เชียงใหม่ถือเป็นจังหวัดยอดฮิตที่ไม่เคยเอ้าท์ มีเอกลักษณ์ที่เด่นมากกก เชื่อว่าเป็นจังหวัดที่ใครหลายคนก็อยากจะมาสักครั้ง และมาแล้วรับรองว่าติดใจ อยากมาซ้ำอีกแน่นอน โดยเฉพาะปลายปี ..ใครอยากมาพักผ่อน เดินเล่น ถ่ายรูปชิคๆและดื่มด่ำธรรมชาติ ครบทุกฟิล แนะนำเลยค่ะว่าไม่มีผิดหวัง!! มาค่ะ มาเริ่มเดินทางไปแอ่วเชียงใหม่กัน ~ แอร์จองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าครึ่งเดือน ทำให้ได้ราคาตั๋วน่ารักๆ โดยบินจากกทม. ขาไป 920.- และขากลับได้ราคาเท่ากัน โชคดีมากๆที่ได้ราคาไม่ถึงพันบาท (ไป-กลับ ค่าตั๋วเครื่องบิน 1,840.-)*ใครแพลนล่วงหน้ากว่านี้หรือได้ช่วงโปรโมชั่นก็อาจจะถูกกว่านี้น้าาDAY 1เข้าที่พักกันก่อน ที่ The Nimman13 Guesthouse พักที่นี่สองคืน คืนละ 690.- แต่ไม่รวมอาหารเช้านะคะ จองง่ายๆผ่าน Agoda ได้เลย^^ ที่แอร์เลือกพักที่นี่เพราะเดินทางไม่ไกลจากสนามบินมากและยังสามารถเดินเล่นแถวนิมมานได้เลย สะดวกมากๆ หลังจากนำสัมภาระไปเก็บเรียบร้อยแล้ว ไปที่แรกกันเลยยยยGraph cafe *มีหลายสาขา ที่นี่คือสาขาถนนมูลเมือง คูเมืองเชียงใหม่ จ้าาา (ห่างจากที่พักประมาณ 3.5 กม. นั่งรถแดง 30 บาท/คน) เปิดทุกวัน 9.00-17.00 น. ระหว่างรอคิว Graph cafe เนื่องจากคนเยอะมากกก แอร์ได้เดินเล่นพลางๆ แถวนั้นมีมุมให้แวะถ่ายรูปเพียบ เดินต่อประมาณ 400 ม. ก็ถึงร้าน Brewginning coffee เป็นอีกหนึ่งร้านที่ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คเลย เพราะอยู่ในย่านชุมชนเก่า ถนนช้างม่อย และข้างๆ Brewginning coffee จะเป็นร้านขายสินค้างานจักรสาน เปิดทุกวัน 7.30-17.00 น.บังเอิญแอร์ไปถึงเชียงใหม่วันอาทิตย์ ก็เลยได้มา ประตูท่าแพ และ ถนนคนเดินท่าแพ เปิดเฉพาะวันอาทิตย์ 17.00-22.00 น. ใครไม่มาที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงเชียงใหม่น้าาา จากร้าน Brewginning coffee เดินไม่ไกลเลย แค่ 210 ม.เท่านั้น ของกินที่นี่ก็ไม่แพง แม้จะมีบางร้านที่เป็นราคาสำหรับนักท่องเที่ยวบ้าง ..หลังจากเดินและแวะซื้อของกินที่ถนนคนเดินท่าแพแล้ว ก็นั่งรถแดงกลับที่พัก (30 บาท/คน เท่าเดิม^^) รีบกลับไปชาร์ทพลัง เพื่อเตรียมพร้อมตะลุยนิมมานต่อในวันที่สองDAY 2ตื่นแต่เช้าเลย เพื่อจะได้มีเวลาเที่ยวได้หลายที่ วันนี้เน้นเดินและแวะกินแถวนิมมาน มีคาเฟ่เปิดเยอะและหลากหลายมากกกมื้อเช้า(แบบรองท้อง) ที่ Mooh Homemade ร้านขนมโฮมเมด สไตล์มินิมอล+ญี่ปุ่น ขนมอร่อยมากกก อยากให้มาลอง! ขนมหมดเร็ว ต้องรีบมาแต่เช้าน้าา พิกัดร้าน อยู่ระหว่างซอยนิมมาน15-17 เปิดทุกวันยกเว้นวันพุธ 7.30-12.00 น. (เดินจากThe Nimman13 Guesthouse เพียง 220 ม.)ไปกันต่อที่ Gao cafe (มื้อเช้าแบบจริงจังของแอร์) เมนูเน้นเป็นพวกเซตอาหารเช้าทั่วไป ขนมปังสังขยาถาดหลุม ไข่กระทะ ราคาไม่แพง ในร้านสวยดี นอกร้านก็มีมุมถ่ายรูปเก๋ๆ เปิดทุกวัน 7.30-18.00 น. เดินจากร้าน Mooh Homemade เพียง 350 ม. จ้าาา กินอิ่มแล้ว ก็เดินย่อย แวะถ่ายรูปในซอยนิมมาน แนะนำให้พกกล้องหรือโทรศัพท์ที่มีเมมโมรี่เยอะๆ ที่สำคัญคือตากล้องหรือเพื่อนคู่ใจ ที่รู้มุมกล้องของเรา :)เดินถ่ายรูปเหนื่อยๆ มาแวะกินไอศกรีมเย็นๆให้ชื่นใจ ที่ ไอศกรีมกดกริ่ง (Homefresh Ice cream) พิกัดอยู่ซอยนิมมานเหมินทร์ซอย 5 ห่างจากร้าน Gao cafe แค่ 240 ม.เท่านั้น เปิดทุกวัน 8.00-18.00 น. ไอศกรีมที่นี่มีรสชาติให้เลือกหลากหลาย ราคาก็ไม่แพง สามารถนั่งกินที่ร้านได้ หรืออยากซื้อกลับบ้านก็ได้เช่นกัน แม้ไม่มีคนเฝ้า แต่มีกล้องวงจรปิดนะจ๊ะ หยิบรสชาติที่ชอบแล้วอย่าลืมจ่ายเงินน้าาเดินไปต่อที่ One Nimman เป็นแหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหาร จุดเด่นคือมีมุมให้ถ่ายรูปเยอะไม่แพ้ที่อื่นๆเลย ห่างจากไอศกรีมกดกริ่ง เพียง 230 ม. เปิดทุกวัน 15.00-23.00 น. ถึงเวลามื้อเที่ยง แอร์เดินมาทั้งวัน เลยขอนั่งรถบ้าง 555555555 นั่งรถแดงแค่ 20.- จาก One Nimman ไปร้านต๋องเต็มโต๊ะ ระยะทาง 600 ม. จริงๆเป็นร้านที่ห่างจากThe Nimman13 Guesthouse เพียง 170 ม. คนเยอะตลอด น่าจะชื่อร้าน "ต๋องโต๊ะเต็ม" มากกว่า :p แต่แอร์ไปช่วงที่เลยเที่ยงมาหน่อย ทำให้รอคิวไม่นานมาก เป็นร้านอาหารเหนือพื้นเมืองที่อร่อยมาก แถมไม่แพงอย่างที่คิดด้วย ไม่แปลกใจเลยที่คิวยาวตลอด เปิด 7.00-21.00 น. ใครมีโอกาสมาเชียงใหม่ ลองแวะมาชิมกันได้น้าาเติมพลังเรียบร้อย ไปต่ออีกหนึ่งแลนด์มาร์ค สายคาเฟ่ไม่ควรพลาด! นั่นก็คือ Transit No.8 เป็นร้านที่คุมโทนสีขาว เทา ดำ สไตล์มินิมอล+โมเดิร์น ดีไซน์ร้านได้น่าดึงดูดให้มาถ่ายรูปมากๆ จากร้านต๋องเต็มโต๊ะนั่งรถแดงมา 30.- ระยะทางแค่1.5 กม. เปิดทุกวัน 8.00-18.00 น. นั่งรถแดง 20.- กลับมา The Nimman13 Guesthouse ก็มีมุมถ่ายรูปน้าา แถมข้างๆก็มีคาเฟ่เล็กๆอีก กล้องไม่เต็มไม่หยุดจ้าDAY 3ตื่นแต่เช้าอีกเช่นเคย วันนี้แอร์จะขึ้นดอย เปลี่ยนบรรยากาศ อยากไปสัมผัสลมหนาวปลายปี เดินทางโดยเช่ารถยนต์พร้อมคนขับ (โชคดีได้คนขับเป็นผู้หญิง^^ รู้สึกไม่ต้องกังวลมาก) หามาจาก Facebook ดูจากรีวิวแล้วดูน่าเชื่อถือราคาคิดยังไงหรอ?? .. คิด 1,900.- เป็นค่าขับรถนำเที่ยวรวมค่าน้ำมัน + 900.- คือขาไปรับจากในเมืองและขากลับมาส่งถึงที่พักในวันที่สี่ เท่ากับ 2,800.- แต่เราไปกับเพื่อน เลยหารกัน เหลือคนละ 1,400.- (มัดจำ 500.-/2 = 250.-) จริงๆคนนำเที่ยวเค้ามีโปรแกรมเที่ยวจัดมาเรียบร้อยแล้ว สามารถเลือกได้ แอร์เลือกบางที่+ที่ที่อยากไปนอกเหนือในโปรแกรม ถ้าไม่นอกเส้นทางมากเค้าก็พาไปจ้าา คนขับที่ได้ใจดีมากๆ แนะนำสถานที่นอกให้ด้วย แถมแวะได้ทุกเมื่อเลยก่อนขึ้นดอย แวะที่สวนดอกไม้ ชื่อว่า สวน We Flower Village ที่มีดอกมากาเร็ตบานสะพรั่งเต็มไปทั่วทั้งทุ่ง ไม่ว่าจะเป็น สีม่วง สีชมพู และสีขาว พิกัดอยู่อำเภอแม่ริม เปิดทุกวันตั้งแต่ 07.00-18.00 น. ค่าเข้าเพื่อบำรุงสวน 50.-/คน และค่าจอดรถ 10.- จ้าา แถวนี้สวนดอกไม้เยอะมาก และนี่คือสวนไม่มีชื่อ สวนข้างทางก็แวะจ้า 555555555555มาต่อที่ไร่สตอเบอร์รี่ สามารถเก็บสตอเบอร์รี่สดๆจากต้นได้เลย โดยราคาคิดขีดละ 30.- แต่ไม่มีค่าเข้าค่าามื้อเที่ยง มาฝากท้องที่ ร้านฟักแก้วอาหารกาแฟริมน้ำ ตั้งอยู่ถนนเส้นแม่ริม สะเมิง อยู่ซ้ายมือก่อนถึงสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ บรรยากาศดี กินอาหารเหนือริมน้ำตก กินเสร็จแล้วมุ่งหน้าสู่จุดหมาย นั่นก็คือ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เป็นสถานที่อนุรักษ์และรวบรวมพรรณไม้ต่างๆ ค่าเข้าชม 40.-/คน และค่านำรถเข้า 100.- (มาหลายคนก็หารกัน ยิ่งถูกจ้าา) มุมสุดฮิตสำหรับสายฮิปเตอร์ก็คือ เรือนพืชทนแล้ง เป็นแหล่งรวมกระบองเพชรชนิดต่างๆ มีมุมให้เดินชมเยอะมากกกกนอกจากนี้ยังมี "Canopy walkway" หรือ ทางเดินลอยฟ้าเหนือเรือนยอดไม้ มีระยะทางกว่า 400 เมตร ให้ได้ชมธรรมชาติและสูดอากาศบริสุทธิ์ได้เวลาขึ้นม่อนแจ่มแล้วว เดินทางขึ้นเขานั้น บางช่วงชันมากและหักศอก บวกกับถนนค่อนข้างแคบ แนะนำให้เช่ารถและให้คนในพื้นที่นำเทียวดีกว่า เพื่อความปลอดภัยไร่ดอกลมหนาว ค่าเข้า 30.- มีมุมให้เลือกถ่ายรูปเยอะมาก ดอกไม้หลายสี แถมมีจุดมวิวด้วย มาแล้วเอาให้คุ้ม!ไปเช็คอินเข้าที่พักกันนน ตื่นเต้นมากๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้นอนกระโจมบนม่อนแจ่ม ใฝ่ฝันมานาน >< แอร์พักที่ Maya Camping 1คืน มีให้เลือกว่าอยากได้ห้องน้ำรวมหรือห้องน้ำส่วนตัว แต่ไม่ซีเรียสเลยเลือกแบบห้องน้ำรวม *ราคานั้นขึ้นอยู่ว่าจะไปช่วงเดือนไหนน้าา ช่วงที่แอร์ไปพักเป็นเดือน ธ.ค. เต็นท์กระโจมห้องน้ำรวม 1,500.-/คืน ส่วนเต็นท์กระโจมห้องน้ำส่วนตัว 2,000.-/คืน (ขนาดกว้างกว่าที่คิด นอนได้ 2 คน กำลังสบาย ไม่อึดอัด) ถ้าต้องการเตียงเสริมเพิ่ม 500 บาท.- ซึ่งราคานี้รวมอาหารเช้าแล้วค่าา แถมสามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้าพักได้ ไม่ต้องห่วงเรื่องความสะดวกเลย มีไฟฟ้าใช้ 24 ชม. ในเต้นท์มีพร้อม ผ้าขนหนู, น้ำดื่ม, สบู่อาบน้ำ, รองเท้าสลิปเปอร์, ไม้แขวนเสื้อ, พัดลม, ปลั๊กไฟ มีเตรียมไว้ให้หมดเลย ห้องน้ำก็มีเครื่องทำน้ำอุ่นจ้าา ตกเย็นอากาศก็เย็นลง บรรยากาศดีๆแบบนี้ ถ้าให้ฟิน คงหนีไม่พ้น "หมูกระทะ" ที่นี่มีบริการเซตหมูกระทะ ราคาชุดเล็ก 499.- หรือจะชุดใหญ่ 799.- บอกเลยมื้อนี้อิ่มและฟินมากกกก^^DAY 4ตื่นเช้ามาอากาศดีมากๆ อุณหภูมิลดลงถึง 13 องศา ..อาหารเช้าพร้อมให้บริการ 7.00 น. เมนูเป็นข้าวต้มหมูสับ เครื่องดื่มก็มีให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นสำหรับ กาแฟ โกโก้ หรือโอวัลติน ถึงเวลาลงจากม่อนแจ่ม เพื่อไปเที่ยวคาเฟ่กันต่อ แต่ก่อนไปก็เอากระเป๋าสัมภาระเข้าไปฝากโรงแรมที่ชื่อว่า Urban House 195 ตอนแรกเข้าใจว่าชื่ออินเตอร์ พอเจอป้ายข้างหน้าซอยเขียน "เออบ้านเฮา 195" ชื่อเก๋ไปอีกกกก ยังคงคอนเซปภาคเหนือจ้าบรรยากาศคือเงียบมาก เงียบจนแอบระแวง จริงๆคือมีคนพักอยู่หลายห้อง แต่ห้องที่นี่เก็บเสียงดีเกิน 555555 ราคาคืนละ 590.- แต่ไม่รวมอาหารเช้านะคะ ที่เลือกที่นี่เพราะว่าใกล้สนามบินจ้าไปจ้าา ฝากสัมภาระเรียบร้อย ไปกินมื้อเที่ยงที่ ฮ้านถึงเจียงใหม่ ร้านนี้คนขับรถที่น่ารักของเราแนะนำมา^^ รอแอร์เก็บสัมภาระแล้วยังมาส่งถึงร้านอีก..แอร์สั่ง ลาบปลาคั่ว ยำกุ้งฝอยทอด แอ๊บหมู น้ำพริกอ่อง และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือข้าวเหนียว เพื่อความอยู่ท้อง >< อร่อยทุกอย่างเลย แถมราคาก็ไม่แพง ตกคนละร้อยกว่าบาทกินอิ่มก็ถึงเวลาตะลุยคาเฟ่ต่อ~ จากร้านฮ้านถึงเจียงใหม่ไป No.39 cafe นั่งรถแดง 50.- (แอบงงว่าปกติก็ 30.- แถมไม่ได้ไกลขนาดนั้น แต่คนขับบอกว่านอกเส้นทาง ไปแล้วก็กลับรถเปล่า เลยยอมจ้า) ที่นี่ชาวต่างชาติเยอะมาก โดยเฉพาะจีนและเกาหลี เป็นร้านกาแฟสำหรับนั่งชิลล์ ตรงกลางมีบึงน้ำสีฟ้า และมีมุมเก๋ๆ ชิคๆ ให้เลือกถ่ายรูปค่อนข้างเยอะ เปิดทุกวัน 9.30-19.00 น. เดินไปต่อที่ บ้านข้างวัด เป็นโครงการที่รวมร้านขายของแฮนเมด สามารถเดินเล่นในบรรยากาศร่มรื่น ชิลล์ๆ ห่างจาก No.39 cafe 650 ม. เปิด อังคาร-อาทิตย์ 11.00-18.00 น.ถัดจาก บ้านข้างวัด เพียง 280 ม. ก็จะเป็น Lan Din cafe เป็นอีกหนึ่งร้านที่อยากแนะนำ เพราะมีทั้งมีโซน indoor และ outdoor บรรยากาศดีมากกกก ขนมและเครื่องดื่มราคาไม่แพงด้วย เปิดทุกวัน 8.00-20.00 น. จ้าาที่สุดท้ายของวันนี้ก็คือ กาดหน้ามอ ~ เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เป็นที่ละลายทรัพย์เลยก็ว่าได้ 5555 ของถูกมาก และมีของให้เลือกมากจนซื้อเพลินได้ ส่วนใหญ่คนที่มาเดินก็เด็กมช.นี่แหละ ราคาก็เลยย่อมเยาว์ ที่นี่เปิดทุกวัน 17.00-22.00 น. แอร์นั่งรถแดงจาก Lan Din cafe มา ระยะทางประมาณ 5 กม. ค่ารถ 45.- จ้า (รูปไม่ได้ถ่ายเลย เพราะเน้นช้อป :p)DAY 5วันสุดท้ายแล้วจ้าาา และเริ่มต้นด้วยการกิน ..นั่งรถแดงจาก Urban House 195 มา 30.- ก็ถึง ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือตี๋หมวย ร้านนี้อาจจะไม่ได้อยู่ในแพลน แต่ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง หลังจากมื้อเช้ากินคาวแล้ว ก็ต้องต่อด้วยของหวาน :) เดินต่อแค่ 350 ม. ก็จะถึงจุดหมาย นั่นก็คือ Magokoro Japanese Teahouse ชื่อร้านก็บ่งบอกขนาดนี้ ใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ชาเขียวต้องมาลอง! ขนมอร่อยมาก แถมร้านก็จัดน่ารัก สไตล์ญี่ปุ่น ^^ด้วยความที่แอร์บินกลับกทม.ไฟล์ทเย็น เวลาเหลือค่อนข้างเยอะ เลยตัดสินใจหาที่นั่งรอเวลาชิลล์ๆ "ที่สุดท้ายของทริปนี้" ..เดินต่อแค่ 60 ม.เท่านั้น ก็ถึง Cafe de L'Amour ใกล้มากๆ ไม่แวะไม่ได้แล้วววว **เป็นทริปเชียงใหม่ 5 วัน 4 คืน ที่ประทับใจมาก ตรงตามแพลนแทบทุกอย่าง หลายคนอาจจะเคยมาแล้ว แต่เชื่อว่าก็มีบางที่ที่หลายคนไม่รู้จักและไม่เคยมา ถ้าสนใจก็ลองไปตามกันดูนะคะ ^^และทริปนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าเพื่อนซี้ของแอร์ไม่ได้ทักมาชวน(เล่นๆ) แต่นี่จริงจัง เตรียมทุกอย่างพร้อมก่อนมาล่วงหน้าเป็นสิบวัน 5555555 ขอปิดท้ายด้วยรูปถ่ายกับรถแดงแล้วกันค่าา..ใครว่าเที่ยวเชียงใหม่แล้วจ่ายเยอะ แสดงว่าคุณไม่รู้จักรถแดง และถ้าใครรักการเดินแบบแอร์ก็จะเซฟเงินได้เยอะเลย แถมเป็นการออกกำลังกายด้วยน้าา