วันลอยกระทงหรือทางภาคเหนือที่คนบ้านเราเรียกว่ากันว่า "ยี่เป็ง" ข้อมูลจากเว็บของหอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้กล่าวไว้ว่า "ประเพณียี่เป็ง หรือประเพณีเดือนยี่ คำว่า ยี่ ในภาษาล้านนาหมายถึงเดือน ๒ ส่วนคำว่า เป็ง หมายถึง คืนที่มีพระจันทร์เต็มดวง ดังนั้น ยี่เป็ง จึงหมายถึงวันเพ็ญเดือนยี่ ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือนสิบสองของภาคกลาง การนับเดือนของล้านนานั้น เร็วกว่าภาคกลาง ๒ เดือน อันเนื่องมาจากการนับเดือนของชาวล้านนา เป็นการนับทางจันทรคติแบบจีน ประเพณียี่เป็ง ถือเป็นประเพณีที่สนุกสนานรื่นเริงของชาวล้านนาในยามฤดูปลายฝนต้นหนาว ท้องทุ่งข้าวออกรวงเหลืองอร่าม บางแห่งอยู่ในระหว่างเก็บเกี่ยว ท้องฟ้าปลอดโปร่งแจ่มใสยิ่งนัก" เป็นเทศกาลที่ผมชอบที่สุดในปีๆหนึ่งที่เชียงใหม่ เพราะฉะนั้นเมื่อใกล้เทศกาลลอยกระทง ผมก็จะตั้งตารอ การได้เดินในคูเมืองแล้วเห็นโคมที่ประดับประดาไปมา มันสวยงามแบบดูกี่ปีๆก็ไม่เคยเบื่อ ผมเริ่มต้นด้วยการไปวัดฟ้าฮ่ามซึ่งเป็นวัดประจำในช่วงสองสามปีให้หลังนี้เพราะว่ามีท่าน้ำให้ลอยกระทงด้านหลังวัด เนื่องจากวัดอยู่ติดริมน้ำปิงและที่สำคัญคือค่อนข้างห่างจากตัวเมือง ทำให้คนไม่ค่อยเยอะมาก ถ้าขับรถส่วนตัวมาแนะนำให้มาค่ำๆหน่อย ประมาณสองสามทุ่มขึ้นไป รถจะไม่เยอะเท่าช่วงหกโมงเย็น แต่ถ้าขี่มอเตอร์ไซด์มาจะมากี่โมงก็ได้ครับ หาที่จอดได้ง่าย จอดเสร็จผมก็จะเดินไปด้านหลังวัดครับ ระหว่างทางเดินเข้าไปที่ท่าน้ำ ทางวัดจะเอากระทงมาจำหน่ายให้คนทั่วไปซื้อไปลอย ซึ่งก็ไม่ได้แพงมาก ผมซื้อพร้อมเดินไปกับเพื่อนญี่ปุ่นที่ดูจะตื่นเต้นกับเทศกาลนี้เป็นอย่างมากเพราะเป็นตอนแรกที่มาเมืองไทยช่วงเทศกาลยี่เป็งพอดี ปีนี้คงจะต้องเปลี่ยนคำพูดใหม่ คนเยอะมากครับ ฮ่าๆ เริ่มเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติมาลอยกระทงที่วัดฟ้าฮ่ามมากขึ้นกว่าปีก่อนๆ ซึ่งหลังจากที่ลอยหระทงเสร็จ ผมชอบยืนดูกระทงจากมุมริมน้ำเพื่อหาจุดถ่ายรูป แต่ด้วยความที่กล้องมือถือผมไม่ค่อยดีกมาก ภาพที่ออกมาจึงไม่ค่อยสวยเท่าไร แต่ถ้ามองด้วยตาเปล่าสวยงามครับ เสร็จจากลอยกระทงผมก็ชวนเพื่อนชาวญี่ปุ่นซ้อนมอเตอร์ไซด์ไปจอดใกล้ๆตลาดวโรรสเพื่อที่จะไปยังสะพานนวรัฐเพื่อปล่อยโคมลอย เพราะเชียงใหม่จะจำกัดพื้นที่สำหรับปล่อยโคมแค่บริเวณสะพานนวรัฐ ระหว่างที่ผมพาเพื่อนเดินผ่านนักท่องเที่ยวที่ต้องบอกว่าเยอะมากจริงๆสำหรับเทศกาลยี่เป็งปีนี้ ส่วนตัวทั้งรู้สึกดีที่เชียงใหม่มีนักท่องเที่ยวเยอะแบบนี้อีกครั้งหลังจากที่ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาค่อนข้างเงียบถึงเงียบมากเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ สิ่งที่ผมสังเกตได้อีกอย่างคือ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะตื่นตาตื่นใจกับการปล่อยโคมลอยมากๆ เท่าที่ผมได้ลองถามนักท่องที่ยวที่คนผ่านไปผ่านมาแล้วก็ถามเพื่อนที่มาจากญี่ปุ่น ทุกคนมีภาพจำเทศกาลนี้จากการที่คนปล่อยโคมพร้อมกันเป็นร้อยๆโคม นั้นจึงเป็นคำตอบว่าทำไมนักท่องเที่ยวถึงดูตื่นเต้นกับการปล่อยโคมแล้วอยากมีส่วนร่วมที่จะได้ปล่อยโคมด้วยตัวเองกัน ในความสวยงามของการปล่อยโคมเป็นจำนวนมากขึ้นทุกปีประกอบกับการรับรู้ของนักท่องเที่ยวที่มีต่อการปล่อยโคมที่มากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน คงจะไม่เป็นผลดีถ้านักท่องเที่ยวต่างชาติรับรู้แค่ว่าประเพณีในเทศกาลยี่เป็งมีแค่การปล่อยโคมแล้วถ่ายรูปสวยๆ แต่จะเป็นการดีถ้าเราช่วยกันสื่อสารให้ทราบถึงที่มาที่ไปของเทศกาลยี่เป็งให้ลึกซึ้งกว่านี้ แล้วการจำกัดการปล่อยโคมที่มากเกินไปก็เป็นสิ่งที่ภาครัฐควรจะต้องหาทางแก้ไขระยะยาว เพราะมันเป็นเรื่องที่พูดยาก ถ้าอยู่ๆจะให้ประชาชนหยุดปล่อยโคมทั้งหมด แต่ผมเชื่อว่าเรามีตรงกลางให้กันระหว่างประชาชน นักท่องเที่ยวและภาครัฐครับ ข้อมูลอ้างอิงเทศกาลยี่เป็ง : http://library.cmu.ac.th/ntic/lannatradition/yeepeng.phpI