หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องมาอยู่ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในแทบจะทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทคโนโลยีที่เข้ามา Disruption ในด้านของธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งต้องทำให้บริษัทห้างร้านต้องปรับโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ให้ตอบสนองต่อผู้บริโภคให้ดียิ่งขึ้น ด้านการศึกษาก็เช่นกัน ยกตัวอย่าง มหาวิทยาลัยคือแหล่งเรียนรู้หรือสถานที่ต่อยอดความสำเร็จ ที่พร้อมไปด้วยอาจารย์และบุคลากร ก็ต้องปรับตัวให้ทันตามเทคโนโลยี แต่ลึกๆแล้วการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วนี้ไม่ได้สร้างความเสียหายร้ายแรงมากเท่าที่หลายคนคิด Disruption หากใครที่รู้จักได้ยินแล้วก็รู้สึกหวาดกลัว และรู้สึกหวั่นใจว่าคำนี้มันช่างรุนแรงต่อเราเหลือเกิน แต่หยุดคิดสักหนึ่งนาทีเพื่อเข้าใจมันก่อน ว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด สิ่งที่ดีที่สุดในการยอมรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้คือ “การไม่ปฏิเสธที่จะเรียนรู้” ยอมรับ หรือปรับตัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน อีกทั้งการหาโอกาสที่เกิดขึ้นในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ (ทุกวิกฤติต้องมีโอกาสให้เราเสมอ) ใครหลายๆคน ว่าการเปลี่ยนแปลงย่อมมีการสูญเสียเพื่อให้บางอย่างดีขึ้น แต่ 3 สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณเป็นผู้ที่ “เอาตัวรอด” ได้ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ “เรียนรู้” ใช่แล้วการเริ่มต้นที่จตะยอมรับการเปเลียนแปลงนั้น คุณต้องเรียนรู้มัน รู้จักมัน ศึกษาสิ่งที่คุณต้องการ หรือเรียนรู้สิ่งที่คุณมี ข้อผิดพลาดไม่ใช้สิ่งที่ต้องหวาดกลัว ข้อผิดพลาดต่างหากจะทำให้คุณเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ“พัฒนาตัวเอง” อยู่เสมอ หลายคนอาจมองว่าความรู้ที่มีอยู่เพียงพอแล้วต่อการใช้ชีวิต ไม่เลย คุณเปลี่ยน Mind set คุณใหม่ได้เลย หากคุณต้องการจะยอมรับการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วคุณต้องรู้จักพัฒนา มีความสามารถใหม่ ๆ ศักยภาพใหม่ ๆ เชื่อเถอะครับหากคุณทำธุรกิจ แล้วพัฒนาองค์กร พัฒนาบุคลากร พัฒนาสินค้าให้ดีเสมอๆ คุณก็ล้ำหน้าคู่แข่งไปหนึ่งก้าวแล้ว “ทำเลยสิ ลงมือทำเลย” เรียนรู้มาตั้งเยอะ พัฒนาตัวเองมาตั้งไกล แต่ไม่ลงมือทำสักที มันจะเกิดขึ้นมั้ย? อย่าอ้างกับตัวเองว่า เดี๋ยวค่อยทำเลย ทำก่อนได้ก่อน เจ็บก่อนรู้ก่อน คนที่จะประสบผลสำเร็จได้ต้องลงมือทำ 3 สิ่งนี้มันจะช่วยให้คุณเอาตัวรอดในยุคของการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วนี้ได้ อย่าลืม เรียนรู้สิ่งใหม่ๆเสมอ และที่สำคัญต้องรู้จุดแข็งและจุดอ่อนของตัวคุณ หากคุณรู้เร็วคุณก็จะพัฒนาได้เร็วยิ่งขึ้นไปอีก เอาตัวรวดได้แล้ว.