มีการผสมผสานกันอย่างลงตัว โดยเฉพาะในยามที่ลมหนาวได้หวนคืนมาอีกครั้งตามการเปลี่ยนผันของฤดูกาล สำหรับใครที่โหยหาอากาศที่เย็นสบายที่มาพร้อมกับความเงียบสงบของวิถีชีวิต “อำเภอแม่อาย” เป็นอีกที่หนึ่งที่ผมแนะนำให้มาเยือน การเดินทางมาท่องเที่ยวในอำเภอแม่อาย แน่นอนครับว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดควรจะเป็นในช่วงฤดูหนาวที่ซึ่งอากาศ ณ อำเภอแห่งนี้นั้นค่อนข้างที่จะหนาวเย็นมากทีเดียวแม้ว่าจะอยู่บนพื้นราบ เนื่องจากมีพื้นที่ที่โอบล้อมด้วยป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะย่านถิ่นฐาน “บ้านท่าตอน” ที่อยู่เหนือสุดติดชายแดนไทย-เมียนมาร์ ซึ่งการเดินทางมายังอำเภอแม่อายนั้น แนะนำให้ใช้ 2 เส้นทางหลัก คือ 1) เมื่อเริ่มต้นเดินทางจากตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง โดยใช้เส้นทางหมายเลข 107 ผ่านอำเภอเมือง แม่ริม แม่แตง เชียงดาว ไชยปราการ ฝาง และเข้าสู่ถนนหมายเลข 1089 เข้าสู่อำเภอแม่อายต่อไป และ 2) หากเดินทางมาจากตัวเมืองจังหวัดเชียงรายจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ด้วยระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร โดยวิ่งมาตามทางหลวงหมายเลข 1 และตัดเข้าถนนเส้นทางหมายเลข 1089 เมื่อถึงทางแยกบริเวณตัวอำเภอแม่จัน ซึ่งเมื่อถึงยังด่านทางแยกขึ้นไปยังดอยแม่สลองก็จะเหลือระยะทางอีกราว 25 กิโลเมตรก็จะเข้าสู่เขตอำเภอแม่อาย ณ "บ้านท่าตอน" จากตัวอำเภอแม่อายเดินทางต่อมาอีกราว 20 กิโลเมตรก็จะถึง “บ้านท่าตอน” ชุมชนอันเงียบสงบริมลำน้ำกกที่ต้นสายไหลมาจากเทือกเขาลึกในเขตแดนฝั่งรัฐฉาน ประเทศเมียนมาร์ สถานที่พักมีให้เลือกหลากดหลาย ความสะดวกสบายตามระดับราคา ซึ่งผมเลือกพักที่รีสอร์ทที่ชื่อว่า “ท่าตอนฮิลล์” ที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากย่านกลางเมืองของบ้านท่าตอนนัก ซึ่งที่นี่มีที่พักให้เลือก 2 ระดับราคา เริ่มต้นที่ราคาห้องละ 350 – 600 บาท สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นจุดสนใจที่สำคัญของบ้านท่าตอน อำเภอแม่อาย มีด้วยกันหลากดหลายสถานที่ ซึ่งนอกจากสวนส้มธนาธรที่หลาย ๆ คนรู้จักกันดีแล้วนั้น ในการดินทางของทริปนี้จะพาทุกคนไปเที่ยวชมสถานที่ที่น่าสนใจและแปลกใหม่ในสถานที่อื่น ๆ เริ่มจากสถานที่อันเป็นจุดสำคัญที่เมื่อใครมาถึงจักต้องไปเยือนให้ได้นั่นคือ “วัดท่าตอน” ซึ่งตัววัดตั้งอยู่บนยอดดอยที่มีความสูงต่างระดับกัน โดยบนยอดดอยสูงสุดจะมองเห็นทิวทัศน์ของที่ราบกลางหุบเขาของอำเภอแม่อายและสายน้ำกกที่ไหลคดเคี้ยว และเป็นที่ตั้งของพระธาตุเจดีย์องค์ใหญ่ที่ด้านในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและสามารถชมทัศนียภาพอันสวยงามของทิวทัศน์บ้านท่าตอนแม่อำเภอแม่อายได้จากลานด้านบนพระธาตุเจดีย์ “บ้านทรายมูล” ชุมชนเล็ก ๆ ติดชายแดนในยามเช้า สามารถเที่ยวชมบรรยากาศหาดทรายริมลำน้ำกก จุดเริ่มต้นของแม่น้ำสายนี้ที่ไหลเข้าสู่เขตแดนประเทศไทยและไหลไปลงสู่แม่น้ำโขงที่อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ซึ่งในยามเช้าจะมีละอองสายหมอกกระทบแสงแดดอ่อน ๆ ที่เกิดจากคลื่นน้ำที่ไหลกระทบโขดหินเล็ก ๆ ที่เรียงรายอยู่กลางลำน้ำกก “วัดภาวนานิมิต บ้านร่มไทย” วัดไทใหญ่ที่มีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมที่สะท้อนฝีมือเชิงช่างศิลปะไทใหญ่ที่งดงาม และมีการออกแบบสถาปัตยกรรมเสาของอาคารต่าง ๆ เป็นรูปกลองมองไตยหรือกลองก้นยาวของชาวไทใหญ่ อันสะท้อนให้เห็นถึงศรัทธาในพระพุทธศาสนาของชาวไทใหญ่ที่เป็นประชากรส่วนมากที่อาศัยอยู่ในย่านบ้านท่าตอน “หอมแผ่นดินฟาร์ม” ฟาร์มเกษตรผสมผสานสมัยใหม่ ที่ได้บรรยากาศของสวนองุ่นสไตล์เอเดน และกลิ่นอายของฟาร์มสไตล์อิงลิชคันทรี่ บริเวณที่เป็นสวนองุ่นนั้นจะถึงก่อนส่วนที่เป็นฟาร์มประมาณ 500 เมตร ซึ่งจุดนี้จีมีบริการอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะผลิตต่าง ๆ จากองุ่นทั้งสดและแปรรูปให้เลือกจับจ่ายซื้อหาเป็นของฝาก และในส่วนของฟาร์มนั้นจะเสียค่าเข้าชมคนละ 45 บาท ภายในพื้นที่ด้านในฟาร์มประมาณ 5 ไร่ได้ออกแบบจัดแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ ให้ได้เลือกมุมสวย ๆ เอาไว้ถ่ายรูปและเช็คอินกันแบบคูล ๆ เห็นไหมครับว่า การเดินทางมาอำเภอแม่อาย โดยเฉพาะย่านบ้านท่าตอน นอกจากจะไม่สะอื้นไห้เหมือนที่ถ่ายทอดในบทละคร แต่กลับอิ่มเอมใจและหลงใหไปกับธรรมชาติท่ามกลางป่าเขาและสายน้ำใหญ่ และผมเชื่อเลยครับว่า เมื่อสายลมหนาวหวนคืนกลับมาอีกครั้งเมื่อใด หากใครได้เคยมาเยือนแม่อายแล้วไซร้ คงจะหวนคำนึงคิดถึงแม่อายเมืองนี้อย่างแน่นอน ขอบคุณภาพประกอบการเดินทางทั้งหมดจากเพจนักเขียน Thip_Traveller