ผมกลับมาปีนังครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว ครั้งแรกไปตอนปี 2561 กับคุณแม่ประมาณ 5วัน ตอนนั้นจำได้ว่าสนุกทั้งผมและแม่ เราไม่ได้แพลนไรกันเยอะ แต่กลับสนุกมาก หิวก็เดินเข้าไปกินร้านไหนก็ได้ เอาจริงๆปีนังอาหารอร่อยแทบจะทุกร้านอยู่แล้วเป็นเมืองแห่งอาหาร ถูกปากคนไทย แต่ครั้งนี้ที่ผมจะมาเล่าประสบการณ์การอยู่ที่ปีนัง 10 วันเต็มให้ฟัง ผมไปช่วงปลายเดือนมิถุนายนกลับมาจากเชียงใหม่ช่วงต้นเดือนกรกฎาคม เหตุผลที่เลือกไป 10วันก็เพราะว่าผมอยากไปลองใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนั้นจริงๆว่า ถ้าเราได้ไปอยู่จริงๆแล้วเราจะชอบมั้ย ประกอบกับนัดเจอกับเพื่อนคนมาเลเซียที่ปีนังเพื่อให้เค้าพากินพาเที่ยวแบบคนท้องถิ่นจริงๆ แล้วก็อีกเหตุผลหนึ่งคือมาเรียนรู้การใช้ชีวิตและไอเดียการทำธุรกิจใหม่ๆที่จะเอากลับมาเป็นโจทย์เวลากลับมาเมืองไทย เท่ากับว่านี่เป้นครั้งแรกที่ไปอยุ่เมืองๆเดียวตั้ง 10 วันเลยครับ ผมเลยจะมาสรุปเป็นข้อๆให้ฟังว่าผมได้ข้อคิดอะไรกลับไปจากปีนังบ้าง 1.สัมผัสได้ว่าคนที่นี่มี Energyเยอะมาก ทำอะไรเร็วไปหมด แล้วขยันทำงานกันมากกก คนหนึ่งทำ 2 งานขึ้นไป อยู่ปีนัง 10 วันนี่รู้สึกได้เลยว่าคนที่นี่แอคทีฟมาก ทำอะไรเลยไปหมด ทำให้เรารู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมาด้วยเลยซึ่งเป็นเรื่องดีมาก เพราะอยู่เชียงใหม่ก็จะไม่ได้เร็วอะไรแบบนี้เลย อาจจะเหมือนคนมาเลเซียเชื่อสายจีนอยู่ที่เกาะปีนังเยอะด้วย ได้พลังงานงานดีๆก่อนกับไปชีวิตSlow life ที่เชียงใหม่ครับ 2.Grab Taxi ถูกกว่าที่เชียงใหม่จริง สื่อสารง่ายเพราะทุกคนพูดภาษาอังกฤษได้ ความรู้รอบตัวแน่น จากการพูดคุยกับคนขับGrabหลายๆคน ผมก็พบว่าที่มาเลเซียไม่มีปัญหาเรื่องGrab taxi กับคนขับแท็กซี่ทั่วไป เพราะคนขับGrab Taxiทุกคันจะต้องไปสอบใบขับขี่เช่นเดียวกับ taxiทั่วไปเลยครับ ที่นี้ก็จะแข่งขันกันแบบแฟร์ๆไปเลย ไม่มีปัญหาด้านการประท้วงความไม่เป็นธรรมจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอีกต่อไป ที่สำคัญเรียกรถที่นี่เร็วมาก ลูกค้าไม่ต้องรอนาน คนขับพูดภาษาอังกฤษได้ทุกคน จากประสบการณ์แล้วไม่เคยรู้สึกว่ารอรถนานเลย อันนี้ชอบมากๆ 3.อาหารการกินมีให้กิน 24ชั่วโมง 7-11ที่นี่แต่ไม่มีของกินเยอะแบบบ้านเรา แต่มีร้านอาหารให้นั่งกิน 24ชั่วโมงเยอะ ควรจะรู้ชื่อร้านก่อน ถ้าพักในย่านใจกลางเมืองอย่าง George Town ไม่ต้องกลัวร้านอาหารข้างทางมีให้เลือกมากมาย มีทั้ง ชาก๋วยเตี๋ยว ติ๋มซำ และของหวานอื่นๆอีกมากมาย แนะนำให้ถามคนท้องถิ่นแถวนั้นว่าไปกินที่ไหนดี ส่วนใหญ่ก็จะแนะนำให้ไปกินที่เค้าไปกินกันบ่อยๆนั้นแหละจะหาง่าย ที่สำคัญส่วนใหญ่ถูกกว่าบ้านเรา อาหารจานเดี่ยวราคาปกติเริ่มที่21บาท(ตามค่าเงินตอนนั้น) ซึ่งตอนนี้ก็ไม่น่าจะต่างมาก แต่ปริมาณเท่าที่ไทยจานปกติเลย ถูกปะละ ! 4. คุณหารอยยิ้มจากคนที่นี้ได้ง่ายมาก ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร แท๊กซี่ ร้านกาแฟ บริการดี ใส่ใจลูกค้า ผมรู้สึกได้ว่านอกจากสยามเมืองยิ้มบ้านเราแล้ว ก็มีที่ปีนังนี่แหละที่เค้าบริการไปยิ้มไป 5.กฎหมายที่นี่ค่อนข้างเข้มงวด แต่ทุกคนเคารพกฎ เนื่องจากมาเลเซียเป็นที่ประเทศที่มีคนเป็นมุสลิมส่วนใหญ่ ดังนั้นกฎหมายของเค้าก็จะค่อนข้างเข้มงวดพอสมควร เช่นเรื่องของเครื่องดื่มแอลกฮอล์ที่ราคาไม่ได้ถูกมากนักแต่ก็ไม่ได้แพงเวอร์จนซื้อไม่ได้ 6.รถบัสปรับอากาศก็ถูกเริ่มต้นที่ 14บาท แล้วก็มีรถบัสฟรีรอบเมืองGeorge Town วิ่งเช้าถึงค่ำเลย ถามหาตารางเดินรถได้จากที่พักที่คุณเข้าพักเลยครับ ส่วนใหญ่น่าจะมีให้เกือบทุกที่เลย ไม่ยุ่งยากครับ 7. ใครชอบเดินขึ้นเขาจัดเลย Penang Hill 3ชั่วโมงเต็มๆ เดินโหดมากก ลองมาละ แต่ถ้าอยากชิวไปขึ้น Cableได้ คนจะเยอะหน่อย 8.wifiที่นี่จะช้ากว่าบ้านเราหน่อย แต่ซื้อซิม4Gที่นี่ใช้โอเคเลย ไม่ได้ช้า ถ้าใครมาอยู่ที่นี่อย่างน้อยหนึ่งอาทิตย์ขึ้นไป แนะนำว่ามาซื้อซิมที่นี่ดีกว่าครับ ถูกกว่าซื้อที่ไทยมา แนะนำเป็นซิมของ Maxis หรือ Digiก็ได้นะครับ 4G โอเคเลย 9.จริงๆในประเทศมาเลเซียก็มีความข้ดแย้งเยอะไม่ต่างจากในประเทศไทยเพียงแต่ว่าเค้าไม่ค่อยปล่อยข่าวไหลออกนอกประเทศเท่าบ้านเรา อันนี้สอบถามจากเพื่อนคนมาเลเซียมา แต่ข่าวเมืองเค้าไม่ค่อยเผยแพร่นอกไปนอกประเทศมากเหมือนบ้านเรา 10. แถมๆ พอดีมีเพื่อนเป็นคนที่นี่ เรามีโอกาสคุยกันหลายเรื่อง แต่มีเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือผู้นำมาเลเซียเค้าสร้างให้คนของเค้ารักชาติมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการผลิตรถแบรนด์ของประเทศ การทุ่มเทและความขยันของคนในชาติ เค้าไม่หยุดที่จะพัฒนา ถึงจะมีหลากหลายเชื้อชาติในประเทศอันนำมาซึ่งความไม่ลงลอยกันเยอะมากกก แต่ผลลัพธ์คือเค้าช่วยกันหาขอตกลงแล้วทำให้ประเทศไปข้างหน้าต่อได้ รวมๆจะบอกว่าค่าใช้จ่ายถูกกว่าอยู่เชียงใหม่จริงๆ คำนวณคร่าวๆละ ถ้าไม่ได้ไปช็อปปิ้งนะ 55555 ใครจะหลบฝุ่นควันปีหน้าเชิญครับ ปีนังรอคุณอยู่😂😂