เครดิตภาพจาก THE NET ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ป้องกันฯ แสบตา แสบตา..... หายใจขัด อึดอัด เหมือนหายใจไม่เต็มปอด...สวัสดีครับวันนี้ผู้เขียนมีสาระดี ๆเกี่ยวกับหมอกควัน ไฟป่ามานำเสนอท่านเพื่อเตรียมตัวดูแลสุขภาพของตัวเอง ครอบครัว คนรอบข้องครับ ก่อนอื่นลองมาดูกันกว่าว่าปัญหาหมอกควันเกิดจากอะไร....ปัญหาหมอกควันมีสาเหตุหลัก ๆ มาจากคนเรานี้หละครับ ปัจจุบันเท่าที่ผู้เขียนทราบ (เพราะคลุกคลีอยู่กับ อปท.(องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) จะเห็น และเข้าใจถึงปัญหาเหล่านี้เพราะหน่วยงาน อปท.จะเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับปัญหา คอยแก้ปัญหา และรับคำสั่งตามแนวนโยบายของกรมฯ กระทรวงฯ) ผู้เขียนพบว่า ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากไฟครับหรือเกิดจากการเผาป่านี้หละครับโดยสาเหตุหลักพบว่าเป็นการกระทำของมนุษย์แต่บางส่วนก็พบว่าเกิดจากธรรมชาติแต่ปัจจุบันน้อยมากครับ ส่วนใหญ่เท่าที่เห็นจะเกิดจากมนุษย์นี้หละมากที่สุด เท่าที่ทราบจังหวัดแต่ละจังหวัดโดยเฉพาะทางแถบภาคเหนือได้ออกมาตรการควบคุมการห้ามเผาโดยมีมาตรการทางกฎหมายมาบังคับใช้ และกำหนดให้พื้นที่หมู่บ้าน/ตำบล/อำเภอ เป็นเขตควบคุมการเผาในที่โล่งทุกชนิดโดยอาจจะกำหนดเป็นห้วงเดือน เช่น 2 เดือน 3 เดือน เป็นต้น และมีการกำหนดมาตรการดำเนินการดังต่อไปนี้ 1. ห้ามชุมชนกำจัดวัชพืช ขยะหรือสิ่งอื่นโดยการเผ่าอย่างเด็ดขาด ในเขตพื้นที่เกษตรกรรมหากมีความจำเป็นต้องเผาวัชพืชในพื้นที่เกษตรก่อนมีการประกาศห้ามเผาอย่างเด็ดขาดให้ราษฎรขออนุญาตจากกำนัน/ผู้ใหญ่บ้านในเขตพื้นที่นั้น ๆ เพื่อแจ้งต่อนายอำเภอ 2. หากไม่แจ้งกำนัน/ผู้ใหญ่บ้านในท้องที่ให้กำนัน/ผู้ใหญ่บ้านแจ้งต่อนายอำเภอท้องที่เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับการเผาในที่ชุมชน และพื้นที่เกษตรทำให้ราษฎรได้รับความเดือดร้อนผู้กระทำผิดจะต้องได้รับโทษตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึงฉบับปัจจุบัน (ตรงนี้มีผลกระทำต่อราษฎรโดยตรงเพราะหากมีการเผาจะเป็นเหตุให้เกิดกลิ่น ความร้อน ฝุ่นละออง เขม่า เถ้า ฯลฯ ) มีผลต่อสุขภาพจะมีโทษทั้งจำคุก และทั้งปรับ 3. ห้ามดำเนินการเผาในเขตพื้นที่ริมทางหลวง และห้ามไม่ให้ผู้ใดทำให้เกิดไฟป่าทุกชนิดในเขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตป่าสงวน เขตป่าไม้ ฯลฯ หากฝ่าฝืนจะมีโทษทั้งจำคุก และปรับ เครดิตภาพจาก THE NET ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ป้องกันฯ ทราบหรือไม่ครับว่าหากเราได้สูดหมอกควันหรือหายใจเอาหมอกควันเหล่านี้เข้าไปอาจเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ ปอด โรคผิวหนัง และทำให้เกิดตาแดงเป็นอันตรายต่อดวงตา เครดิตภาพจากผู้เขียน (ดร.อาบแสงจันทร์ ต.) ทีนี้เรามาดูกันครับว่าวิธีป้องกันไม่ให้เราได้รับผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นละออง ควัน ไฟที่เกิดขึ้นได้อย่าง ผู้เขียนขอแนะนำวิธีป้องกันตัวเอง และคนรอบข้างง่าย ๆ ดังนี้ครับ 1. ใส่ผ้าปิดจมูก (หน้ากากอนามัย) แน่นอนครับป้องกันได้บางส่วนแต่ไม่ได้ทั้งหมดนะครับผู้อ่าน หรือแม้กระทั่งผู้เขียนเองคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าจะไม่ไปไหนหรือจะอยู่แต่ในบ้านเก็บเนื้อเก็บตัว (ยากครับ) อย่างน้อยก็ต้องไปทำงาน ไปตลาด ไปนี่โน้นนั่น ป้องกันได้ดีที่สุดหากจะออกไปตามสถานที่ดังกล่าวคือ ใส่หน้ากากอนามัยให้มิดชิดทุกครั้งครับ 2. งดเว้นกิจกรรมกลางแจ้ง ชุมนุมลานกลางแจ้ง เล่นกีฬาต่าง ๆ เช่น ปั่นจักรยาน วิ่ง เต้นแอโรบิค ฯลฯ 3. ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ (โดยใช้อุปกรณ์ นำเกลือที่มีความเข้มข้น 0.9 % ซึ่งหาซื้อได้จากโรงพยาบาลหรือตามร้านขายยา กระบอกฉีดยาพลาสติก หัวฉีดเข้าจมูก)ไม่ยากครับวิธีนี้เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยได้โดยมีประโยชน์ คือ บรรเทาอาการเคืองในจมูก ลดอาการคัดแน่นจมูกทำให้หายใจโล่ง ล้างสิ่งสกปรกในโพรงจมูกออกได้อีกด้วย 4. ช่วยกันเป็นหูเป็นตาไม่ให้มีการก่อการเผ่าหรือเหตุทำให้เกิดไฟป่าซึ่งเป็นสาเหตุของการหมอกควัน 5. งดการเผาใบไม้ เศษไม้ เผาถ่าน เพราะถึงแม้จะไม่มากแต่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่เป็นเหตุที่ทำให้เกิดมลภาวะทางอาการ (หมอกควันไฟป่า) เครดิตภาพจากผู้เขียน (ดร.อาบแสงจันทร์ ต.) เห็นไหมละครับว่า เรื่องเผา ๆ ที่ว่ามานี้ ถือเป็นวาระแห่งชาติแล้วหละครับ เริ่มด้วยช่วยกันนะครับไม่ให้เกิดการเผ่า และใส่ใจดูแลสุขภาพของท่าน ครอบครัว ชุมชน สังคม ตั้งแต่วันนี้ครับผู้เขียนเชื่อแน่ว่า...ไม่ช้าไม่นานอากาศดีดีเราต้องกลับมาแน่นอน....ปะไปดับไฟกัน