เหตุเข้าใจผิด

ถ้าหากว่าการตายไปคือการจบทุกอย่างเหมือนการทำงานของร่างกาย  เราคงไม่ได้ยินหรือประสบพบเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่สามารถหาคำอธิบายต่างๆ เหล่านี้ แต่การตายของคนเรามันยังไม่ใช้จุดจบเสมอไป...!!

เรื่องนี้เป็นเรื่องของ "ลุงสิงห์" คนแถวบ้านของฉันเอง ลุงสิงแก่มีเมียชื่อ "ป้าวัน" มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน บ้านแถวๆนั้นจะปลูกติดๆ กันเป็นกลุ่มๆ ครอบครัวก็อยู่กันกอย่างสงบสุขมานาน จนกระทั้งลุงสิงห์แก่ตกงานต้องมาอยู่บ้านเฉยๆ ร่วมสองเดือน  ระหว่างนั้นแก่ก็ได้สังเกตุเห็นว่า ป้าวันกับ "ลุงพงษ์" (คนข้างบ้าน) ดูสนิทสนมกันมาก ลุงพงษ์แก่ก็มีครอบครัวอยู่แล้วและมีลูกชายตัวเล็กประมาณ 2- 3 ขวบอยู่ ป้าวันมักจะไปคุยกับลุงพงษ์และมักจะไปหยิบยืมเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว

ระหว่างที่ลุงสิงห์ตกงาน พอลุงสิงห์ได้งานทำแก่ก็ยังคงเกิดความระแวงกลัวว่าป้าวันกับลุงพงษ์จะมีอะไรกันมากกว่าแค่สนิทกัน แก่จึงกลายเป็นคนติดเหล้าดื่มเหล้าทุกเย็นและมักจะทะเลาะกับป้าวัน ป้าวันอธิบายเท่าไรแก่ก็ไม่เข้าใจ จนวันหนึ่งมีปากเสียงกันรุนแรง  คืนนั้นลุงสิงห์หายออกไปจากบ้านทั้งคืน จนรุ่งเช้าก็มีชาวบ้านมาบอกป้าวันว่า พบลุงสิงห์เป็นศพเเขวนคือตายอยู่ท้ายบ้าน (ลุงสิงห์แก่ไปแขวนคออยู่ตรงโครงสร้างที่่เค้าจะสร้างบ้านแต่ยังสร้งไม่เสร็จ) ป้าวันรู้สึกเสียใจ คืนสวดศพวันแรกดำเนนไปได้ด้วยดีไม่มีใครพบเจออะไร แต่วันต่อไปไม่เป็นเช่นนั้น ตอนกลางคืนหลังจากพระสวดเสร็จ จะมีคนเห็นลุงสิงห์ไปยืนอยู่หน้าบ้านของตนเองบ้าง บางครั้งก็เห็นลุงสิงห์ไปอยู่หน้าบ้านของลุงพงษ์ คืนสวดศพวันที่สาม ระหว่างที่พระกำลังเดินทางกลับ ลุงพงษ์ก็ตะโกนโวยวายลั่นงาน "ไอ้สิงห์แกมาทำไม  แกจะเอาอะไรจากข้าอีก" คืนนั้นเอง หลังจากลุงพงษ์เข้านอนก็ไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย หลังจากที่งานศพของลุงสิงห์และลุงพงษ์ผ่านไป ป้าวันฝันว่า ลุงสิงห์มาบอกว่า "กูไม่อยู่แล้วก็อย่าคิดว่าจะเล่นชู้กันได้อย่างสบายใจนะ กูเอามันมาแล้ว 5555" แล้วลุงสิงห์ก็หายไป ป้าวันไม่สบายใจจึงไปถามคนทรง คนทรง (ลุงพงษ์) ก็บอกว่า "คืนวันนี้ไอ่สิงห์ มันมาที่บ้านมานอนทับ เอาข้าจนตาย มันหาว่าเราเล่นชู้กัน" เหตุการณ์หลังจากนั้นก็ไม่เคยมีใครเห็นลุงสิงห์และลุงพงษ์อีก เว้นแต่ลูกชายของลุงพงษ์บางทีก็เล่นคนเดียว ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เรียก "พ่อ พ่อ"