สำหรับผู้ที่เริ่มต้นหัดวิ่ง วิ่งได้แค่ 5 -10 นาทีก็รู้สึกเหนื่อย หอบแล้ว ทำให้เกิดความท้อใจในการวิ่ง อยากจะบอกว่าเมื่อก่อนผมก็วิ่งแค่ 1 กิโลเมตรก็รู้สึกหน้ามึด จะเป็นลมแล้วครับ ผมก็ฝึกซ้อมเรื่อย ๆ จนสามารถเริ่มวิ่งจาก 1 กิโลเมตร เพิ่ม เป็น 5 กิโลเมตร 10 กิโลเมตร 15 กิโลเมตร 20 กิโลเมตร ซึ่งเราก็สามารถฝึกฝนพัฒนาตนเองให้สามารถวิ่งได้ไกลขึ้น เร็วขึ้น และวิ่งได้แบบไม่เหนื่อยด้วยครับ บทความนี้จะมาแนะนำการวิ่งไม่ให้เหนื่อยและวิ่งได้ไกลขึ้นครับ ภาพจากผู้เขียน ช่วงแรกที่ผมเริ่มวิ่งผมจะสลับเดินเร็ว และวิ่งช้า ๆ ถ้าเราวิ่งไปเรื่อย ๆ แล้วรู้สึกเหนื่อยก็จะสลับมาเดินเร็ว ทำแบบนี้วนไปเรื่อย ๆ 20 - 30 นาที โดยจะพยายามไม่หยุดพักนะครับ ถ้าเหนื่อยก็เดินเร็วเข้าไว้ เพื่อให้ร่างกายเรา active อยู่ตลอดครับ เมื่อเราทำไปเรื่อย ๆ จนเคยชินกับการวิ่งแล้ว ก็ค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลาวิ่ง ทุก ๆ อาทิตย์ ช่วงแรก อาจจะวิ่งแค่ 5 นาที เดินเร็ว 3 นาที ทำแบบนี้ 5 -6 วัน ต่ออาทิตย์ พอร่างกายเริ่มชินและแข็งแรงขึ้น ก็เพิ่มระยะการวิ่ง และระยะเวลาวิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ลดการเดินเร็วลง อาจจะเพิ่มเวลาวิ่ง 8 นาที เดินเร็ว 2 นาที ทำแบบนี้ทุกอาทิตย์แล้วค่อย ๆ พัฒนาไปเรื่อย ๆ ครับ ภาพจากผู้เขียน และผมมาเสริมกล้ามเนื้อให้แข็งแรงด้วยการเวทเทรนนิ่งเพื่อไม่ให้เกิดการบาดเจ็บหลังการวิ่ง โดยท่าที่ผมทำหลัก ๆ เลยคือท่า สควอช แยกขากว้างประมาณหัวไหล่ แล้วย่อตัวลง อย่าให้เข่าเลย ปลายเท้า เกรงลำตัวไว้ด้วยนะครับ ท่านี้ผมจะทำ 3 เซต เซตละ 15 ครั้ง ทำทุกวันก่อนวิ่ง หรือหลังวิ่งเสร็จ และอีกท่าหนึ่ง คือท่าแพลงกิ้ง ครับ ท่านี้จะช่วยบริหารแกนกลางลำตัว ที่จำเป็นมาก ๆ สำหรับการวิ่งครับ ท่านี้ทำค้างไว้ 40 วินาที ทำประมาณ 3 -4 รอบ ครับ ภาพจากผู้เขียน พอเราฝึกวิ่ง และเวทเทนรนิ่งแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนรู้สึกว่าร่างกายและหัวใจแข็งแรงก็ให้วิ่งต่อเนื่องโดยที่ไม่ต้องหยุดเดิน ก็เริ่มต้นจากการวิ่งช้า ๆ ก่อน ไม่ต้องเร่งความเร็ว ใช้เวลาวิ่ง สัก 10 นาที แล้วค่อย ๆเพิ่มความเร็วขึ้น เอาเท่าที่เราทำได้นะครับ สำหรับผู้ที่เริ่มวิ่งใหม่ ๆ ก็อย่าเพิ่งใจร้อน วิ่งเร็ว จะทำให้เราเกิดการบาดเจ็บได้ ค่อยพัฒนาไปเรื่อย ๆ นะครับ ที่สำคัญคืออย่าหยุดวิ่ง ถ้าเราหยุดวิ่งร่างกายเราก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ให้เราซ้อมอย่างสม่ำเสมอนะครับ