เครดิตภาพ : freakwave จาก pixabay สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ที่มีผู้ติดเชื้อในขณะนี้ทั่วโลกมากกว่า 80,000 คน และมีผู้เสียชีวิตเกือบ 3,000 คน สถานการณ์ยังคงรุนแรงมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และขยายไปทั่วโลก ซึ่งหลายๆ ประเทศต่างพยายามรับมือกันอย่างเต็มที่ มีรายงานล่าสุดว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้อ้างอิงงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ที่ระบุว่า สหรัฐครองอันดับประเทศที่รับมือกับโรคระบาดไวรัสโควิด-19 ได้ดีที่สุดในโลก และผลวิจัยนี้ยังบอกว่า ประเทศไทยเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่มีความพร้อมรับมือกับ COVID-19 ได้ดีโดยประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 6 จาก 195 ประเทศ และไทยยังเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศเดียวที่ถูกจัดอันดับให้อยู่ในอันดับต้นๆ ของโลกสำหรับประเทศที่มีความพร้อมในการเตรียมตัวรับมือโรคระบาดได้ดีและยังมีระบบการป้องกันการติดเชื้อที่ดี นั่นหมายความว่า ไทยสามารถรับมือกับไวรัสโควิด-19 ได้ ทำให้ไทยยังไม่เข้าสู่การแพร่ระบาดในระดับ 3 และมีผู้ติดเชื้อน้อยกว่าประเทศอื่นในโลกอีกด้วย เครดิตภาพ : geralt จาก Pixabay โรคโควิด-19 ถูกประกาศให้เป็นโรคติดต่ออันตรายลำดับที่ 14 บุคคลใดที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง เพื่อปิดกั้นการเกิด Super Spread ควรที่จะให้ข้อมูลที่เป็นจริงและกักตัวเองอย่างน้อย 14 วัน เพื่อรับผิดชอบต่อสังคมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ขณะนี้ได้มีการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย สำหรับใครที่ปกปิดข้อมูลที่จำเป็นต่อการสอบสวนโรค มีโทษปรับ 20,000 บาท โดยนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้มีการลงนามแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอประกาศในราชกิจจานุเบกษา จะมีผลบังคับใช้หลังจากนั้น 1 วัน เมื่อประกาศมีผลบังคับใช้จะมีการดำเนินการตาม พรบ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 หากบุคคลใดไม่แจ้งข้อมูลตามจริง จะมีโทษสูงสุด คือ จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้เจ้าพนักงานยังมีอำนาจตาม มาตรา 34(1) นำผู้ที่เป็นหรือมีเหตุสงสัยว่าเป็นโควิด-19 หรือผู้สัมผัส มารับการตรวจ การชันสูตร แยกกักกัน คุมไว้สังเกต หากฝ่าฝืนปรับไม่เกิน 20,000 บาท มาตรา 35 กรณีมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนสั่งปิดสถานที่ต่างๆ หรือสั่งห้ามไปในสถานที่ชุมชน สถานศึกษาหรือสถานที่ใด หรือสั่งหยุดงานชั่วคราว หากฝ่าฝืนโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 39 (5) ห้ามเจ้าของ/ผู้ควบคุมพาหนะนำผู้เดินทางที่ไม่ได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคเข้าประเทศ โทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท เครดิตภาพ : TheDigitalArtist จาก pixabay สาเหตุที่โควิด-19 แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วส่วนหนึ่งก็มาจากผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศที่มีการระบาดสูงทั้งประเทศจีน มาเก๊า ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ อิหร่านและอิตาลี ขาดความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติตัวให้ถูกต้อง ไม่แยกตัวหลังจากเดินทางกลับจึงมีโอกาสไปแพร่เชื้อและยังปกปิดข้อมูล ไม่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางเมื่อเจ็บป่วยทำให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้ล่าช้า เครดิตภาพ : geralt จาก pixabay สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาในประเทศไทยขณะนี้อยู่ในระยะที่ 2 หากประเทศไทยจะเข้าสู่การระบาดในระยะที่ 3 ก็จะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน แต่หากเรารับมือไวรัสโคโรนาได้ดี ก็จะอยู่ในระยะที่ 2 ได้นานและระยะที่ 3 อาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ หรือถ้าเกิดระยะที่ 3 ไทยเราก็เตรียมรับมือสถานการณ์เลวร้ายที่สุดเอาไว้แล้ว ซึ่งอาจจะไม่รุนแรงเท่าที่อู่ฮั่น ผู้เขียนเองก็หวังเช่นนั้น ขอให้ไทยเราอยู่แค่ระยะที่ 2 อย่าให้เกิดระยะที่ 3 เลยค่ะ และขอให้ทั่วโลกสามารถหยุดยั้งการแพร่กระจายไวรัสโคโรนาได้ในเร็ววันค่ะ ผู้เขียนเองก็หวังเช่นนั้นขอให้อยู่แค่ระยะที่ 2 อย่าให้เกิดระยะที่ 3 เลยค่ะ ส่วนตัวของผู้เขียนก็มีการป้องกันตัวเองมากขึ้น ด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัยเวลาที่ต้องออกไปข้างนอก ไปยังสถานที่ที่มีผู้คนแออัดอย่างตลาดสด ห้างสรรพสินค้า พกแอลกอฮอล์ฉีดพ่นมือเพื่อป้องกันเชื้อโรคเพราะมือของเราต้องไปสัมผัสกับสิ่งของต่างๆ ที่ใช้ร่วมกับผู้อื่น และพยายามไม่เอามือของตัวเองสัมผัสใบหน้า ตา จมูก ปาก เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย หลังจากหยิบจับของที่ใช้ร่วมกับคนอื่น อย่างธนบัตร ลิฟท์ ก็จะล้างมือให้สะอาด และล้างมือทุกครั้งก่อนทานอาหารค่ะ ช่วงไวรัสโควิด-19 กำลังระบาดในขณะนี้ เราต้องล้างมือให้สะอาดบ่อยขึ้นกว่าเดิมเพื่อป้องกันการเสี่ยงติดโรค ที่สำคัญอย่าลืมดูแลตัวเองและคนใกล้ชิดเป็นพิเศษด้วยการกินร้อน ช้อนกลาง เพื่อป้องกันไวรัสโคโรไรน่าด้วยนะคะ